ASTVผู้จัดการรายวัน - 3 ค่ายรถจากญี่ปุ่น และอินเดีย เพิ่มบทบาทประเทศไทย ยกเป็นฐานสำคัญต่อธุรกิจระดับโลก ซีอีโอ “มาสด้า” บินมาประกาศชูไทยเป็นหนึ่งเสาหลัก เผยเข้าเปิดอกคุยกับรัฐบาลจริงจัง เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 ด้าน “มิตซูบิชิ” ทุ่มลงทุน 500 ล้านบาท สร้างสนามทดสอบนอกญี่ปุ่นแห่งแรก ขณะที่ “ทาทา” ตัดสินใจลุยตลาดไทยต่อ เพิ่มทุนบริษัทอีกพันล้านบาท
นายมาซามิชิ โคไก คณะกรรมการ, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น กล่าวในการเดินทางมาเปิดสายการผลิตรถยนต์นั่ง “มาสด้า3” รุ่นใหม่ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (AAT) ในไทยว่า มาสด้าได้ร่วมทุนกับฟอร์ดเปิดโรงงานเอเอที มาตั้งแต่ปี 1997 เนื่องจากไทยเป็นตลาดใหญ่ของอาเซียน และยังมีความพร้อมในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน และระบบขนส่ง จึงเป็นศูนย์กลางของการส่งออกไปทั่วโลก ทำให้มาสด้ามองความสำคัญของไทยมาตลอด โดยเมื่อรวมการปรับไลน์ผลิตรองรับมาสด้า 3 ใหม่ ใช้เงินลงทุนในโรงงานเอเอทีไปกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท
“การลงทุนตั้งโรงงานเกียร์อัตโนมัติเทคโนโลยีกายแอคทีฟ แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น มูลค่าลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทในไทย โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีหน้า และการเริ่มต้นผลิตรถมาสด้า 3 รุ่นใหม่ หรือการหารืออย่างจริงจังกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ระยะที่ 2 จากบทบาทตรงนี้ประเทศไทยจึงเป็นเสาหลักที่สำคัญ ต่อการดำเนินธุรกิจระดับโลกของมาสด้า ทั้งในแง่การขายและการผลิต”
นายโคไกกล่าวว่า ดังนั้นการเพิ่มบทบาทของมาสด้าในไทย แสดงให้เห็นไทยเป็นหนึ่งใน 4 ตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลกของมาสด้า โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ เช่นเดียวกับฐานการผลิตในญี่ปุ่น จีน และแม็กซิโก ซึ่งการวางฐานผลิตประเทศเหล่านี้ เป็นเสาหลักทางธุรกิจของมาสด้าในทั่วโลก เพราะแต่ละแห่งหรือภูมิภาคยังมีความผันผวน หรือตัวแปรเรื่องของค่าเงิน บทบาทของแต่ละฐานการผลิต และมีาเรื่องผลประกอบการ จึงจำเป็นต้องเฉลี่ยความสำคัญของแต่ละประเทศเท่าๆ กัน ในการดำเนินนโยบายทางธุรกิจของมาสด้า
“ส่วนเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในไทย มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น แต่การดำเนินธุรกิจของมาสด้า มองระยะกลางจนถึงระยะยาว จึงยังเชื่อมั่นไทยเป็นประเทศที่ยังน่าลงทุน จะเห็นได้จากการลงทุนต่างๆ หรือการเปิดอกคุยอย่างจริงจังกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับการดำเนินโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 6.5 พันล้านบาท แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย แต่ยังมีโอกาสสุดท้ายที่เหลืออยู่จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้”
นายมาซะฮิโกะ อุเอะกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น (MMC) ประกาศแผนงานธุรกิจระยะกลาง “นิว สเตจ 2016” มุ่งพัฒนาให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย (MMTh) เป็นตลาดหลัก และฐานการดำเนินงานในกลุ่มประเทศอาเซียน
“ล่าสุดมิตซูบิชิได้เลือกที่ดินสำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ภายในจังหวัดชลบุรี ห่างจากโรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังเพียง 26 กิโลเมตร หรือประมาณ 30 นาที ด้วยงบประมาณลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท เราคาดหวังว่าสนามทดสอบแห่งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการพัฒนารถยนต์รุ่นปรับปรุงใหม่ และออกแบบเทคโนโลยีต่างๆ ให้เหมาะสมกับตลาดอาเซียน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถยนต์แห่งที่ 3 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ปัจจุบันอยู่ในช่วงระยะที่ 1 ของแผนธุรกิจมิตซูบิชิในไทย ซึ่งเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การดำเนินงาน ภายใต้ภารกิจหลัก 3 ประการ ได้แก่ มุ่งพัฒนาคุณภาพของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มบทบาทในการพัฒนารุ่นไมเนอร์เชนจ์ สำหรับตลาดเมืองไทย ด้วยการมีส่วนร่วมในการพัฒนากับผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ มากขึ้น และเพื่อค้นคว้าข้อมูลแนวโน้มการตลาดและเทคโนโลยีในตลาดกลุ่มอาเซียน โดยอาศัยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยในการศึกษาวิจัย ทดสอบ และวิเคราะห์ ในด้านเทคโนโลยียานยนต์เฉพาะทาง ซึ่งรวมถึงการจัดสร้างสนามทดสอบรถยนต์ในไทยแห่งใหม่นี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวจาก “ทาทา มอเตอร์ส” บริษัทรถยนต์จากประเทศอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะลดบทบาทในตลาดไทย และหันไปสนใจลงทุนในประเทศอินโดนีเซียแทน ประกอบกับมีการลาออกและเปลี่ยนแปลงทีมบริหารของทาทาในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่แล้ว แต่ล่าสุดทาทา มอเตอร์ส ได้ตัดสินใจที่จะยังคงความสำคัญบทบาทในไทยต่อไป โดยได้เพิ่มเงินทุนในบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท ในการดำเนินการผลิตและขายปิกอัพทาทา ในตลาดไทยให้แข็งแกร่งตามเป้าหมายต่อไป
นายมาซามิชิ โคไก คณะกรรมการ, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น กล่าวในการเดินทางมาเปิดสายการผลิตรถยนต์นั่ง “มาสด้า3” รุ่นใหม่ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (AAT) ในไทยว่า มาสด้าได้ร่วมทุนกับฟอร์ดเปิดโรงงานเอเอที มาตั้งแต่ปี 1997 เนื่องจากไทยเป็นตลาดใหญ่ของอาเซียน และยังมีความพร้อมในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน และระบบขนส่ง จึงเป็นศูนย์กลางของการส่งออกไปทั่วโลก ทำให้มาสด้ามองความสำคัญของไทยมาตลอด โดยเมื่อรวมการปรับไลน์ผลิตรองรับมาสด้า 3 ใหม่ ใช้เงินลงทุนในโรงงานเอเอทีไปกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท
“การลงทุนตั้งโรงงานเกียร์อัตโนมัติเทคโนโลยีกายแอคทีฟ แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น มูลค่าลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทในไทย โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีหน้า และการเริ่มต้นผลิตรถมาสด้า 3 รุ่นใหม่ หรือการหารืออย่างจริงจังกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ระยะที่ 2 จากบทบาทตรงนี้ประเทศไทยจึงเป็นเสาหลักที่สำคัญ ต่อการดำเนินธุรกิจระดับโลกของมาสด้า ทั้งในแง่การขายและการผลิต”
นายโคไกกล่าวว่า ดังนั้นการเพิ่มบทบาทของมาสด้าในไทย แสดงให้เห็นไทยเป็นหนึ่งใน 4 ตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลกของมาสด้า โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ เช่นเดียวกับฐานการผลิตในญี่ปุ่น จีน และแม็กซิโก ซึ่งการวางฐานผลิตประเทศเหล่านี้ เป็นเสาหลักทางธุรกิจของมาสด้าในทั่วโลก เพราะแต่ละแห่งหรือภูมิภาคยังมีความผันผวน หรือตัวแปรเรื่องของค่าเงิน บทบาทของแต่ละฐานการผลิต และมีาเรื่องผลประกอบการ จึงจำเป็นต้องเฉลี่ยความสำคัญของแต่ละประเทศเท่าๆ กัน ในการดำเนินนโยบายทางธุรกิจของมาสด้า
“ส่วนเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในไทย มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น แต่การดำเนินธุรกิจของมาสด้า มองระยะกลางจนถึงระยะยาว จึงยังเชื่อมั่นไทยเป็นประเทศที่ยังน่าลงทุน จะเห็นได้จากการลงทุนต่างๆ หรือการเปิดอกคุยอย่างจริงจังกับรัฐบาลไทย เกี่ยวกับการดำเนินโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 6.5 พันล้านบาท แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย แต่ยังมีโอกาสสุดท้ายที่เหลืออยู่จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้”
นายมาซะฮิโกะ อุเอะกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น (MMC) ประกาศแผนงานธุรกิจระยะกลาง “นิว สเตจ 2016” มุ่งพัฒนาให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย (MMTh) เป็นตลาดหลัก และฐานการดำเนินงานในกลุ่มประเทศอาเซียน
“ล่าสุดมิตซูบิชิได้เลือกที่ดินสำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ภายในจังหวัดชลบุรี ห่างจากโรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังเพียง 26 กิโลเมตร หรือประมาณ 30 นาที ด้วยงบประมาณลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท เราคาดหวังว่าสนามทดสอบแห่งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการพัฒนารถยนต์รุ่นปรับปรุงใหม่ และออกแบบเทคโนโลยีต่างๆ ให้เหมาะสมกับตลาดอาเซียน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ซึ่งเป็นสนามทดสอบรถยนต์แห่งที่ 3 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ปัจจุบันอยู่ในช่วงระยะที่ 1 ของแผนธุรกิจมิตซูบิชิในไทย ซึ่งเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การดำเนินงาน ภายใต้ภารกิจหลัก 3 ประการ ได้แก่ มุ่งพัฒนาคุณภาพของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มบทบาทในการพัฒนารุ่นไมเนอร์เชนจ์ สำหรับตลาดเมืองไทย ด้วยการมีส่วนร่วมในการพัฒนากับผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ มากขึ้น และเพื่อค้นคว้าข้อมูลแนวโน้มการตลาดและเทคโนโลยีในตลาดกลุ่มอาเซียน โดยอาศัยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยในการศึกษาวิจัย ทดสอบ และวิเคราะห์ ในด้านเทคโนโลยียานยนต์เฉพาะทาง ซึ่งรวมถึงการจัดสร้างสนามทดสอบรถยนต์ในไทยแห่งใหม่นี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวจาก “ทาทา มอเตอร์ส” บริษัทรถยนต์จากประเทศอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะลดบทบาทในตลาดไทย และหันไปสนใจลงทุนในประเทศอินโดนีเซียแทน ประกอบกับมีการลาออกและเปลี่ยนแปลงทีมบริหารของทาทาในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่แล้ว แต่ล่าสุดทาทา มอเตอร์ส ได้ตัดสินใจที่จะยังคงความสำคัญบทบาทในไทยต่อไป โดยได้เพิ่มเงินทุนในบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท ในการดำเนินการผลิตและขายปิกอัพทาทา ในตลาดไทยให้แข็งแกร่งตามเป้าหมายต่อไป