ต้องยอมรับว่า “ฟอร์ด” ห่างหายจากตลาดเอสยูวี/พีพีวี ในแง่การสื่อสาร การสร้างกระแส และแสดงความมีตัวตนเพื่อท้าชนกับคู่แข่งในทุกระดับมาสักระยะแล้ว แน่นอนครับ นักรบถ้าจะทำสงครามก็ต้องมีอาวุธดีๆเอาไว้สู้กับข้าศึก มีเพียงหัวใจและกลยุทธ์อาจจะไม่พอ
ที่เงียบไปด้วยอาวุธโบราณไม่อาจต่อกร แต่ก็ใช่ว่าฟอร์ดจะไม่ทำอะไรเลย เพียงแต่ช่วงนี้กำลังรอมะม่วงสุกงอมแล้วหล่นลงมาจากต้น หรือรอเวลาให้โปรดักต์ใหม่พร้อมผลิตและทำตลาดอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ที่พัฒนาบนพื้นฐานปิกอัพมหาเทพอย่าง“เรนเจอร์” ก็เปิดตัวรถต้นแบบออกมาแล้ว และภายในปีนี้บ้านเราน่าจะได้สัมผัสตัวจริง ส่วน “เอสเคป” ที่เงียบไปนาน แต่ถ้าดูจากทิศทางของคอมแพกต์เอสยูวีรุ่น“คูก้า ใหม่” ที่เริ่มทำตลาดในหลายประเทศ ซึ่งบ้านเราก็อิงโฉมนี้เพียงแต่ต้องลุ้นว่าจะมากับทางเลือกเครื่องยนต์แบบใด คาดว่าปี 2558 คงจะได้เห็นหน้าเห็นหลัง
ส่วนที่ทำตลาดในปัจจุบันอย่าง “เทอร์ริทอรี่” วางเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล วี6 ขนาด 2.7 ลิตร นำเข้ามาจากออสเตรเลีย พร้อมราคาขาย 2.99 ล้านบาท ก็ไม่ได้เป็นตัวทำยอดขาย หลายคนอาจจะลืมไปด้วยซ้ำว่ามีอยู่
อย่างไรก็ตามเอสยูวีทีเด็ดของฟอร์ดชั่วโมงนี้ต้องยกให้“เอคโค่สปอร์ต” รถโกลบอลโมเดลระดับซับคอมแพกต์หรือบีเซกเมนต์เอสยูวี ซึ่งฟอร์ดประเมินว่ารถกลุ่มนี้จะมีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยถือเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่ได้ผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในโลก(บราซิล จีน อินเดีย)
สำหรับ“เอคโค่สปอร์ต”ถูกพัฒนาบนพื้นฐานวิศวกรรมเดียวกับเก๋งรุ่น “เฟียสต้า” พร้อมขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) จังหวัดระยอง โดยอวดโฉมในเมืองไทยครั้งแรกที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2013
ส่วนตัวจริงพร้อมขายเปิดราคาในช่วงปลายปีเดียวกัน พร้อมแบ่งเป็นรุ่น Ambiente เกียร์ธรรมดา ราคา 6.69 แสนบาท และเกียร์ดูอัลคลัทช์ 3 รุ่นย่อย ไล่ตั้งแต่ Ambiente 7.09 แสนบาท Trend 7.59 แสนบาท และตัวท็อป Titanium ราคา 8.29 แสนบาท ซึ่งทุกรุ่นวางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตรบล็อกเดียวกับเฟียสต้า (ส่วนเครื่องยนต์อีโคบูสต์ ฟอร์ดยังไม่มีแผนยกมาประจำการในเอคโค่สปอร์ต)
...ด้วยประเภทรถ ขนาดตัวถัง เครื่องยนต์ และราคา เอคโค่สปอร์ตหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะโดนตั้งคำถามเปรียบเทียบกับ “นิสสัน จู๊ค” ซึ่งประเด็นนี้ผู้เขียนจะนำมาประกบทดสอบเปรียบเทียบอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะนำบทความมาเสนอในโอกาสต่อไป
เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก รถยนต์ทั้งสองรุ่นแต่งกันชัดเจน คันหนึ่งบึกบึนสไตล์อเมริกันพันธ์แกร่ง ส่วนอีกคันดูสปอร์ตแหวกแนว มีลูกเล่นสไตล์ญี่ปุ่น
มิติตัวถังของเอคโค่สปอร์ต ยาวและสูงกว่าจู๊คนิดๆ ส่วนความกว้างเท่ากันพอดี ระยะฐานล้อเอคโค่สปอร์ตมากกว่า 1 มม. ขณะที่ระยะต่ำสุดจากพื้นเอคโค่สปอร์ต 200 มม. สูงกว่าจู๊ค 20 มม.
ทั้งนี้ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต เลือกที่จะวางล้อยางอะไหล่ติดไว้กับประตูท้าย โดยวิศวกรให้เหตุผลว่าจากการสำรวจผู้บริโภคกว่า 70% ชอบที่จะให้ห้อยยางอะไหล่ไว้ด้านหลัง เพื่อแสดงถึงความเป็นเอสยูวีขนานแท้ ขณะเดียวกันฟอร์ดยังยอมรับว่า การที่รถมีความยาวเพียง 4 เมตรนิดๆ ก็มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ หากต้องการวางล้อยางอะไหล่ที่ได้ขนาดเท่ากับชุดขับจริง (ตัวท็อปใช้ขอบ16 นิ้ว) ไว้ใต้ที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
เรื่องการวางล้อยางอะไหล่ไว้ตรงกลางของบานประตูท้ายก็แล้วแต่คนชอบครับ แต่ผู้เขียนกลับติดใจประเด็นที่ว่า ประตูหลังบานนี้ ดันถูกออกแบบให้เปิดออกด้านข้างแบบตู้เย็น ต่างจากเอสยูวีรุ่นใหม่ๆที่เลือกเปิดยกขึ้นด้านบน
ส่วนหนึ่งเพราะยางอะไหล่ที่ติดอยู่กับบานประตูนี่ละครับ แต่เรื่องที่ไม่เข้าใจคือ ประตูบานดังกล่าวต้องเปิดจากขวามาซ้าย(ซ่อนมือเปิดไว้ที่ไฟท้าย) ดังนั้นถ้าเป็นรถพวงมาลัยขวาอย่างบ้านเรา ขับชิดซ้ายจอดชิดซ้าย เวลาจอดเทียบทางเท้าแล้วขนสัมภาระขึ้นลงคงต้องอ้อมกันนิด หรือไม่น่าจะสะดวกสบายนัก
...รถยังเปลี่ยนพวงมาลัยได้ซ้าย-ขวาตามประเทศที่ทำตลาดได้ แต่กับฝั่งฝาบานประตูทำไมไม่ยอมเปลี่ยนตาม ซึ่งวิศวกรของฟอร์ดแจงว่า ด้วยความที่เอคโค่สปอร์ตเป็นรถโกลบอลโมเดล รุ่นเดียวแบบเดียวขายทั่วโลก จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนตรงจุดนี้ (จริงก็ทำได้หมด แต่มันมีต้นทุนเพิ่ม)
ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ยังชูจุดเด่นเรื่องความอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถที่ยกสูง ทัศนวิสัยการขับขี่มองได้ไกลขึ้น แถมลุยน้ำได้สูงสุด 550 มม. (น่าจะท่วมล้อ) พร้อมลุยฟ้าฝ่าฝน แถมยังมีซันรูฟที่ไม่รู้จะได้ใช้บ้างหรือเปล่าแต่กับรถราคาขนาดนี้ก็ถือเป็นมูลค่าที่น่าชื่นชม (เอาไปเป็นจุดขายได้)
ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังหากไม่พีบเบาะจะมี 362 ลิตร แต่ถ้าพันเบาะนั่งแถวสองให้เด้งไปชิดเบาะหน้าจะเพิ่มพื้นที่ตรงนี้ได้ถึง 705 ลิตร
การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังอาจะไม่กว้างขวางนัก นั่งสองคนกำลังดีแต่ถ้าสามเบียดแน่น ระยะขามีติด ส่วนระยะหัวเหลือพอสมควร จุดเด่นของเอคโค่สปอร์ตอยู่ที่การเก็บเสียงและแรงสั่นอาการสะเทือนภายในห้องโดยสาร
ฟอร์ดบอกว่ามีการพัฒนาเรื่อง NVH (Noise Vibration Harshness) ทั้งเพิ่มวัสดุซับเสียงบริเวณประตู หลังคาและพื้นห้องโดยสาร พร้อมยางขอบประตูซีลสองชั้น และคุยว่าเป็นรถที่เงียบที่สุดในคลาสเดียวกัน
เรื่องนี้ผู้เขียนได้สัมผัสตรงก็ยกให้จริงตามนั้น เมื่อเข้ามานั่งในตำแหน่งผู้ขับ ปิดประตูหน้าต่างสนิทแล้ว แทบไม่ได้ยินเสียงการจราจรภายนอก หลังขับขี่ไปเสียงลมปะทะน้อยมาก(แม้รถยกสูง) เสียงยางเสียงพื้นถนนค่อนข้างเงียบ และอาจจะมีเสียงเครื่องยนต์เล็ดลอดเข้ามาบ้างเวลาเข่นคันเร่ง (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ)
เงียบจริง นิ่งจริง อันสอดคล้องกับการออกแบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมหลังกันโคลง คอยล์สปริง หลังเป็นคานแบบทอร์ชันบีม ช่วยให้การทรงตัวแน่นหนึบ ตัวถังที่ยกสูงขึ้นไร้อาการยวบคลอนจนน่าเกลียด
ขับๆไปใช้ความเร็งสูง คนนั่งเหมือนจะไม่รับรู้ว่ารถขับเร็วด้วยความเร็วเกิน 120 กม./ชม. เข้าให้แล้ว ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แน่นอนว่าความเร็วต่ำน้ำหนักเบามือ แต่ถ้าออกนอกเมืองใช้ความเร็วระดับ 100-120 กม./ชม. ไม่โหวงเหวง จนขาดความเชื่อมั่น
...ขับในเมืองคล่องตัว นุ่มสบาย ขับทางไกล ทั้งช่วงล่าง พวงมาลัย ให้เสถียรภาพสูง ไม่พาเครียด
ส่วนเครื่องยนต์ดูราเทค ขนาด 1.5 ลิตร DOHC 4สูบ 16 วาล์ว มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันแคมชาฟท์อิสระคู่ Ti-VCT หรือไอดี-ไอเสียแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า(เฟียสต้า 109 แรงม้า) ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 6 สปีด
บุคคลิกก็แทบจะยกเฟียสต้ามาเลย คือช่วงออกตัวค่อนข้างกระตือรือร้น มีกำลังดึง เรี่ยวแรงใช้ได้ แต่ถ้าเลยช่วงนี้ไปแล้ว ขับอยู่ย่านๆ 40-80 กม./ชม. อาจจะต้องมีเข่นคันเร่ง เพื่อรีดแรงในหลายจังหวะ รอบ 3,000-4,000 ครับถึงจะมีแรงดึงกำลังฉุดกระชาก ส่วนความเร็วปลายนั้นหายห่วง ลอยลมแล้วก็ไหลไปได้ยาวๆ
ด้านเกียร์ดูอัลคัลทช์ 6 สปีด ที่ฟอร์ดเรียกว่าเพาเวอร์ชิฟท์ ส่งแรงผ่านกำลังเต็มประสิทธิภาพ จังหวะคิกดาวน์รวดเร็ว แต่ในบางช่วงบางเกียร์อาจจะมีจังหวะกระตุกดึงนิดๆ ให้อารมณ์ของเกียร์ธรรมดา(ก็เกียร์มันมีคลัทช์) รวมๆให้ความดุดัน ขับสนุกว่าพวกอัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT ละครับ
เบรกหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง 205/60R16 กู๊ดเยียร์ แอสชัวแรนซ์ ฟิว แมกซ์ (เด่นเรื่องเป็นยางประหยัดน้ำมัน) เอาอยู่ทุกสภาพการขับขี่ ระยะเบรกแม่นยำ แป้นเบรกตอบสนองได้หนึบแน่น พร้อมช่วยให้จังหวะชะลอหยุดไร้อาการหน้าทิ่มหัวจิก
ขณะที่อัตราบริโภคน้ำมันฟอร์ดเคลมว่าในรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ มีตัวเลขเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร ขณะที่การทดสอบของผู้เขียนโดยใช้รุ่นท็อป Titanium ขับอยู่บนความเร็วเฉลี่ย 80-120 กม./ชม. ได้ 7.4/100 กม. หรือประมาณ 13.5 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ…เป็นเอสยูวีขนาดเล็ก มาพร้อมราคาที่น่าสนใจ ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ประกบเกียร์ดูอัลคลัทช์ เรี่ยวแรงดีขับสบาย ตัวรถยาว 4 เมตรนิดๆ ใช้ในเมืองยังคล่องแคล่ว แต่ถ้าวิ่งต่างจังหวัด หรือเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อน ช่วงล่างหนึบแน่น พร้อมการเก็บเสียงเงียบกริบ บวกกับความอเนกประสงค์แบกคน-ขนของได้เพียบ ใครชอบรูปลักษณ์สไตล์เอสยูวีโบราณมีล้อยางอะไหล่ด้านหลัง และไม่ติดเรื่องการเปิดประตูท้ายออกด้านข้างจากซ้ายไปขวา (เชื่อว่ามีผลต่อการใช้งานแน่นอน) เมื่อหักลบกลบหนี้กับสิ่งต่างๆที่ได้รับแล้ว เอคโค่สปอร์ตเป็นรถที่ขับดีและให้ความคุ้มค่ามาก