ข่าวในประเทศ-ค่ายสองล้อฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน โวกระแสตอบรับนักบิดไทยพุ่งแรงต่อเนื่อง เผยยอดขายปีก่อนเติบโต 15% เชื่อปีม้าคะนองพุ่งขึ้นอีก 20% หรือทำได้ตามเป้า 450 คัน ล่าสุดทุ่ม100 ล้านบาท ผุดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่รองรับตลาดบิ๊กไบค์บูม แย้มได้ข้อสรุปพร้อมเตรียมขยายฐานการประกอบในไทยเร็วๆ นี้ คาดเคาะราคาเริ่มต้นประมาณ 3 แสนบาท
นายเค็น เสวนสัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พาวเว่อร์สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต จำกัด เปิดเผยว่า กระแสความนิยมบิ๊กไบค์ในประเทศไทยกำลังมาแรงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับยอดขายฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ในปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 390 คัน หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับเวลาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าปี 2557 นี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนดำเนินงาน ยอดขายน่าเติบโตขึ้นไปอีกประมาณ 15-20% เป็นอย่างน้อย หรือมียอดจำหน่ายถึง 450 คันได้แน่นอน
“เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ผุดโชว์รูม Flagship store และศูนย์บริการแห่งใหม่บนถนนพระรามเก้าใกล้ New CBD (New Central Business downtown) ที่ถือเป็นเขตธุรกิจใหม่ ไม่ไกลจากย่านสุขุมวิท-พระรามเก้า บนพื้นที่ประมาณ 4000 ตรม. โดยใช้ชื่อว่า Harley - Davidson of Bangkok Rama IX Showroom ซึ่งโชว์รูมแห่งนี้มีความเป็น Community ที่ครบครัน ทั้งในส่วนของโชว์รูมและศูนย์ซ่อม ซึ่งสามารถรองรับรถที่จะเข้ามาใช้บริการได้ถึงเดือนละกว่า 300คัน รวมถึงมี Exclusive Customer Loungeไว้บริการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นพิเศษอีกด้วย”
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะเริ่มขยายสาขาในส่วนภูมิภาค เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าฮาร์เลย์ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อกระจายศูนย์กลางในการขายและบริการตามภาคต่างๆ เบื้องต้นจะพิจารณาความเป็นไปได้จังหวัดเมืองใหญ่ในแต่ละภาค เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมแผนธุรกิจ โดยภายในปี 2557 ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ 1 สาขา และคาดว่าไม่เกินปี 2561 จะสามารถเปิดได้ทั้งหมด 5 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการทั่วทุกภูมิภาค
นายเค็น กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ของฮาเลย์ฯ จำแนกได้ตามขนาดโครงสร้างของตัวรถ แบ่งออกเป็นเล็ก กลาง และใหญ่ สนนราคาเริ่มต้นรุ่นสปอร์ตเตอร์ 883 สนนราคาประมาณ 6 แสนบาท และแพงที่สุดเกือบ 3 ล้านบาท ในรุ่นซีวีโอ ส่วนไฮไลต์ในปีนี้จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่ ภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ “Rushmore” ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ 110 ปีของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน รวมไปถึงเตรียมรุกตลาดระดับกลางถึงล่าง ด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ สตรีท 750 โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายประมาณ 5 แสนบาท
สำหรับคำถามว่า หลายยี่ห้อบิ๊กไบค์ต่างเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ส่วนฮาร์เลย์ฯ มีแนวโน้มเช่นนี้ด้วยหรือไม่ นายเค็น กล่าวว่า หลังจากเจ้าของแบรนด์มองการเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่ามีสูงมาก จึงเล็งขยายฐานการผลิตมาในภูมิภาคนี้ โดยมีตัวเลือกระหว่างไทยและมาเลเซีย ล่าสุด ยืนยันแล้วว่าเลือกไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก ต้องรอให้บริษัทแม่เป็นผู้ชี้แจงเอง
“เร็วๆ นี้ บริษัทแม่ของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันคงมีการแถลงข่าวการลงทุนเปิดโรงงานในไทย ส่วนโมเดลแรกคงเริ่มต้นไลน์ประกอบรุ่นสตรีท 750 ซึ่งหากผลิตในประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเกือบเท่าตัว ดังนั้นราคาคาดว่าจะลดลงมาเหลือประมาณ 3 แสนบาท แต่ย้ำว่าต้องรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และหากเป็นจริงเชื่อว่าจะสามารถดันยอดขายทะลุหลักพันคันต่อปีได้แน่นอน” นายเค็น กล่าว
นายเค็น เสวนสัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พาวเว่อร์สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต จำกัด เปิดเผยว่า กระแสความนิยมบิ๊กไบค์ในประเทศไทยกำลังมาแรงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับยอดขายฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ในปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 390 คัน หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับเวลาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าปี 2557 นี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนดำเนินงาน ยอดขายน่าเติบโตขึ้นไปอีกประมาณ 15-20% เป็นอย่างน้อย หรือมียอดจำหน่ายถึง 450 คันได้แน่นอน
“เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ผุดโชว์รูม Flagship store และศูนย์บริการแห่งใหม่บนถนนพระรามเก้าใกล้ New CBD (New Central Business downtown) ที่ถือเป็นเขตธุรกิจใหม่ ไม่ไกลจากย่านสุขุมวิท-พระรามเก้า บนพื้นที่ประมาณ 4000 ตรม. โดยใช้ชื่อว่า Harley - Davidson of Bangkok Rama IX Showroom ซึ่งโชว์รูมแห่งนี้มีความเป็น Community ที่ครบครัน ทั้งในส่วนของโชว์รูมและศูนย์ซ่อม ซึ่งสามารถรองรับรถที่จะเข้ามาใช้บริการได้ถึงเดือนละกว่า 300คัน รวมถึงมี Exclusive Customer Loungeไว้บริการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นพิเศษอีกด้วย”
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะเริ่มขยายสาขาในส่วนภูมิภาค เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าฮาร์เลย์ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อกระจายศูนย์กลางในการขายและบริการตามภาคต่างๆ เบื้องต้นจะพิจารณาความเป็นไปได้จังหวัดเมืองใหญ่ในแต่ละภาค เช่น ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมแผนธุรกิจ โดยภายในปี 2557 ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ 1 สาขา และคาดว่าไม่เกินปี 2561 จะสามารถเปิดได้ทั้งหมด 5 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการทั่วทุกภูมิภาค
นายเค็น กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ของฮาเลย์ฯ จำแนกได้ตามขนาดโครงสร้างของตัวรถ แบ่งออกเป็นเล็ก กลาง และใหญ่ สนนราคาเริ่มต้นรุ่นสปอร์ตเตอร์ 883 สนนราคาประมาณ 6 แสนบาท และแพงที่สุดเกือบ 3 ล้านบาท ในรุ่นซีวีโอ ส่วนไฮไลต์ในปีนี้จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่ ภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ “Rushmore” ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ 110 ปีของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน รวมไปถึงเตรียมรุกตลาดระดับกลางถึงล่าง ด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ สตรีท 750 โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายประมาณ 5 แสนบาท
สำหรับคำถามว่า หลายยี่ห้อบิ๊กไบค์ต่างเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ส่วนฮาร์เลย์ฯ มีแนวโน้มเช่นนี้ด้วยหรือไม่ นายเค็น กล่าวว่า หลังจากเจ้าของแบรนด์มองการเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่ามีสูงมาก จึงเล็งขยายฐานการผลิตมาในภูมิภาคนี้ โดยมีตัวเลือกระหว่างไทยและมาเลเซีย ล่าสุด ยืนยันแล้วว่าเลือกไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก ต้องรอให้บริษัทแม่เป็นผู้ชี้แจงเอง
“เร็วๆ นี้ บริษัทแม่ของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันคงมีการแถลงข่าวการลงทุนเปิดโรงงานในไทย ส่วนโมเดลแรกคงเริ่มต้นไลน์ประกอบรุ่นสตรีท 750 ซึ่งหากผลิตในประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเกือบเท่าตัว ดังนั้นราคาคาดว่าจะลดลงมาเหลือประมาณ 3 แสนบาท แต่ย้ำว่าต้องรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และหากเป็นจริงเชื่อว่าจะสามารถดันยอดขายทะลุหลักพันคันต่อปีได้แน่นอน” นายเค็น กล่าว