หนึ่งปีมีครั้งสำหรับประสบการณ์สุดพิเศษเฉพาะลูกค้าดูคาติ ในกิจกรรม Ducati Riding Experience (DRE) ด้วยการติวเข้มเข้าคอร์สถ่ายทอดทักษะการขี่ซูเปอร์ไบค์ในสนามแข่งแบบตัวต่อตัว จากครูฝึกระดับตำนาน “ทรอย เบลิส” (Troy Bayliss) อดีตแชมป์โลก World Superbike Championship สามสมัย โดยงานนี้ดูคาติไทยแลนด์เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ร่วมสังเกตุการณ์ พร้อมสัมภาษณ์ถึงหลักสูตรการฝึกสอน และเคล็ดลับสู่การเป็นแชมป์โลกอย่างใกล้ชิด...
DRE เน้นความปลอดภัย
เกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกสอน Ducati Riding Experience หรือ DRE เป็นมาตรฐานของประเทศอิตาลี มุ่งหวังเพื่อเสริมสร้างทักษะของผู้ขี่รถจักรยานยนต์ดูคาติ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานผลิตภัณฑ์ และแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรือในสนามแข่งขันก็ตาม
“เราแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 ระดับ เริ่มตั้งแต่ Basic, Intermediate และสำหรับวันนี้เป็นคอร์ส Advance ระดับสูงสุดจัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง โดยผู้เข้าเรียนต้องผ่านหลักสูตรสองระดับแรกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำว่าคอร์สนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อปั้นนักบิดให้เป็นนักแข่ง เราต้องการให้นักเรียนนำสิ่งที่ได้กลับไปพัฒนาการขี่ของตัวเอง โดยเฉพาะประสบการณ์ในวันนี้กับการขี่ในสนามแข่ง จะช่วยเติมเต็มความปลอดภัยของพวกเขาบนท้องถนนได้ดียิ่งขึ้น”
เทคนิคการขี่ในสนามแข่ง
หลักสูตรการสอนเน้นการจัดท่าทาง การใช้สายตา และการเลือกใช้ไลน์ที่เหมาะสมในการเข้าโค้ง รวมถึงการควบคุมเบรก การเลือกใช้เกียร์ และรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับความเร็ว โดยอยู่ภายใต้การดูแลของทีมครูฝึกแบบตัวต่อตัว
“อันดับแรกต้องเริ่มจากการให้นักเรียนแต่ละคนทำความคุ้นเคยกับสนามแข่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากการขี่บนแทร็ค สำหรับผมเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาเป็นครูฝึกที่ดูคาติไทยแลนด์ อีกทั้งเป็นการขี่ในสนามพีระเซอร์กิตครั้งแรกด้วย จึงต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร หลังจากคุ้นเคยแล้วรู้สึกว่าเป็นอีกสนามที่ขี่สนุกมากเลยทีเดียว”
“หลังจากเมื่อเราเริ่มทำความรู้จักกับสนามดีแล้ว ต้องกลับมามองที่ตัวเอง รู้ลิมิตของตัวเองด้วย ไม่ควรใช้ความเร็วเกินความสามารถของตน ผมอยากให้นักเรียนทุกคนสนุก และกลับไปพร้อมกับความประทับใจในการเรียนคอร์สนี้”
นักบิดไทยในสายตาแชมป์
สำหรับผลการประเมินทักษะการขี่ของนักเรียนในวันนี้ อดีตแชมป์โลกเวิล์ดซูเปอร์ไบค์ ปี 2001, 2006 และ 2008 ให้ความเห็นว่า ทั้งสามคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปได้อีก ขึ้นอยู่กับความถี่ในการฝึกซ้อมของแต่ละคนเท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน มีสิ่งที่นักบิดชาวออสเตรเลียแปลกใจและอยากฝากถึงนักบิดไทยทุกคน คือ “ผมเห็นกลุ่มคนที่แสดงความสามารถผิดเวทีหรือไม่ถูกสถานที่ เนื่องจากการเป็นนักแข่งที่ดีต้องเร็วในสนาม แต่ในเมืองไทยผมเห็นหลายคนชอบซิ่งบนถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง”
วิวัฒนาการซูเปอร์ไบค์
จากประสบการณ์ของนักแข่งภายใต้สังกัดทีมโรงงานของดูคาติ ตั้งแต่ปี 1998 ควบรถต่างโมเดล (996, 999 และ 1098) คว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 3 ครั้ง ทรอยเปิดเผยถึงซูเปอร์ไบค์ที่เขาได้สัมผัสจากอดีตถึงปัจจุบันว่า ด้วยปัจจัยทางการเติบโตของธุรกิจ แนวโน้มจุดขายรถสมัยใหม่จะขี่ง่ายขึ้น มีเทคโนโลยีมาช่วยเสริมระบบความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในเชิงพาณิชย์ แม้ว่าความเร็วแรงจะเร้าใจน้อยกว่าโมเดลเก่า แต่ในด้านความปลอดภัยมีเหนือกว่า และเป็นสิ่งที่ทุกยี่ห้อต่างให้ความสำคัญมากในปัจจุบัน
“ด้วยสภาพร่างกายที่มีความฟิตสมบูรณ์น้อยลง สวนทางกับสังขารที่เพิ่มมากขึ้น ผมลดบทบาทจากนักแข่งไปสู่การเป็นนักทดสอบรถของดูคาติ รวมถึงรับหน้าที่เป็นครูฝึกสอน DRE ให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องขี่รถรุ่นใหม่ ยิ่งเห็นความแตกต่างในด้านเทคโนโลยี หลายคนอาจจะชอบความดิบของเครื่องยนต์ยุคเก่า แต่ผมมองว่าการขี่รถที่ควบคุมง่ายและเป็นมิตรกับเจ้าของในยุคนี้ดูจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากกว่า”
เคล็ดลับนักบิดสู่แชมป์โลก
นักบิดวัย 44ปี กล่าวปิดท้ายถึงเส้นทางก่อนที่จะคว้าตำแหน่งจ้าวความเร็วระดับโลกว่า ไม่มีเคล็ดลับอะไรที่ควรให้ความสำคัญเกินไปกว่าการพยายามฝึกฝน ขอให้รักในสิ่งที่ทำและลงมืออย่างจริงจัง เชื่อว่าสักวันความสำเร็จจะปรากฏให้เห็นอย่างแน่นอน
“หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ นักบิดไทยก็มีโอกาสไปสร้างชื่อและคว้ารางวัลต่างๆ เทียบเท่ากับนักบิดทั่วโลก ถ้าหากมีความพยายามมากเพียงพอ ขณะเดียวกันต้องมีแรงผลักดันจากภาครัฐด้วย เนื่องจากการอยู่รอดของทีมแข่งต้องอาศัยเงินทุนของสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนนั่นเอง ยกตัวอย่างประเทศสเปนมีนักบิดที่โด่งดังมากมายบนเส้นทางนักแข่งอาชีพ ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐบาลที่พร้อมส่งเสริมวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศอย่างเต็มที่ โดยวางรากฐานให้กับนักแข่งของเขาตั้งแต่ระดับเยาวชน ทำให้นักบิดมีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน”