xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊ก-ศรุต” ความสุขบนสองล้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่ามกลางกระแสแวดวงคนบันเทิงที่นิยมหันมาควบบิ๊กไบค์เป็นงานอดิเรกกันมากขึ้น ทั้งพระเอก พระรอง ตัวประกอบ หรือกระทั่งตลก โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของนักแสดงมาดเข้ม “บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์” รวมอยู่ด้วย แต่เพราะใจรักหรือบ้าเห่อตามเพื่อนเกินไปหรือเปล่า สำหรับจุดเริ่มต้นเป็นนักบิดกับการครอบครองซูเปอร์ไบค์ถึง 3 รุ่น 3 ยี่ห้อ เขาตั้งใจซื้อมาจอดโชว์หรือขี่จริง...“ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” บุกถึงบ้านค้นหาคำตอบ...

“ผมรู้จักเพื่อนในวงการบันเทิงหลายคนที่มีบิ๊กไบค์ บางคนซื้อมาขี่แป๊ปเดียวแล้วก็เลิกไป หรือบางคนซื้อมาจอดเฉยๆ ก็มี แต่สำหรับผมซื้อมาแล้วได้ขี่ใช้งานจริงทุกคัน”

บิ๊ก-ศรุต เริ่มต้นบทสนทนา ก่อนเล่าถึงความชอบเกี่ยวกับยานยนต์ทั้ง 4 ล้อ และ2 ล้อ ต่อว่า เขาเป็นพวกบ้าซิ่งรถยนต์มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น โดยเริ่มจับพวงมาลัยครั้งแรกตั้งแต่อายุ 14 ปี มีความสุขกับการได้แต่งรถและได้ลองความเร็ว แต่ตอนนี้เลิกซิ่งแล้ว เน้นแต่งสวยงามมากกว่า ส่วนมอเตอร์ไซค์แม้ว่าชื่นชอบเพราะรูปทรงสวยและเสียงท่อไพเราะ แต่ก็ไม่กล้าขี่ ได้แค่มองคนอื่นเวลาขี่อยู่บนถนนรู้สึกว่าเท่มากเท่านั้นเอง

“อยู่ดีๆ ช่วงปีที่แล้ว ไม่รู้คิดอะไร ผมเข้าไปที่โชว์รูมคาวาซากิ จอง Er-6n แต่พอกลับมาถึงบ้านค่อยมีสติ รู้ตัวเองว่าขี่บิ๊กไบค์ไม่เป็น จึงโทรไปยกเลิก ซึ่งดีลเลอร์เรียลแถวรามคำแหงน่ารักมาก เขาคืนเงินจองให้เต็มจำนวนเลย และหลังจากนั้นมาตั้งหลักใหม่ เริ่มต้นไปเรียนขี่มอเตอร์ไซค์กับทางฮอนด้า” นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 40 ปี ย้อนที่มาให้ฟังต่อว่า

“ผมเริ่มตั้งแต่เบสิก การออกตัว ปล่อยคลัทช์ ตอนนั้นก็มีล้มแถไปกินหญ้าหลายรอบ แต่ก็สู้ต่อและพยายามเรียนจนครบคอร์สทั้งหมด 4 ครั้ง พอขี่ได้แล้วจึงไปสอบใบขับขี่เองที่ขนส่ง อบรมหนึ่งวันและปฏิบัติอีกหนึ่งวัน”


ทำไมต้องมุ่งมั่นเรียนถึงขนาดนั้น? “เพราะตอนแรกที่ไปโชว์รูมบิ๊กวิงของฮอนด้า พนักงานเขาถามว่า พี่ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นมั้ย ถ้าไม่เป็นไม่ให้ซื้อครับ เราไม่มีนโยบายขายรถให้กับคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นครับ จนเมื่อมีใบขับขี่และกลับมาขี่วนให้เขาดูเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราขี่ได้แล้วจริงๆ สุดท้ายเขาถึงยอมขายพร้อมมาบอกเหตุผลทีหลังว่า ตอนแรกที่ไม่ขายเพราะห่วงความปลอดภัยของตัวลูกค้า และต้องการลองขี่เยอะๆ เผื่อไม่ชอบจะได้ไม่ต้องเสียเงินเปล่า”

จากความพยายามบวกใจรักจึงเป็นที่มาของมอเตอร์ไซค์คันแรกในชีวิตของบิ๊ก-ศรุต สำหรับ NC700X บิ๊กไบค์ที่โดดเด่นด้วยระบบคลัทช์คู่ DCT หรือเกียร์แบบออโตเมติก ขี่ง่ายบิดอย่างเดียว ตรงความต้องการแต่ไม่ใช่คันสุดท้าย...

“คันแรกอยู่กับผมไม่นาน เพียง 2 เดือนกว่า ถือว่าเป็นรถครูสำหรับการฝึกขี่บิ๊กไบค์ที่มีน้ำหนักเยอะ รวมถึงการขี่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เวลาไปกองถ่ายหรือซ้อมดนตรีกับเพื่อน แต่พอใช้ไปสักระยะหนึ่ง ได้ไปออกทริปและสัมผัสการขี่ในระยะทางไกลๆ เริ่มรู้สึกต้องการรถที่ตอบสนองการขี่ที่ดีขึ้น รวมถึงอยากลองรถสไตล์อื่นดูบ้าง” มือเบสสมาชิกวง Soul After Six เริ่มคุยถึงที่มาของรถแต่ละคันที่จอดอยู่ตรงหน้า

“กลับจากทริปนั้น ผมจึงไปลองคร่อม CBR1000RR ความรู้สึกแรก มันเป็นรถสปอร์ตที่เป็นมิตรกับทั้งมือใหม่และมือเก่า ควบคุมง่าย ความแรงลื่นไหลมาต่อเนื่อง ทุกอย่างตอบโจทย์เราได้หมด และได้ลองขี่ประมาณ 40 นาที วนอยู่พื้นที่แคบๆ วนไปวนมา ไม่รู้สึกเมื่อยเลย จึงตัดสินใจขายคันเก่าและซื้อใหม่ทันที”

“คันนี้ตั้งชื่อให้ว่า 'เข้ม' เป็นรถคู่ใจไปไหนด้วยกันตลอด รถยนต์แทบไม่ได้ขับเพราะผมใช้ทั้งในเมืองและขี่เที่ยวด้วย ตอนนี้วิ่งไปกว่า 9 พันโลแล้ว”

ส่วนคันที่สอง “ดูคาติ มัลติสตาด้า” หรือน้องแดง และ“ไทรอัมพ์ สตีท ทริปเปิล” หรือน้องเล็ก เพิ่งซื้อมาใหม่ไม่นาน โดยมาจากความต้องการใช้รถสไตล์อื่นเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างการออกทริปเดินทางไกล หรือใช้ในเมืองต้องการความคล่องตัว สองคันนี้ก็จะตอบโจทย์ได้ตรงกว่า

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่ารถทุกคันซื้อมาแล้วต้องได้ใช้ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม

ท้ายที่สุด นักแสดงหนุ่มใหญ่ผู้หลงใหลบทบาทนักบิด ขอฝากเสน่ห์ของสองล้อไว้หน่อยว่า “ความสุขของการขี่บิ๊กไบค์มันอธิบายยาก ทุกคนมีรถยนต์แต่ไม่ใช้ เพราะสิ่งที่ได้รับมันคนละแบบ ผมว่ามันเป็นความสุขของคนขี่ 2 ล้อ ที่คนขับ 4 ล้อ ไม่มีวันเข้าใจ ถ้าไม่ได้ลองด้วยตัวเอง”




กำลังโหลดความคิดเห็น