เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่ คุณแตง-น.อ.วีระยุทธ ดิษยะศริน บิดาของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เดินทางกลับสู่ประเทศไทย เพื่อมารับใช้ชาติด้วยการเป็น อุปนายกสมาคมกีฬาทางอากาศ และการบินแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ถือเป็นงานท้าทาย ต้องทิ้งหน้าที่นักบินเพื่อหันมาทุ่มเทเวลาทำทีม สร้างนักกีฬาไปแข่งขันกับต่างชาติ แต่เมื่อหัวใจมีรักให้กับความเร็ว คุณแตงจึงหันมาจับแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ “บิ๊กไบค์” ที่รักมากพอๆ กับเครื่องบินเป็นการผ่อนคลายในยามว่าง
ไม่บ่อยนักที่ชายหนุ่มรูปงามภูมิฐานอย่าง คุณแตง จะมีเวลาออกงานสังคมให้ได้เห็น จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พบปะคุณแตงในงาน “2 Wheel Story 2013” จึงขอพูดคุยถึงเรื่องราวความเร็วที่ชื่นชอบมาเล่าสู่กันฟัง
คุณแตงนับเป็นอีกหนึ่งคนที่ให้ความสนใจเรื่องเครื่องยนต์มาก เพราะมองว่าเป็นนวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยมันสมอง ช่วยเรื่องการขับเคลื่อน จากเดิมที่ธรรมชาติให้เรามีขาไว้เดิน แต่เครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงเรือ สามารถพาเราเคลื่อนไปได้หมด ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำออกมาฝืนกฎธรรมชาติ เราได้เรียนรู้ และได้สัมผัสธรรมชาติ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
คุณแตงย้อนเล่าถึงเมื่อครั้งเป็นเด็กว่า เป็นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่นอกจากวิ่งเล่นแล้วก็ชื่นชอบรถแข่ง เมื่อมีโอกาสก็หัดขี่จักรยานเพราะเป็นของถูกที่สุด เมื่อสอบเข้าโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ได้ คุณพ่อก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ลิตเติลฮอนด้าให้เป็นของขวัญ “ได้มาหนึ่งคันก็ดีใจแล้วครับ เพราะเป็นรถคันแรกที่เคลื่อนได้ด้วยเครื่องยนต์ แต่ตอนนั้นคุณพ่อก็ไม่ให้ออกไปไหนไกล เราก็ใช้ขี่ไปตลาดซื้อของให้คุณแม่ หรือไปหาเพื่อนใกล้ๆ บ้าน”
ด้วยความผูกพันกับเครื่องบินตั้งแต่เด็ก บวกกับความชื่นชอบเครื่องยนต์กลไกที่ให้ความเร็ว เมื่อจบมัธยมปลาย คุณแตงจึงไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เพื่อเดินตามรอยพ่อเป็นลูกทัพฟ้าแห่งกองทัพไทย
“ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสตามพ่อขึ้นเครื่องบิน เห็นพ่อทำงานเราประทับใจ อีกอย่างเวลาขึ้นไปอยู่บนอากาศ อุณหภูมิจะลดต่ำลง ทำให้เราสดชื่น เมื่อมองออกไปตรงเบื้องหน้า เราได้เห็นโลกกว้าง มันอิสระ บริสุทธิ์ มีความสวยงาม อารมณ์เวลาบินมันเหมือนจะอ้างว้าง แต่ผมไม่รู้สึกอ้างว้างเลยนะครับ รู้สึกเหมือนเราอยู่ในที่บริสุทธิ์”
ส่วนการขี่มอเตอร์ไซค์ เป็นการขับขี่ทางราบที่ทำให้เขารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง เวลาขับต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับมอเตอร์ไซค์ “คือเหมือนเขาเป็นเรา เราไปกับเขา เราใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 6 มีลมพัดมาปะทะ เสียงต่างๆ จากรอบด้าน อากาศ แสงแดด ผมว่าเป็นความสุขที่จะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ ยิ่งออกทริปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่ม ยิ่งสนุกมาก ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตากเห็นสิ่งใหม่ๆ รอบตัวอีกมาก แตกต่างจากการขับเครื่องบินแน่นอน”
สำหรับความแตกต่างนั้น จะมีก็แค่มอเตอร์ไซค์มี 2 มิติ เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ส่วนเครื่องบินมี 3 มิติ เดินหน้า ถอยหลัง มีสูง-ต่ำ “แต่ถ้าถามว่าชอบแบบไหน ผมชอบหมดทุกอย่าง ผมมองว่าสิ่งประดิษฐ์ทุกอย่างที่ถือเป็นการฝืนธรรมชาติเป็นความท้าทายทั้งหมด เพียงแต่อะไรจะท้าทายมากกว่ากัน ทุกวันนี้ผมไม่ได้ขับแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศนะครับ ผมชอบที่จะขี่เล่นกันระหว่างกลุ่ม เพราะได้พักผ่อน ผมรักในความเป็นคุณภาพของเขา เพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์บกใช้สมองมีความคิดในการพัฒนานวัตกรรมกลไกขับเคลื่อน”
คุณแตงยังบอกอีกว่า มีมอเตอร์ไซค์ 10 กว่าคัน ส่วนใหญ่เป็นพวกบิ๊กไบค์ หรือ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ตอนนี้ทุกคันอยู่ที่เมืองไทย แต่มาช่วงหลังไม่ค่อยได้ขับ เพราะงานที่สมาคมค่อนข้างยุ่ง ต้องทำทีมชาติกีฬา “อีกอย่างตอนน้ำท่วมใหญ่ ขนรถออกมาไม่ทัน เลยโดนน้ำท่วมหมด แบตเสื่อมยางแบนก็เลยไม่ค่อยได้ขับ แต่ผมก็พยายามหาเวลาดูแลนะครับ เพราะรู้สึกว่าอะไรที่เรารักเราชอบ ถ้ามีเวลาก็อยากจะเอาใจใส่ให้ดี”
ตลอด 3 ปีกว่าที่เขาเข้ามาดูแลสมาคมกีฬาทางอากาศ เขาตั้งเป้าพัฒนาวงการกีฬาทางอากาศ ให้สามารถไปแข่งขันรายการใหญ่ๆ ให้ได้ โดยกีฬาที่อยู่ในความดูแลมี 18 ประเภท แต่ที่เขาสนใจและโปรดมากคือ พาราไกลดิ้ง (ร่มร่อน) เป็นกีฬาที่ต้องใช้แรงลม ซึ่งสามารถสัมผัสธรรมชาติได้ใกล้ชิด
ก่อนจากกัน คุณแตงฝากถึงเยาวชนไทยที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตว่า อยากให้หันมาสนใจเรื่องกีฬา และดนตรี มากกว่าที่จะไปติดเกมในคอมพิวเตอร์ หรืออย่าทำร้ายตัวเองด้วยยาเสพย์ติด เพราะกีฬาให้ประโยชน์มากมาย ทั้งในเรื่องของสุขภาพและได้เรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง