“ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์คุณภาพ มีความรวดเร็วต่อการตอบสนองลูกค้า ในราคาสามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้ง่าย และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ทาคาโนบุ อิโต” ประธานและซีอีโอ ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าทั่วโลก เหตุนี้ฮอนด้า มอเตอร์ จึงได้เชิญสื่อมวลชนจากไทยที่นำโดย ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย และจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียและโอเชียเนีย สู่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อไปดูการดำเนินงานต่างๆ ตามนโยบายดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ “บ้านพลังงานอัจฉริยะ” หรือ Honda Smart Home System (HSHS) ในจังหวัดไซตามะ ประเทศญีปุ่น
บ้านพลังงานอัจฉริยะถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยลดและบริหารจัดการใช้พลังงานให้เหมาะสม พร้อมกับตอบสนองการเดินทาง ตลอดจนช่วยให้ผู้อาศัยสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ในภาวะที่มีภัยพิบัติ แต่ที่สำคัญคือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ที่เกิดจากการใช้พลังงานในชีวิตและการเดินทางประจำวันไม่ต่ำกว่า 50%
โดยภายในบ้านสามารถใช้พลังงานจากแหล่งที่มาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานแบบใช้แก๊ส และระบบเครื่องทำน้ำร้อน แผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบแผ่นฟิล์มบาง CIGS และแบตเตอรี่บ้านสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่หน่วยจัดการพลังงานอัจฉริยะ(Smart E-Mix Manager) ซึ่งจะบริหารจัดการใช้พลังงานภายในบ้านให้เหมาะสม และช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ทำให้บ้านสามารถผลิตพลังงานใช้ได้เองโดยอิสระ และสามารถเก็บพลังงานสำรองไว้ใช้ เมื่อเกิดภาวะไฟตก หรือในภาวะภัยพิบัติ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกจากจะชาร์จไฟฟ้าที่บ้านเพื่อการเดินทางแล้ว หากเกิดเหตุฉุกเฉินยังสามารถนำไฟจากแบตเตอรี่รถ มาใช้พลังงานจำเป็นภายในบ้านได้ด้วย
หลังจากเยี่ยมชมบ้านพลังงานอัจฉริยะ ฮอนด้า มอเตอร์ ได้นำพาสื่อมวลชนเดินทางสู่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของฮอนด้า หรือโรงงานโยริอิ(Yorii Plant) ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดไซตามะเช่นเดียวกัน โดยโรงงานแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2556 และเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เริ่มเดินสายการผลิต ด้วยกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี
โรงงานโยริอิได้รับการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “ผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดโนโลก ในโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก” (Producing the world’s cleanest Products at the world’s cleanest plant) พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็นโรงงานที่ประหยัดพลังงานสูงที่สุดในโลก ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยมากที่สุดของฮอนด้า และมีระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจะรวมศูนย์การผลิตรถยนต์ที่เป็นรุ่น Global Compact Series ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ฟิท ใหม่(All New Honda Fit) หรือฮอนด้า แจ๊ซ (Honda Jazz) โฉมใหม่ในไทย รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดเล็ก (Small-sized SUV หรือ Honda Vezel) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งจะเปิดตัวออกสู่ตลาดในอนาคต
โยริอิจึงเป็นโรงงานต้นแบบของโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลก เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับโรงงานแห่งใหม่ที่จะเปิดสายการผลิตในประเทศต่างๆ อาทิ เม็กซิโก จีน และบราซิลในเร็วๆ นี้ รวมถึงโรงงานแห่งใหม่ของฮอนด้าในไทย ที่ลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะเริ่มการผลิตในปี 2558 ที่จะถึงนี้ สำหรับตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ตามนโยบายผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพ ด้วยความรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และมี CO2 ต่ำ
ดังนั้นโรงงานแห่งนี้จึงรวมเทคโนโยลยีที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างโรงงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพรอบๆ โรงงาน เพื่อให้อยู่ได้อย่างกลมกลืน ฮอนด้าจึงได้มีการอนุรักษ์พืชและสัตว์ ตลอดจนฟื้นฟูหลังจากสร้างโรงงานเสร็จ ทำให้สามารถอนุรักษ์และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพได้สำเร็จ จนมหาวิทยาลัยโทโฮคุประเมินผลงานการดำเนินงาน ในการใช้พื้นที่เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมล้อม โดยโรงงานโยริอิได้คะแนนสูงถึง 84 จากคะแนนเต็ม 100
ในส่วนการผลิตของโรงงาน ได้มีการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการพ่นสีใหม่ ทำให้ลดระยะเวลาการเคลือบสีในสายการผลิตลง 40% และลดการปล่อย CO2 ลงได้ 40% เมื่อเทียบกับแบบเดิม และยังสามารถผลิตพลังงานแสดงอาทิตย์ 2.6 เมกะวัตต์(สามารถใช้เป็นพลังงานสำหรับ 459 ครัวเรือน) มากที่สุดของโรงงานผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่น ทำให้ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ประมาณ 1,200 ตันต่อปี และได้ติดตั้งระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้แก๊สธรรมชาติ ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลงงานความร้อนได้ถึง 28% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 3,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรทันสมัย ทำให้ลดการใช้พลังงานลง 30% (เมื่อเทียบกับโรงงานซายามะ)
ขณะเดียวกันได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการผลิตรถให้มีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดเครื่องจักรสายการเชื่อมประกอบ(Welding) ที่ทำให้งานรวดเร็วและลดต้นทุนเกี่ยวกับสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่สายการปั๊มชิ้นส่วน(Stamping) ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความเร็วสูงเครื่องปั๊ม และเครื่องเปลี่ยนแม่พิมพ์ ทำให้กระบวนการปั๊มชิ้นส่วนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 40% และสายการประกอบ(Assembly) มีการลดขั้นตอนชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมาก เพิ่มความแม่นยำการติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ
นี่คือการมุ่งก้าวของฮอนด้า เพื่อให้มนุษย์กับโลกอยู่กันได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบายการพัฒนาและผลิตรถที่มีคุณภาพ ตอบสนองรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม…
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ทาคาโนบุ อิโต” ประธานและซีอีโอ ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าทั่วโลก เหตุนี้ฮอนด้า มอเตอร์ จึงได้เชิญสื่อมวลชนจากไทยที่นำโดย ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย และจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียและโอเชียเนีย สู่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อไปดูการดำเนินงานต่างๆ ตามนโยบายดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ “บ้านพลังงานอัจฉริยะ” หรือ Honda Smart Home System (HSHS) ในจังหวัดไซตามะ ประเทศญีปุ่น
บ้านพลังงานอัจฉริยะถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยลดและบริหารจัดการใช้พลังงานให้เหมาะสม พร้อมกับตอบสนองการเดินทาง ตลอดจนช่วยให้ผู้อาศัยสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ในภาวะที่มีภัยพิบัติ แต่ที่สำคัญคือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ที่เกิดจากการใช้พลังงานในชีวิตและการเดินทางประจำวันไม่ต่ำกว่า 50%
โดยภายในบ้านสามารถใช้พลังงานจากแหล่งที่มาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานแบบใช้แก๊ส และระบบเครื่องทำน้ำร้อน แผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบแผ่นฟิล์มบาง CIGS และแบตเตอรี่บ้านสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่หน่วยจัดการพลังงานอัจฉริยะ(Smart E-Mix Manager) ซึ่งจะบริหารจัดการใช้พลังงานภายในบ้านให้เหมาะสม และช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ทำให้บ้านสามารถผลิตพลังงานใช้ได้เองโดยอิสระ และสามารถเก็บพลังงานสำรองไว้ใช้ เมื่อเกิดภาวะไฟตก หรือในภาวะภัยพิบัติ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกจากจะชาร์จไฟฟ้าที่บ้านเพื่อการเดินทางแล้ว หากเกิดเหตุฉุกเฉินยังสามารถนำไฟจากแบตเตอรี่รถ มาใช้พลังงานจำเป็นภายในบ้านได้ด้วย
หลังจากเยี่ยมชมบ้านพลังงานอัจฉริยะ ฮอนด้า มอเตอร์ ได้นำพาสื่อมวลชนเดินทางสู่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ของฮอนด้า หรือโรงงานโยริอิ(Yorii Plant) ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดไซตามะเช่นเดียวกัน โดยโรงงานแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2556 และเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เริ่มเดินสายการผลิต ด้วยกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี
โรงงานโยริอิได้รับการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “ผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดโนโลก ในโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก” (Producing the world’s cleanest Products at the world’s cleanest plant) พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็นโรงงานที่ประหยัดพลังงานสูงที่สุดในโลก ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยมากที่สุดของฮอนด้า และมีระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจะรวมศูนย์การผลิตรถยนต์ที่เป็นรุ่น Global Compact Series ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ฟิท ใหม่(All New Honda Fit) หรือฮอนด้า แจ๊ซ (Honda Jazz) โฉมใหม่ในไทย รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดเล็ก (Small-sized SUV หรือ Honda Vezel) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งจะเปิดตัวออกสู่ตลาดในอนาคต
โยริอิจึงเป็นโรงงานต้นแบบของโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลก เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับโรงงานแห่งใหม่ที่จะเปิดสายการผลิตในประเทศต่างๆ อาทิ เม็กซิโก จีน และบราซิลในเร็วๆ นี้ รวมถึงโรงงานแห่งใหม่ของฮอนด้าในไทย ที่ลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะเริ่มการผลิตในปี 2558 ที่จะถึงนี้ สำหรับตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ตามนโยบายผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพ ด้วยความรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และมี CO2 ต่ำ
ดังนั้นโรงงานแห่งนี้จึงรวมเทคโนโยลยีที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างโรงงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพรอบๆ โรงงาน เพื่อให้อยู่ได้อย่างกลมกลืน ฮอนด้าจึงได้มีการอนุรักษ์พืชและสัตว์ ตลอดจนฟื้นฟูหลังจากสร้างโรงงานเสร็จ ทำให้สามารถอนุรักษ์และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพได้สำเร็จ จนมหาวิทยาลัยโทโฮคุประเมินผลงานการดำเนินงาน ในการใช้พื้นที่เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมล้อม โดยโรงงานโยริอิได้คะแนนสูงถึง 84 จากคะแนนเต็ม 100
ในส่วนการผลิตของโรงงาน ได้มีการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการพ่นสีใหม่ ทำให้ลดระยะเวลาการเคลือบสีในสายการผลิตลง 40% และลดการปล่อย CO2 ลงได้ 40% เมื่อเทียบกับแบบเดิม และยังสามารถผลิตพลังงานแสดงอาทิตย์ 2.6 เมกะวัตต์(สามารถใช้เป็นพลังงานสำหรับ 459 ครัวเรือน) มากที่สุดของโรงงานผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่น ทำให้ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ประมาณ 1,200 ตันต่อปี และได้ติดตั้งระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้แก๊สธรรมชาติ ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลงงานความร้อนได้ถึง 28% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 3,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรทันสมัย ทำให้ลดการใช้พลังงานลง 30% (เมื่อเทียบกับโรงงานซายามะ)
ขณะเดียวกันได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการผลิตรถให้มีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดเครื่องจักรสายการเชื่อมประกอบ(Welding) ที่ทำให้งานรวดเร็วและลดต้นทุนเกี่ยวกับสายการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่สายการปั๊มชิ้นส่วน(Stamping) ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความเร็วสูงเครื่องปั๊ม และเครื่องเปลี่ยนแม่พิมพ์ ทำให้กระบวนการปั๊มชิ้นส่วนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 40% และสายการประกอบ(Assembly) มีการลดขั้นตอนชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมาก เพิ่มความแม่นยำการติดตั้งชิ้นส่วนต่างๆ
นี่คือการมุ่งก้าวของฮอนด้า เพื่อให้มนุษย์กับโลกอยู่กันได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบายการพัฒนาและผลิตรถที่มีคุณภาพ ตอบสนองรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม…