จุดเริ่มต้นของมาสด้ากับตลาดคอมแพกต์เอสยูวีต้องย้อนความไปประมาณปี 2001 ตอนนั้น มาสด้ายังอยู่ในร่มเงาของฟอร์ด และมีผลผลิตหลายอย่างที่แชร์ร่วมกับฟอร์ด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างทริบิวต์ กับเอสเคป ถือว่าเป็นคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นแรกของมาสด้า และของฟอร์ด ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถเก๋ง ไม่ใช่ปิกอัพ
ทริบิวต์ถือเป็นจุดเริ่มในการรุกตลาดกลุ่มนี้ และมาสด้าก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งทั้งในตลาดทั่วโลก รวมถึงตลาดบ้านเรา ที่เข้ามาขายอยู่พักใหญ่ๆ ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี และวี6 3,000 ซีซี เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมสายพันธุ์อย่างฟอร์ดเอสเคปตัวถังของทริบิวต์มากับความยาวในระดับ 4,394 มิลลิเมตร และมาในแบบ 5 ประตูพร้อม รูปลักษณ์ที่สุดโฉบเฉี่ยวจากเส้นสายของการออกแบบที่ดูสวยสะดุดตา
สำหรับในตลาดเอเชียและกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่อเมริกาเหนือ มาสด้าส่งทริบิวต์ทำตลาดอยู่นาน จนกระทั่งถึงปี 2010 จึงยุติบทบาท แต่ในสหรัฐอเมริกากลับแตกต่าง เพราะนับจากปี 2007 เป็นต้นมา มาสด้าหันไปใช้รูปลักษณ์ของเอสเคปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหน้าตาให้แตกต่างออกไป โดยเป็นทริบิวต์ ที่แปลกและแตกต่างจากเพื่อนร่วมสายพันธุ์ ซึ่งทางมาสด้าก็นับให้เป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของรถยนต์รุ่นนี้ไป
ในปี 2006 ตำแหน่งทางการตลาดของ SUV จากค่ายมาสด้าเริ่มทำให้ลูกค้างงกันนิดหน่อย เพราะในปีนั้นมีการเปิดตัว SUV มาดสปอร์ตที่ชื่อว่า CX-7 ออกมาเพื่อทำตลาดในระดับที่ต่ำกว่า CX-9 นั่นเท่ากับว่าในตลาดบางแห่งมาสด้าจะมี SUV วางขายถึง 3 รุ่นด้วยกัน
แม้ว่าจะมีหน้าตาเหมือนกับ CX-9 แต่ทว่าทั้ง 2 รุ่นไม่ได้แชร์พื้นฐานเดียวกัน โดย CX-7 เป็นเอสยูวี ระดับกลางที่ใช้พื้นตัวถังที่พัฒนามาจากรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น MPV และวางเครื่องยนต์ในระดับ 2300 และ 2500 ซีซี แต่ข่าวบางกระแสก็บอกว่า CX-7 ถูกส่งเข้ามาทำตลาดแทนที่ทริบิวต์
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร อายุตลาดของ CX-7 ก็สั้น และมาสด้าก็สร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น ด้วยการยุบรวมทั้งรุ่นทริบิวต์ และ CX-7 ให้เหลือเพียงรุ่นเดียว
ดังนั้นในปี 2010 บทบาทของ 2 รุ่นข้างต้น ก็ยุติลงเพื่อเปิดทางให้กับผู้มาใหม่อย่าง CX-5
ทริบิวต์ถือเป็นจุดเริ่มในการรุกตลาดกลุ่มนี้ และมาสด้าก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งทั้งในตลาดทั่วโลก รวมถึงตลาดบ้านเรา ที่เข้ามาขายอยู่พักใหญ่ๆ ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี และวี6 3,000 ซีซี เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมสายพันธุ์อย่างฟอร์ดเอสเคปตัวถังของทริบิวต์มากับความยาวในระดับ 4,394 มิลลิเมตร และมาในแบบ 5 ประตูพร้อม รูปลักษณ์ที่สุดโฉบเฉี่ยวจากเส้นสายของการออกแบบที่ดูสวยสะดุดตา
สำหรับในตลาดเอเชียและกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่อเมริกาเหนือ มาสด้าส่งทริบิวต์ทำตลาดอยู่นาน จนกระทั่งถึงปี 2010 จึงยุติบทบาท แต่ในสหรัฐอเมริกากลับแตกต่าง เพราะนับจากปี 2007 เป็นต้นมา มาสด้าหันไปใช้รูปลักษณ์ของเอสเคปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหน้าตาให้แตกต่างออกไป โดยเป็นทริบิวต์ ที่แปลกและแตกต่างจากเพื่อนร่วมสายพันธุ์ ซึ่งทางมาสด้าก็นับให้เป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของรถยนต์รุ่นนี้ไป
ในปี 2006 ตำแหน่งทางการตลาดของ SUV จากค่ายมาสด้าเริ่มทำให้ลูกค้างงกันนิดหน่อย เพราะในปีนั้นมีการเปิดตัว SUV มาดสปอร์ตที่ชื่อว่า CX-7 ออกมาเพื่อทำตลาดในระดับที่ต่ำกว่า CX-9 นั่นเท่ากับว่าในตลาดบางแห่งมาสด้าจะมี SUV วางขายถึง 3 รุ่นด้วยกัน
แม้ว่าจะมีหน้าตาเหมือนกับ CX-9 แต่ทว่าทั้ง 2 รุ่นไม่ได้แชร์พื้นฐานเดียวกัน โดย CX-7 เป็นเอสยูวี ระดับกลางที่ใช้พื้นตัวถังที่พัฒนามาจากรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น MPV และวางเครื่องยนต์ในระดับ 2300 และ 2500 ซีซี แต่ข่าวบางกระแสก็บอกว่า CX-7 ถูกส่งเข้ามาทำตลาดแทนที่ทริบิวต์
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร อายุตลาดของ CX-7 ก็สั้น และมาสด้าก็สร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น ด้วยการยุบรวมทั้งรุ่นทริบิวต์ และ CX-7 ให้เหลือเพียงรุ่นเดียว
ดังนั้นในปี 2010 บทบาทของ 2 รุ่นข้างต้น ก็ยุติลงเพื่อเปิดทางให้กับผู้มาใหม่อย่าง CX-5
