xs
xsm
sm
md
lg

“วีออส โฉมใหม่”มาดเท่แถมขับดีกว่าเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถือเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์วงการยานยนต์ที่ต้องบันทึกไว้ สำหรับ “โตโยต้า วีออส โฉมใหม่” ที่เปิดรับจองช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีรถคันจริงให้เห็น พร้อมสวมสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกหน้าตาเฉย

….แจกโบร์ชัวร์ เปิดราคา โชว์รูมขึ้นป้ายโฆษณา(รับจอง) ส่วนรถตัวเป็นๆถูกนำไปเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2013 ระดับ World Premiere Launch หรือเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ขณะที่การส่งมอบรถคันจริงเพิ่งจะเริ่มไปเมื่อเร็วๆนี้

ล่าสุดเห็นว่ามียอดค้างส่งมอบอยู่ 22,000 คัน หรือน่าจะรอรถสัก2 เดือน เนื่องจากกำลังการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ โตโยต้าวางไว้ประมาณ 10,000 คันต่อเดือน

สำหรับ“โตโยต้า วีออส”เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 ซึ่งรถตระกูลนี้จะยกให้เป็นรถคู่บ้านคู่เมืองก็ได้ เพราะตั้งแต่เจเนอเรชันแรก “โซลูน่า” ถัดมาเป็น “โซลูน่า วีออส” ยังเห็นวิ่งกันเกลื่อนถนน หรือถ้านับ “วีออส โฉมเก่า” เจเนอเรชันที่สามเข้าไปด้วย ก็มียอดขายรวมกันกว่า 639,000คัน(ตั้งแต่ปี 1997-2012)

“โตโยต้า วีออส โฉมใหม่” แบ่งการทำตลาดเป็น 4 เกรด S G E J ใน 6 รุ่นย่อย ราคา 559,000 - 734,000 บาท ตัวถังมีให้เลือก 7 สี คือ ดำ เงิน ขาว เทา และ3เฉดสีใหม่ ทอง น้ำตาล และแดงซึ่งเป็นสีโปรโมท

วีออสรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ ขณะที่มิติตัวถังยาว 4,410 มม. ยาวขึ้น 110 มม. ความกว้าง 1,700 มม.เท่าเดิม ความสูง 1,475 มม. สูงขึ้น 15 มม. และระยะฐานล้อ 2,550 มม.เท่าเดิม ขณะที่ระยะต่ำสุดจากพื้นเตี้ยลง 5 มม. เป็น 145 มม.

แม้ระยะฐานล้อเท่าเดิม แต่ภายในห้องโดยสารยังนั่งได้สบาย โดยเบาะคู่หน้าปรับรูปทรงของพนักพิงหลังให้บางลงเล็กน้อย หวังเอื้อพื้นที่ให้ผู้โดยสารด้านหลัง ขณะเดียวกันยังเพิ่มระยะเลื่อนหน้าถอยหลัง และปรับระดับสูง-ต่ำได้มากขึ้น

ด้านเครื่องยนต์ 1NZ-FE บล็อกเดิม แต่พัฒนาให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 ส่วนเกียร์อัตโนมัติ(และเกียร์ธรรมดา)ก็ชุดเดิมแต่ปรับสมองกลใหม่ให้สั่งงานหรือทำการเปลี่ยนเกียร์ได้สอดคล้องกับรอบเครื่องยนต์มากขึ้น

แม้หลายคนจะบ่นว่าโบราณ แต่โตโยต้าย้ำว่าขุมพลังขับเคลื่อนชุดนี้สามารถสู้กับคู่แข่งได้สบาย ทั้งในแง่สมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน

การขับขี่จริงผู้เขียนได้ลองรุ่น S ซึ่งการตอบสนองของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทำได้ดีระดับหนึ่ง กล่าวคือไม่อืดแต่ก็ไม่ถึงขั้นมุทะลุดุดัน

โดยเรี่ยวแรงมาแบบสมเหตุสมผล อัตราเร่งโดดเด่นตั้งแต่ย่านความเร็วกลางๆไปจนถึงความเร็วปลาย รอบเครื่องยนต์และจังหวะตัดเปลี่ยนเกียร์สวิงวูบวาบ ตามสไตล์ของเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งบุคลิกนี้ก็ให้ความเร้าใจขับสนุกไปอีกแบบ(ต่างจากพวก CVT)

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องชมอยู่ที่พวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียน ผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเซ็ทมาดีกว่ารุ่นเดิม โดยวิศวกรโตโยต้าปรับอัตราทดของพวงมาลัย จาก14.2 : 1 เป็น 16.5 : 1 เพราะไม่ต้องการให้การบังคับเลี้ยวฉับไวเกินไป (พวงมาลัยวีออสตัวเก่าทั้งเบาทั้งไว) หรือถ้าวัดแบบ lock to lock (หมุนไปซ้ายสุดขวาสุด) ก็ใช้ระยะ 3.28 รอบ เพิ่มจากเดิมที่ 3.02 รอบ

ทั้งนี้ในช่วงความเร็วต่ำน้ำหนักพวงมาลัยเบามือ การเอี้ยวเลี้ยวหาที่จอดรถทำได้สบาย ส่วนการขับความเร็วสูงพวงมาลัยนิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด การควบคุมกระชับแน่นมือ เช่นเดียวกับการเข้าโค้งทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและมั่นใจมากขึ้น อันสอดคล้องกับช่วงล่างที่ปรับใหม่ครับ อย่างที่ผู้เขียนได้ลองขับรุ่น S ที่มาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง 195/50 R16 (รุ่นอื่นขนาด 15 นิ้ว) ซึ่งขนาดของยางมีผลโดยตรงกับพวงมาลัยและการทรงตัวอยู่แล้ว ทว่าวิศวกรโตโยต้ายังเพิ่มเหล็กกันโคลงเข้ามาเสริมคู่กับทอร์ชันบาร์ด้านหลัง (หน้ายังเป็นแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง) พร้อมปรับค่าโช้คอัพและคอยล์สปริงใหม่

นอกจากนี้ด้วยการเพิ่มความหนาของโครงสร้างตัวถังในตำแหน่งที่สำคัญ และเพิ่มจุดเชื่อมตัวถังมากกว่า 100 จุด ส่งผลให้โครงสร้างตัวถังมีความแข็งแรงและรับแรงบิดได้ดี กอปรกับน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นอีก 10 กิโลกรัม ล้วนมีผลให้คนขับรู้สึกว่าช่วงล่างหนึบแน่น

ด้านเบรกแบบดิสก์ทั้งสี่ล้อ (ในรุ่นSและรุ่นG) ให้ความรู้สึกในการชะลอหยุดดีกว่ารุ่นเดิม โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบบุคลิกแบบนี้ครับ เพราะไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกลงไปเยอะ แต่ก็รับรู้อาการจับของเบรกได้ทันทีแถมไม่ออกอาการหน้าทิ่มหัวจิกเสียด้วย


เห็นว่าวิศวกรโตโยต้าใช้สมองกลมาควบคุมจังหวะเบรก พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของหม้อลมเบรกให้สัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าที่กดแป้นเบรกลงไป เพื่อการตอบสนองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

สำหรับระบบความปลอดภัยโตโยต้าจัดถุงลมนิรภัยคู่หน้ามาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ส่วนระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA จัดมาให้ครบยกเว้นรุ่น J

นั่นเป็นเรื่องของประสิทธิภาพต่างๆในการขับขี่ ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับในทริปทดสอบเส้นทางกรุงเทพ-ชะอำ ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ผ่านช่วงรถติดในเมือง มีเร่งแซงบ่อยครั้ง และวิ่งทางไกลใช้ความเร็ว 120 กม./ชม.เป็นหลัก สุดท้ายได้ตัวเลขกลมๆ 13 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...ด้วยรูปลักษณ์คมเข้ม ภายในออกแบบสวยงาม ดูหรูหราด้วยแผงแดชบอร์ดขึ้นรูปคล้ายหนังพร้อมเดินตะเข็บด้าย(แต่จริงๆเป็นพลาสติกอย่างดีขึ้นรูป) ย้ายเรือนไมล์แสดงผลมาอยู่ตรงหน้าคนขับ (เดิมอยู่ตรงกลาง) ส่งให้เครื่องเสียงแบบบิวต์อินดูโดดเด่น ด้านเบาะผ้านั่งสบายกระชับสรีระ การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์พอใช้ สมรรถนะของเครื่องยนต์และเกียร์อาจจะไม่เนียนที่สุด แต่ก็ดีกว่าคู่แข่งหลายค่าย ส่วนพวงมาลัยปรับการควบคุมดีขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่างและการตอบสนองของเบรกที่ให้ความมั่นใจกว่าเดิม
รุ่นราคา(บาท)
1.5S A/T734,000
1.5G A/T699,000
1.5E A/T649,000
1.5E M/T614,000
1.5J A/T589,000
1.5J M/T559,000











กำลังโหลดความคิดเห็น