ข่าวต่างประเทศ-คอนติเนนทอลและกลุ่มบริษัทบีเอ็มดับเบิลยู ร่วมกันระดมความสามารถเพื่อพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติบนถนนฟรีเวย์ในยุโรป ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทได้เซ็นสัญญาที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการนำร่องด้านอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจุดมุ่งหมายหลักของการร่วมมือกันครั้งนี้ สำหรับการปูพื้นฐานระบบการขับขี่อัตโนมัติไปให้ไกลถึงปี 2563
“การขับขี่อัตโนมัติเป็นกุญแจสำคัญของการขับเคลื่อนในอนาคตซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่บนท้องถนน” ดร.ดีเกนฮาร์ท ประธานกรรมการบริหารของคอนติเนนทอลกล่าวและว่า “เราร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้การขับขี่อัตโนมัติบนถนนฟรีเวย์นั้นน่ารื่นรมย์ ปลอดภัย และประหยัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยยานยนต์ ข้อมูลผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีส่งกำลังของเราร่วมมือกันทำโครงการนี้อย่างเต็มที่”
“โครงการวิจัยร่วมกับกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยูนี้ แสดงให้เห็นถึงว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะทำการวิจัยพัฒนาเพื่อไปให้ถึงการขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ เราไม่สามารถพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติได้เพียงชั่วข้ามคืน การค้นคว้าวิจัยต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีกว่าจะบรรลุจุดหมาย” ดร.ดีเกนฮาร์ทเสริม
สำหรับโครงการร่วมระหว่างกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยูและคอนติเนนทอลจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปี 2014 รถยนต์ต้นแบบสำหรับการขับขี่อัตโนมัติซึ่งจะใกล้เคียงกับรถที่จะผลิตในอนาคตจะถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีผู้ขับขี่ที่ได้รับการฝึกฝนและเป็นผู้ทดสอบ ในการทดสอบผู้ทดสอบจะต้องวิเคราะห์การขับขี่อัติโนมัติขั้นสูง ระหว่างที่ขับขี่ไม่เฉพาะบนถนนฟรีเวย์ในเยอรมนี แต่ยังทดสอบในประเทศแถบยุโรปอื่นๆอีกด้วย ทั้งนี้การทดสอบจะต้องพบเผชิญกับสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น ด่านเก็บค่าผ่านทาง ทางแยก หรือ การก่อสร้างถนน เป็นต้น
ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนวิจัยพัฒนา คอนติเนนทัลจะรับผิดชอบองค์ประกอบหลักๆ ในโครงการนี้ คือผลิตระบบเซนเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่ต้องใช้ในการทดสอบรถยนต์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสร้างแม่แบบของสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่มีสมรรถนะสูง นอกจากนี้ คอนติเนนทัลยังผลิตเรดาร์ระยะไกลและระบบกล้องเพื่อการทดสอบนี้อีกด้วย
ทั้งนี้เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าการทดสอบมีความปลอดภัย คอนติเนนทอลจะพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับการทดสอบขึ้น แม้อาจเกิดปัญหาข้ดข้องระหว่างการทดสอบ ยิ่งไปกว่านั้น คอนติเนนทัลจะมีบทบาทสำคัญในการวางรูปแบบสถาปัตยกรรมของระบบการใช้งาน ระบบไฟฟ้า และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ภายใต้การชี้แนะของกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู
ปัจจุบัน คอนติเนนทอลมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,300 คน ที่กำลังทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องการขับขี่อัติโนมัติ โดยเน้นในเรื่องระบบช่วยผู้ขับขี่ เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance) ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนเช่น ระบบกล้องอินฟราเรด และ เรดาร์ที่จะบันทึกสภาพแวดล้อมของการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเตือน ช่วยเหลือ และลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้ ส่วนในปีนี้ คอนติเนนทอลได้ลงทุนไปกับการวิจัยและพัฒนากว่า 4 พันล้านบาท
“การขับขี่อัตโนมัติเป็นกุญแจสำคัญของการขับเคลื่อนในอนาคตซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่บนท้องถนน” ดร.ดีเกนฮาร์ท ประธานกรรมการบริหารของคอนติเนนทอลกล่าวและว่า “เราร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้การขับขี่อัตโนมัติบนถนนฟรีเวย์นั้นน่ารื่นรมย์ ปลอดภัย และประหยัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยยานยนต์ ข้อมูลผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีส่งกำลังของเราร่วมมือกันทำโครงการนี้อย่างเต็มที่”
“โครงการวิจัยร่วมกับกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยูนี้ แสดงให้เห็นถึงว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะทำการวิจัยพัฒนาเพื่อไปให้ถึงการขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ เราไม่สามารถพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติได้เพียงชั่วข้ามคืน การค้นคว้าวิจัยต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีกว่าจะบรรลุจุดหมาย” ดร.ดีเกนฮาร์ทเสริม
สำหรับโครงการร่วมระหว่างกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยูและคอนติเนนทอลจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปี 2014 รถยนต์ต้นแบบสำหรับการขับขี่อัตโนมัติซึ่งจะใกล้เคียงกับรถที่จะผลิตในอนาคตจะถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีผู้ขับขี่ที่ได้รับการฝึกฝนและเป็นผู้ทดสอบ ในการทดสอบผู้ทดสอบจะต้องวิเคราะห์การขับขี่อัติโนมัติขั้นสูง ระหว่างที่ขับขี่ไม่เฉพาะบนถนนฟรีเวย์ในเยอรมนี แต่ยังทดสอบในประเทศแถบยุโรปอื่นๆอีกด้วย ทั้งนี้การทดสอบจะต้องพบเผชิญกับสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น ด่านเก็บค่าผ่านทาง ทางแยก หรือ การก่อสร้างถนน เป็นต้น
ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนวิจัยพัฒนา คอนติเนนทัลจะรับผิดชอบองค์ประกอบหลักๆ ในโครงการนี้ คือผลิตระบบเซนเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่ต้องใช้ในการทดสอบรถยนต์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสร้างแม่แบบของสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่มีสมรรถนะสูง นอกจากนี้ คอนติเนนทัลยังผลิตเรดาร์ระยะไกลและระบบกล้องเพื่อการทดสอบนี้อีกด้วย
ทั้งนี้เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าการทดสอบมีความปลอดภัย คอนติเนนทอลจะพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับการทดสอบขึ้น แม้อาจเกิดปัญหาข้ดข้องระหว่างการทดสอบ ยิ่งไปกว่านั้น คอนติเนนทัลจะมีบทบาทสำคัญในการวางรูปแบบสถาปัตยกรรมของระบบการใช้งาน ระบบไฟฟ้า และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ภายใต้การชี้แนะของกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู
ปัจจุบัน คอนติเนนทอลมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,300 คน ที่กำลังทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องการขับขี่อัติโนมัติ โดยเน้นในเรื่องระบบช่วยผู้ขับขี่ เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance) ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนเช่น ระบบกล้องอินฟราเรด และ เรดาร์ที่จะบันทึกสภาพแวดล้อมของการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเตือน ช่วยเหลือ และลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้ ส่วนในปีนี้ คอนติเนนทอลได้ลงทุนไปกับการวิจัยและพัฒนากว่า 4 พันล้านบาท
