อนาคตของอัลฟา แบรนด์ดังในเครือเฟียตยังไม่มีความแน่นอน และแม้ว่าโฟล์คสวาเกนแสดงท่าทีอยากได้ไปอยู่ในเครือก็ตาม แต่ดูเหมือนนายใหญ่ของเฟียตยังคงไร้สัญญาณตอบกลับและแถมยิ่งจะขอกอดเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม เรียกว่าถ้าจะตายก็ขอตายในอ้อมกอดตัวเองแทนที่จะไปตกอยู่ในมือของคู่แข่ง
จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังการเปิดตัวของรุ่น MiTo และจูเลียตต้าแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา อัลฟาแทบไม่มีรถยนต์ใหม่ๆ ออกมาสร้างสีสันและสร้างยอดขายได้เลย ขณะที่คู่แข่งเปิดตัวกันโครมๆ และที่เพิ่งเปิดตัวในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2013 อย่างรุ่น 4C ก็เป็นแค่รถสร้างภาพ แต่ไม่ใช่ทีเด็ดที่จะช่วยพาให้บริษัทก้าวข้ามจากปัญหาขาดทุนสะสมและยอดขายลดลงได้เลย
4C เป็นโปรเจกต์ผลิตรถสปอร์ตแบบลิมิเต็ดอิดิชันเหมือนกับรุ่น 8C ที่อัลฟาเคยผลิตออกมาก่อนหน้านี้ โดย 4C จะมีตลาดและตัวรถเล็กกว่ารุ่น 8C โดยในช่วงแรกจะมีการผลิตออกมาเพียงแค่ 1,000 คันเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้มี 400 คันสำหรับขายในยุโรปด้วยราคา 60,000 ยูโร หรือ 2.4 ล้านบาท และใช้ชื่อว่า The Launch Edition ด้วยตัวเลือก 2 สี คือ Carrara White กับ Alfa Red ส่วนใครที่อยากขับรุ่นปกติก็อดใจรออีกหน่อย
4C เป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางด้านท้ายที่นำโครงสร้างของโลตัส อีลิส และ KTM X-Bow มาต่อยอดในการพัฒนาเอง เน้นความเบาด้วยโครงสร้างตัวถังแบบอะลูมิเนียม และใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถัง นั่นจึงทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 895 กิโลกรัม
ตัวรถเป็นแบบสปอร์ต 2 ที่นั่งมีความยาวเพียง 3,989 มิลลิเมตร สูง 1,183 มิลลิเมตร กว้าง 2,090 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,380 มิลลิเมตร ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,750 ซีซี เทอร์โบในการขับเคลื่อน รีดกำลังออกมาได้ 240 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. โดย 80% ของแรงบิดสูงสุดจะถูกถ่ายทอดออกมาที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที
ด้วยกำลังขนาดนี้บวกกับน้ำหนักตัวที่เบาทำให้ 4C ใช้เวลาเพียง 4.5 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 258 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีแรงม้าต่อน้ำหนักเพียงแค่ 0.33 แรงม้าต่อ 1 กิโลกรัมเท่านั้น และส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ DCT- Dual Dry Clutch Transmission แบบ 6 จังหวะ
ส่วนใครที่ต้องการเรี่ยวแรงมากกว่านี้ก็ต้องรอการทำตลาดของรุ่นปกติ ซึ่งคาดว่าจะมีเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี เทอร์โบ 300 แรงม้าตามออกมาให้สัมผัสอีกทางเลือก
4C จะได้รับการผลิตที่โรงงานของมาเซราติในเมืองโมเดน่า ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นจุดยืนของแบรนด์ที่ชัดเจนว่าอัลฟาจะยืนอยู่ฝั่งแบรนด์สปอร์ตเหมือนกับมาเซราติ ไม่ใช่แบรนด์ที่เน้นรถยนต์ตลาดเหมือนกับที่ผ่านๆ มา