ประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ญี่ปุ่น ประกาศอัดเม็ดเงินก้อนใหม่ 1,000 ล้าน เพิ่มกำลังการผลิต 510,000 คันต่อปี หวังผลักดันยอดส่งออกรถจากไทยครบ 3 ล้านคัน ภายในปี 3-4 ปีข้างหน้า หลังเพิ่งฉลอง 2 ล้านคันไป พร้อมเตรียมถ่ายโอนงานวิจัยและพัฒนา จากบริษัทแม่ญี่ปุ่นมาไทยในอีก 2 ปี และเล็งทุ่มสร้างสนามทดสอบรับ
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยในโอกาสเดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมฉลองส่งออกรถยนต์จากไทยครบ 2 ล้านคันว่า นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของมิตซูบิชิในไทย หลังจากที่มีการเริ่มส่งออกรถยนต์คันแรกเมื่อปี 2531 และได้ใช้เวลาเพียง 6 ปี จากยอดส่งออก 1 ล้านคัน เพิ่มเป็น 2 ล้านคัน และมิตซูบิชิตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการส่งออกครบ 3 ล้านคัน ภายใน 3-4 ปีข้างหน้านี้
“ปัจจุบันประเทศไทยมีความสำคัญ และเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกทั่วโลกของมิตซูบิชิ แต่เพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายการส่งออก มิตซูบิชิเตรียมจะลงทุนใหม่เพิ่มอีก 1 พันล้านบาท จากเดิมที่เพิ่งลงทุนในโรงงานแห่งที่3มูลค่า 16,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกกว่า 50,000 คันต่อปี ภายในปี 2557 และจะทำให้กำลังการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิรวมทั้ง 3 โรงงานในไทย จากปัจจุบัน 460,000 คัน เพิ่มเป็น 510,000 คันต่อปี นับเป็นฐานผลิตสูงสุดของมิตซูบิชิทั่วโลก”
จากการที่ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกรถทั่วโลก แสดงให้เห็นฝีมือของแรงงานและมาตรฐานของโรงงานในไทย และต้องขอขอบคุณประชาชนชาวไทย รวมถึงรัฐบาลไทยที่ได้มีแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ การสนับสนุนรถยนต์ที่เป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยน ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพและอีโคคคาร์ ซึ่งทั้งหมดทำให้ไทยก้าวสู้การเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก และเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไทยจะบรรลุ 3 ล้านคันต่อปีตามเป้าในเร็วๆ นี้แน่นอน
นายมาสุโกะเปิดเผยว่า จากความสำเร็จของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ทำให้มิตซูบิชิตัดสินใจที่จะเสริมความแข็งแกร่งของหน่วยงานวิจัยและพัฒนา หรือ R&D ในประเทศไทย ภายใต้ภารกิจหลัก 3 ประการ คือมุ่งพัฒนาคุณภาพรถยนต์ที่ผลิตในไทย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้รวดเร็ว เพิ่มบทบาทในการพัฒนารุ่นไมเนอร์เนจ์สำหรับตลาดเมืองไทย และเพื่อค้นคว้าข้อมูลแนวโน้มการตลาดและเทคโนโลยีในตลาดอาเซียน
“แนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งครั้งนี้ จะทำให้เกิดการโอนงานด้านวิจัยและพัฒนาบางส่วน จากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมายังมิตซูบิชิ มอเตอร์ศ ประเทศไทย โดยมีแผนจะพัฒนาวิศวกรชาวไทย รวมถึงเพิ่มจำนวนวิศวกรไทยและญี่ปุ่น ในสังกัดฝ่าย R&D จากปัจจุบัน 40 คน ให้เป็น 120 คน ตลอดจนถึงเพิ่มเครื่องมือต่างๆ ให้สนองตอบต่อความต้องการ คาดว่าจะสามารถบรรลุแผนได้ภายใน 2 ปี และจากนั้นจะมีการลงทุนสนามทดสอบรถยนต์ในไทยด้วย แต่ยังไม่สามารถระบุเงินลงทุนขณะนี้ได้ เพราะต้องมีการศึกษาขนาดสนามและสถานที่ก่อสร้างสนามทดสอบก่อน”
ในส่วนของรัฐบาลไทยและกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีนโยบายจะลงทำศูนย์ทดสอบและสนามทดสอบรถยนต์นั้น นายมาสุโกะบอกว่ารับทราบเรื่องนี้มาเช่นกัน และมิตซูบิชิพร้อมสนับสนุน เพราะในญี่ปุ่นภาครัฐมีสนามทดสอบเช่นกัน แต่เอกชนก็ยังต้องมีสนามทดสอบของตนเอง ซึ่งหากของรัฐบาลไทยมีขนาดใหญ่และเป็นมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิอาจจะลดขนาดลงและใช้สนามทดสอบของภาครัฐด้วย โดยเบื้องต้นแผนการสร้างสนามทดสอบของมิตซูบิชิ อยากจะได้ใกล้กับโรงงานแหลมฉบัง แต่คงต้องมาดูเรื่องของพื้นที่จะพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอก็ต้องแยกไปที่อื่น
สำหรับปัญหาเงินบาทแข็งค่า เรื่องนี้มิตซูบิชิมีประสบการณ์จากญี่ปุ่น จึงมั่นใจจะสามารถรับมือได้ อาจจะสูงกว่าเงินเยนของญี่ปุ่น แต่หากเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ อย่างดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ถึงอย่างนั้นมิตซูบิชิเป็นบริษัทที่ส่งออกเกิน 50% ของกำลังการผลิต จึงไม่อยากจะให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้
***** ทาง เว็บ Motoring แจกบัตรสำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน "มอเตอร์โชว์" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี หนึ่งท่านรับได้ 2 ใบ (บัตรมีจำนวนจำกัด) รับได้ที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ" ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น-17.30 น. เบอร์ติดต่อ 02-6294488
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยในโอกาสเดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมฉลองส่งออกรถยนต์จากไทยครบ 2 ล้านคันว่า นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของมิตซูบิชิในไทย หลังจากที่มีการเริ่มส่งออกรถยนต์คันแรกเมื่อปี 2531 และได้ใช้เวลาเพียง 6 ปี จากยอดส่งออก 1 ล้านคัน เพิ่มเป็น 2 ล้านคัน และมิตซูบิชิตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการส่งออกครบ 3 ล้านคัน ภายใน 3-4 ปีข้างหน้านี้
“ปัจจุบันประเทศไทยมีความสำคัญ และเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกทั่วโลกของมิตซูบิชิ แต่เพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายการส่งออก มิตซูบิชิเตรียมจะลงทุนใหม่เพิ่มอีก 1 พันล้านบาท จากเดิมที่เพิ่งลงทุนในโรงงานแห่งที่3มูลค่า 16,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกกว่า 50,000 คันต่อปี ภายในปี 2557 และจะทำให้กำลังการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิรวมทั้ง 3 โรงงานในไทย จากปัจจุบัน 460,000 คัน เพิ่มเป็น 510,000 คันต่อปี นับเป็นฐานผลิตสูงสุดของมิตซูบิชิทั่วโลก”
จากการที่ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกรถทั่วโลก แสดงให้เห็นฝีมือของแรงงานและมาตรฐานของโรงงานในไทย และต้องขอขอบคุณประชาชนชาวไทย รวมถึงรัฐบาลไทยที่ได้มีแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ การสนับสนุนรถยนต์ที่เป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยน ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพและอีโคคคาร์ ซึ่งทั้งหมดทำให้ไทยก้าวสู้การเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก และเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไทยจะบรรลุ 3 ล้านคันต่อปีตามเป้าในเร็วๆ นี้แน่นอน
นายมาสุโกะเปิดเผยว่า จากความสำเร็จของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ทำให้มิตซูบิชิตัดสินใจที่จะเสริมความแข็งแกร่งของหน่วยงานวิจัยและพัฒนา หรือ R&D ในประเทศไทย ภายใต้ภารกิจหลัก 3 ประการ คือมุ่งพัฒนาคุณภาพรถยนต์ที่ผลิตในไทย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้รวดเร็ว เพิ่มบทบาทในการพัฒนารุ่นไมเนอร์เนจ์สำหรับตลาดเมืองไทย และเพื่อค้นคว้าข้อมูลแนวโน้มการตลาดและเทคโนโลยีในตลาดอาเซียน
“แนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งครั้งนี้ จะทำให้เกิดการโอนงานด้านวิจัยและพัฒนาบางส่วน จากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมายังมิตซูบิชิ มอเตอร์ศ ประเทศไทย โดยมีแผนจะพัฒนาวิศวกรชาวไทย รวมถึงเพิ่มจำนวนวิศวกรไทยและญี่ปุ่น ในสังกัดฝ่าย R&D จากปัจจุบัน 40 คน ให้เป็น 120 คน ตลอดจนถึงเพิ่มเครื่องมือต่างๆ ให้สนองตอบต่อความต้องการ คาดว่าจะสามารถบรรลุแผนได้ภายใน 2 ปี และจากนั้นจะมีการลงทุนสนามทดสอบรถยนต์ในไทยด้วย แต่ยังไม่สามารถระบุเงินลงทุนขณะนี้ได้ เพราะต้องมีการศึกษาขนาดสนามและสถานที่ก่อสร้างสนามทดสอบก่อน”
ในส่วนของรัฐบาลไทยและกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีนโยบายจะลงทำศูนย์ทดสอบและสนามทดสอบรถยนต์นั้น นายมาสุโกะบอกว่ารับทราบเรื่องนี้มาเช่นกัน และมิตซูบิชิพร้อมสนับสนุน เพราะในญี่ปุ่นภาครัฐมีสนามทดสอบเช่นกัน แต่เอกชนก็ยังต้องมีสนามทดสอบของตนเอง ซึ่งหากของรัฐบาลไทยมีขนาดใหญ่และเป็นมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิอาจจะลดขนาดลงและใช้สนามทดสอบของภาครัฐด้วย โดยเบื้องต้นแผนการสร้างสนามทดสอบของมิตซูบิชิ อยากจะได้ใกล้กับโรงงานแหลมฉบัง แต่คงต้องมาดูเรื่องของพื้นที่จะพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอก็ต้องแยกไปที่อื่น
สำหรับปัญหาเงินบาทแข็งค่า เรื่องนี้มิตซูบิชิมีประสบการณ์จากญี่ปุ่น จึงมั่นใจจะสามารถรับมือได้ อาจจะสูงกว่าเงินเยนของญี่ปุ่น แต่หากเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ อย่างดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ถึงอย่างนั้นมิตซูบิชิเป็นบริษัทที่ส่งออกเกิน 50% ของกำลังการผลิต จึงไม่อยากจะให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้
***** ทาง เว็บ Motoring แจกบัตรสำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน "มอเตอร์โชว์" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี หนึ่งท่านรับได้ 2 ใบ (บัตรมีจำนวนจำกัด) รับได้ที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ" ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น-17.30 น. เบอร์ติดต่อ 02-6294488