ข่าวในประเทศ - “มาสด้า” ชูกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก หวังดันยอดขายทะลุแสนคันใน 2-3 ปีข้างหน้า ผ่านโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมการตลาดแนวใหม่ เพิ่มเครือข่ายขาย และที่สำคัญเน้นความแตกต่างของสินค้า เผยไตรมาสสามขยายตลาดเปิดตัว “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” ประกาศพร้อมทำรถใช้น้ำมันอี85 และไฮบริดรับสิทธิ์ตามโครงสร้างภาษีใหม่
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมามาสด้าประสบความสำเร็จสามารถทำสถิติของตัวเองมากมาย โดยเฉพาะการทำยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ด้วยจำนวน 7.4 หมื่นคัน เทียบกับปีก่อนหน้าเติบโต 76% ครองส่วนแบ่งการตลาด หรือแชร์ 5.2% จากภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทยทั้งหมด 1.42 ล้านคัน
“ในปี 2556 นี้ มาสด้าคาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 8 หมื่นคัน แม้จะประเมินภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยลดลงจากปีที่แล้ว หรือมียอดขายประมาณ 1.2-1.3 ล้านคัน เนื่องจากไม่มีโครงการรถยนต์คันแรกช่วยผลักดันเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จากการทำตลาดเชิงรุกของมาสด้า จะช่วยผลักดันให้ได้ตามเป้าหมาย และมั่นใจจะสามารถบรรลุยอดขาย 1 แสนคันต่อปี ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะไม่มีการแข่งขันที่รุนแรง เพราะเป็นช่วงเร่งส่งมอบรถค้างจองจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งในส่วนของมาสด้ามียอดค้างส่งมอบปิกอัพบีที-50 โปร และมาสด้า2 จำนวนกว่า 2.15 หมื่นคัน คาดว่าจะส่งมอบได้หมดภายใน 2-3 เดือนนี้ แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น จากสภาพตลาดได้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกยี่ห้อจะกลับมาเร่งทำยอดอีกครั้ง
ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายการขายเติบโตขึ้น 10% มาจากการทำการตลาดเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ผ่านโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาด โดยเฉพาะสื่อโฆษณาในรูปแบบใหม่ๆ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนแคมเปญส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกันก็เร่งขยายเครือข่ายการขาย ด้วยการพิ่มจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการอีก 20 แห่ง หรือเป็น 165 แห่งทั่วประเทศ
“ที่สำคัญจะเน้นสร้างความแตกต่างของตัวสินค้าเป็นหลัก ผ่านการสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยรุ่นพิเศษ หรือลิมิเต็ดอิดิชัน และการขยายเซกเม้นท์ทำตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยประมาณช่วงไตรมาส 3 จะมีการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 สู่ตลาดไทย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควร จากสิ่งเหล่านี้จึงมั่นใจจะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน”
นายยูกิเปิดเผยเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ว่า มาสด้าเห็นด้วยกับแนวทางการใช้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี ซึ่งมาสด้ามีความพร้อมในการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่จะถูกนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ในไทยปีนี้
“อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลให้สิทธิพิเศษกับรถใช้พลังงานทางเลือก เช่นรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 ซึ่งมาสด้าคงยืนยันมองเรื่องเทคโนโลยีที่ยั่งยืนเป็นหลัก และไม่เห็นด้วยกับพลังงานอี85 แต่หากภาษีใหม่ทำให้เราสามารถแข่งขันได้ มาสด้าพร้อมที่จะรายงานบริษัทแม่ และพัฒนารถให้รองรับได้ สำหรับช่วงระยะ 3 ปีในการปรับตัว ขณะที่เรื่องไฮบริดเทคโนโลยีสกายแอคทีฟพัฒนาไว้รองรับอยู่แล้ว ส่วนอีโคคาร์ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม ไม่ใช่ตลาดที่มาสด้าจะลงไปแข่งขัน” นายยูกิกล่าว
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมามาสด้าประสบความสำเร็จสามารถทำสถิติของตัวเองมากมาย โดยเฉพาะการทำยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ด้วยจำนวน 7.4 หมื่นคัน เทียบกับปีก่อนหน้าเติบโต 76% ครองส่วนแบ่งการตลาด หรือแชร์ 5.2% จากภาพรวมตลาดรถยนต์ในไทยทั้งหมด 1.42 ล้านคัน
“ในปี 2556 นี้ มาสด้าคาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 8 หมื่นคัน แม้จะประเมินภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยลดลงจากปีที่แล้ว หรือมียอดขายประมาณ 1.2-1.3 ล้านคัน เนื่องจากไม่มีโครงการรถยนต์คันแรกช่วยผลักดันเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จากการทำตลาดเชิงรุกของมาสด้า จะช่วยผลักดันให้ได้ตามเป้าหมาย และมั่นใจจะสามารถบรรลุยอดขาย 1 แสนคันต่อปี ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะไม่มีการแข่งขันที่รุนแรง เพราะเป็นช่วงเร่งส่งมอบรถค้างจองจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งในส่วนของมาสด้ามียอดค้างส่งมอบปิกอัพบีที-50 โปร และมาสด้า2 จำนวนกว่า 2.15 หมื่นคัน คาดว่าจะส่งมอบได้หมดภายใน 2-3 เดือนนี้ แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น จากสภาพตลาดได้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกยี่ห้อจะกลับมาเร่งทำยอดอีกครั้ง
ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายการขายเติบโตขึ้น 10% มาจากการทำการตลาดเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ผ่านโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาด โดยเฉพาะสื่อโฆษณาในรูปแบบใหม่ๆ และการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนแคมเปญส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกันก็เร่งขยายเครือข่ายการขาย ด้วยการพิ่มจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการอีก 20 แห่ง หรือเป็น 165 แห่งทั่วประเทศ
“ที่สำคัญจะเน้นสร้างความแตกต่างของตัวสินค้าเป็นหลัก ผ่านการสร้างความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยรุ่นพิเศษ หรือลิมิเต็ดอิดิชัน และการขยายเซกเม้นท์ทำตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยประมาณช่วงไตรมาส 3 จะมีการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 สู่ตลาดไทย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควร จากสิ่งเหล่านี้จึงมั่นใจจะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน”
นายยูกิเปิดเผยเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ว่า มาสด้าเห็นด้วยกับแนวทางการใช้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี ซึ่งมาสด้ามีความพร้อมในการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่จะถูกนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ในไทยปีนี้
“อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลให้สิทธิพิเศษกับรถใช้พลังงานทางเลือก เช่นรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 ซึ่งมาสด้าคงยืนยันมองเรื่องเทคโนโลยีที่ยั่งยืนเป็นหลัก และไม่เห็นด้วยกับพลังงานอี85 แต่หากภาษีใหม่ทำให้เราสามารถแข่งขันได้ มาสด้าพร้อมที่จะรายงานบริษัทแม่ และพัฒนารถให้รองรับได้ สำหรับช่วงระยะ 3 ปีในการปรับตัว ขณะที่เรื่องไฮบริดเทคโนโลยีสกายแอคทีฟพัฒนาไว้รองรับอยู่แล้ว ส่วนอีโคคาร์ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม ไม่ใช่ตลาดที่มาสด้าจะลงไปแข่งขัน” นายยูกิกล่าว
