เปิดใจสองพี่น้อง เปิ้ล-ณัฐบูร และ ลี่-ณัฐพล ไตรณัฐี ผู้จัดงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2556” หรือ BMF 2013 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ฟันธงตลาดบิ๊กไบค์ปีงูเล็กไม่สะดุด ทั้งยังเติบโตกว่า 10,000 คัน แม้ภาครัฐปรับฐานภาษีใหม่ คาดตลอด 5 วัน มีผู้ชมงานทะลุ 1.2 ล้านคน ดันเงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท
รายละเอียดรูปแบบงานในปีนี้
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2556 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fuel of Life หรือ เชื้อเพลิงแห่งชีวิต” เพื่อสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนนอกเหนือจากการใช้ชีวิตไปกับการทำงานแล้ว การพักผ่อนถือเป็นการเติมพลังให้ทุกคนมีชีวิตชีวาในการดำรงชีพอย่างมีความสุข โดยเฉพาะคนรักมอเตอร์ไซค์สามารถนำมอเตอร์ไซค์มาใช้ในการพักผ่อนเพื่อเติมเชื้อเพลิงแห่งชีวิต
ทุ่มงบเพิ่มไฮไลท์แข่งจิมคาน่า
ปีนี้ใช้งบในการจัดงานกว่า 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีพื้นที่ในการจัดงานเกือบ 20,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 4,000 ตารางเมตร คือ บริเวณฮอลล์ชั้น 8 เนรมิตพื้นที่ให้เป็นโซนการจัดแสดงค่ายรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ต่างๆ รวมถึงเวทีที่ใช้ในการจัดกิจกรรมความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน เช่น Vintage Bike ที่จะจัดแสดงมอเตอร์ไซค์โบราณ BMW ของกลุ่ม “Vintage Bike Thailand“ จำนวน 24 คัน แต่ละคันเป็นรถที่หาดูได้ยาก เนื่องจากมีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป
โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ จะเนรมิตให้เป็นสนามแข่งขันทักษะขับขี่รถจักรยานยนต์สลาลม “BMF Gymkhana 2013” เปิดให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนและทุกระดับที่สนใจมาลงแข่งขัน มุ่งเน้นที่ทักษะขับขี่บนพื้นสนามที่อาจมีความลื่นมากกว่าผิวถนน โดยไม่ต้องใช้ความเร็วหรือมุ่งแต่ชัยชนะและจบการแข่งในเวลาเป็นหลัก ซึ่งคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีทักษะขับขี่แบบจิมคาน่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวเองมีทักษะ เพราะต้องขับขี่ซอกแซกไปมาและไม่ได้ใช้ความเร็วสูงไปตามท้องถนน จึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสมากขึ้น เพียงแค่นำมารถมอเตอร์ไซค์ตนเองเข้ามาลงแข่งที่สนามได้เลย
สำหรับข้อกำหนดการแข่งขันมีเพียงแค่การควบคุมรถ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นหรือสัมผัสไพลอนหรือกรวยยาง สามารถคว้าชัยชนะเพื่อรับถ้วยและเงินรางวัลมูลค่ารวม 200,000 บาท ด้วยความที่ต้องการให้ทุกคนสัมผัสรูปแบบท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง จึงได้ปรับรูปแบบการแข่งขันเป็นรุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150 ซีซี. เนื่องจากเป็นรถที่มีผู้ใช้มากที่สุดและเหมาะกับสนามแข่ง โดยทาง M2F และ Fast Bike สองพันธมิตรสำคัญได้สนับสนุนค่าสมัครแก่ผู้สนใจ เพียงแต่ผู้แข่งขันต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป รถที่แข่งขันต้องมีสภาพถูกต้องตามกฎหมายและใส่เครื่องป้องกันครบถ้วน โดยเปิดรับสมัครถึง 18 มกราคมนี้
เจอกันแน่ 14 แบรนด์ดัง
ค่ายมอเตอร์ไซค์ที่เข้าร่วมงานประกอบด้วย 14 แบรนด์ คือ ฮอนด้า, ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน, ไทรอัมพ์, เคทีเอ็ม, ซูซูกิ, คาวาซากิ, ยามาฮ่า, ไทเกอร์, สตาเลี่ยน, เอ็มวี-อากุสต้า, แอลเอ็มแอล, วิคตอรี่, ซีโร่เอ็นจิเนียริ่ง และโพลาริส ขณะเดียวกันยังได้รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ไว้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย ตัวแทน, ร้านค้า, ผู้จำหน่ายสินค้าชั้นนำต่างๆ อาทิ อะไหล่, อุปกรณ์ตกแต่ง, อุปกรณ์ป้องกัน, เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่พร้อมใจมอบโปรโมชั่นโดนใจ ทั้งลดแลกแจกแถมมาให้แฟนรถสองล้อได้เลือกซื้อกันเป็นพิเศษเฉพาะในงาน
ตลาดคึกคักเงินสะพัด200ล้านบาท
คาดว่าการจัดงาน 5 วัน จะมียอดขายรถประมาณ 300 คัน หรือมีเม็ดเงินสะพัดรวมอุปกรณ์ตกแต่งกว่า 200 ล้านบาท สำหรับผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคน เนื่องจากทำเลที่ตั้งของงานอยู่ใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกและหลากหลายช่องทาง รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์และติดตามงานนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมงานมีหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนใจรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่มีกลุ่มคนที่ติดตามเพื่อมาเลือกซื้อสินค้า พักผ่อน ทานอาหาร และช่วยเชียร์ให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และชาวต่างชาติที่เดินทางมาช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าฯ และในบริเวณใกล้เคียง
ปีทองบิ๊กไบค์ไม่หวั่นภาษีใหม่
สำหรับปีนี้ถือเป็นปีทองของวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยอย่างแท้จริง เนื่องจากค่ายมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นทุกค่าย เดินหน้าทำตลาดรถประเภทนี้อย่างจริงจัง โดยนำเข้าและเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากหลายค่าย รวมถึงการขึ้นไลน์ผลิตรถบิ๊กไบค์ที่โรงงานผลิตในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ประกอบกับมีค่ายรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ ทั้งจากยุโรป-สหรัฐอเมริกาและเอเชีย เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศทางตะวันตกประสบปัญหาจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาทดแทน รวมถึงทุกประเทศกำลังสนใจตลาดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพความพร้อมในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ
ด้านการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตยานยนต์ใหม่ จะไม่กระทบตลาดกลุ่ม 150-500 ซีซี. มากนัก เพราะเป็นรถที่มีความต้องการสูง จะรักษายอดขายในตลาดไว้ได้ ส่วนรถขนาด 1,000 ซีซี. จะปรับราคาขึ้นตั้งแต่แสนกว่าบาทถึงสองแสนบาท ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่รู้สึกกระทบอะไร ขณะที่ภาพรวมตลาดรถบิ๊กไบค์ขนาด 500 ซีซี.ขึ้นไป ปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ในระดับเกือบ 10,000 คัน ทั้งที่จดทะเบียนถูกต้องและไม่ได้จดทะเบียน และจากที่ร่วมพูดคุยและวิเคราะห์กับผู้ประกอบการในวงการ ปี 2556 คาดว่าน่าจะมีปริมาณเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 13,000-14,000 คัน
ย้ำอีกครั้ง “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2556” สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดระหว่าง 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรีตลอดงาน...
รายละเอียดรูปแบบงานในปีนี้
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2556 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fuel of Life หรือ เชื้อเพลิงแห่งชีวิต” เพื่อสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนนอกเหนือจากการใช้ชีวิตไปกับการทำงานแล้ว การพักผ่อนถือเป็นการเติมพลังให้ทุกคนมีชีวิตชีวาในการดำรงชีพอย่างมีความสุข โดยเฉพาะคนรักมอเตอร์ไซค์สามารถนำมอเตอร์ไซค์มาใช้ในการพักผ่อนเพื่อเติมเชื้อเพลิงแห่งชีวิต
ทุ่มงบเพิ่มไฮไลท์แข่งจิมคาน่า
ปีนี้ใช้งบในการจัดงานกว่า 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีพื้นที่ในการจัดงานเกือบ 20,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 4,000 ตารางเมตร คือ บริเวณฮอลล์ชั้น 8 เนรมิตพื้นที่ให้เป็นโซนการจัดแสดงค่ายรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ต่างๆ รวมถึงเวทีที่ใช้ในการจัดกิจกรรมความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน เช่น Vintage Bike ที่จะจัดแสดงมอเตอร์ไซค์โบราณ BMW ของกลุ่ม “Vintage Bike Thailand“ จำนวน 24 คัน แต่ละคันเป็นรถที่หาดูได้ยาก เนื่องจากมีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป
โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ จะเนรมิตให้เป็นสนามแข่งขันทักษะขับขี่รถจักรยานยนต์สลาลม “BMF Gymkhana 2013” เปิดให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนและทุกระดับที่สนใจมาลงแข่งขัน มุ่งเน้นที่ทักษะขับขี่บนพื้นสนามที่อาจมีความลื่นมากกว่าผิวถนน โดยไม่ต้องใช้ความเร็วหรือมุ่งแต่ชัยชนะและจบการแข่งในเวลาเป็นหลัก ซึ่งคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีทักษะขับขี่แบบจิมคาน่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวเองมีทักษะ เพราะต้องขับขี่ซอกแซกไปมาและไม่ได้ใช้ความเร็วสูงไปตามท้องถนน จึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสมากขึ้น เพียงแค่นำมารถมอเตอร์ไซค์ตนเองเข้ามาลงแข่งที่สนามได้เลย
สำหรับข้อกำหนดการแข่งขันมีเพียงแค่การควบคุมรถ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นหรือสัมผัสไพลอนหรือกรวยยาง สามารถคว้าชัยชนะเพื่อรับถ้วยและเงินรางวัลมูลค่ารวม 200,000 บาท ด้วยความที่ต้องการให้ทุกคนสัมผัสรูปแบบท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง จึงได้ปรับรูปแบบการแข่งขันเป็นรุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150 ซีซี. เนื่องจากเป็นรถที่มีผู้ใช้มากที่สุดและเหมาะกับสนามแข่ง โดยทาง M2F และ Fast Bike สองพันธมิตรสำคัญได้สนับสนุนค่าสมัครแก่ผู้สนใจ เพียงแต่ผู้แข่งขันต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป รถที่แข่งขันต้องมีสภาพถูกต้องตามกฎหมายและใส่เครื่องป้องกันครบถ้วน โดยเปิดรับสมัครถึง 18 มกราคมนี้
เจอกันแน่ 14 แบรนด์ดัง
ค่ายมอเตอร์ไซค์ที่เข้าร่วมงานประกอบด้วย 14 แบรนด์ คือ ฮอนด้า, ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน, ไทรอัมพ์, เคทีเอ็ม, ซูซูกิ, คาวาซากิ, ยามาฮ่า, ไทเกอร์, สตาเลี่ยน, เอ็มวี-อากุสต้า, แอลเอ็มแอล, วิคตอรี่, ซีโร่เอ็นจิเนียริ่ง และโพลาริส ขณะเดียวกันยังได้รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ไว้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย ตัวแทน, ร้านค้า, ผู้จำหน่ายสินค้าชั้นนำต่างๆ อาทิ อะไหล่, อุปกรณ์ตกแต่ง, อุปกรณ์ป้องกัน, เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่พร้อมใจมอบโปรโมชั่นโดนใจ ทั้งลดแลกแจกแถมมาให้แฟนรถสองล้อได้เลือกซื้อกันเป็นพิเศษเฉพาะในงาน
ตลาดคึกคักเงินสะพัด200ล้านบาท
คาดว่าการจัดงาน 5 วัน จะมียอดขายรถประมาณ 300 คัน หรือมีเม็ดเงินสะพัดรวมอุปกรณ์ตกแต่งกว่า 200 ล้านบาท สำหรับผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคน เนื่องจากทำเลที่ตั้งของงานอยู่ใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกและหลากหลายช่องทาง รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์และติดตามงานนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมงานมีหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนใจรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่มีกลุ่มคนที่ติดตามเพื่อมาเลือกซื้อสินค้า พักผ่อน ทานอาหาร และช่วยเชียร์ให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และชาวต่างชาติที่เดินทางมาช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าฯ และในบริเวณใกล้เคียง
ปีทองบิ๊กไบค์ไม่หวั่นภาษีใหม่
สำหรับปีนี้ถือเป็นปีทองของวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยอย่างแท้จริง เนื่องจากค่ายมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นทุกค่าย เดินหน้าทำตลาดรถประเภทนี้อย่างจริงจัง โดยนำเข้าและเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากหลายค่าย รวมถึงการขึ้นไลน์ผลิตรถบิ๊กไบค์ที่โรงงานผลิตในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ประกอบกับมีค่ายรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ ทั้งจากยุโรป-สหรัฐอเมริกาและเอเชีย เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศทางตะวันตกประสบปัญหาจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาทดแทน รวมถึงทุกประเทศกำลังสนใจตลาดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพความพร้อมในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ
ด้านการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตยานยนต์ใหม่ จะไม่กระทบตลาดกลุ่ม 150-500 ซีซี. มากนัก เพราะเป็นรถที่มีความต้องการสูง จะรักษายอดขายในตลาดไว้ได้ ส่วนรถขนาด 1,000 ซีซี. จะปรับราคาขึ้นตั้งแต่แสนกว่าบาทถึงสองแสนบาท ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่รู้สึกกระทบอะไร ขณะที่ภาพรวมตลาดรถบิ๊กไบค์ขนาด 500 ซีซี.ขึ้นไป ปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ในระดับเกือบ 10,000 คัน ทั้งที่จดทะเบียนถูกต้องและไม่ได้จดทะเบียน และจากที่ร่วมพูดคุยและวิเคราะห์กับผู้ประกอบการในวงการ ปี 2556 คาดว่าน่าจะมีปริมาณเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 13,000-14,000 คัน
ย้ำอีกครั้ง “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2556” สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดระหว่าง 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรีตลอดงาน...