ตลาดบิ๊กไบค์ส่อแววสะดุด หลังโดนโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ประกาศจัดเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นตั้งแต่หลักพันจนถึงสูงสุดหลักแสนบาท ค่ายรถวุ่นประชุมเครียด เบื้องต้น “ฮอนด้า” ยืนยันพร้อมแบกรับส่วนต่างให้ลูกค้า ด้านคู่แข่งสัญชาติเดียวกัน “คาวาซากิ” โดนผลกระทบหนัก แย้มราคาปรับสูงขึ้นแน่แต่ยังไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับ “ดูคาติ” ขอเวลาหาข้อสรุป ก่อนแจ้งอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ส่วนแบรนด์น้องใหม่ “เบเนลลี” มาแปลก ไม่บวกต้นทุนภาษีเพิ่มแต่ยอมลดกำไร ย้ำขายราคาเดิมถึงสิ้นปี 2556
จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรจักรยานยนต์แบบใหม่ จากเดิมที่เก็บตามชนิดเครื่องยนต์ คือ 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ มาเป็นการเก็บภาษีตามปริมาตรความจุกระบอกสูบที่คิดเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ ซีซี. แทน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. เป็นต้นไป
โดยมติดังกล่าว กำหนดให้รถจักรยานยนต์ที่มีปริมาตรความจุกระบอกสูบไม่เกิน 150 ซีซี. จัดเก็บภาษีในอัตรา 3%, ความจุ 150-500 ซีซี. จัดเก็บ 5%, ความจุ 500-1,000 ซีซี. จัดเก็บ 10% และความจุ 1,000 ซีซี. ขึ้นไป จัดเก็บ 20%
ทั้งนี้ เห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรแบบใหม่ จะมีผลกระทบต่อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่มากกว่ารถเล็กที่มีความจุไม่เกิน 150 ซีซี. โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในขณะนี้
เริ่มจากค่ายปีกนก “ฮอนด้า” แจ้งความคืบหน้าว่า ลูกค้าที่จองรถในซีรี่ส์ 500 ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ประกอบด้วย ซีบีอาร์ 500 อาร์, ซีบี 500เอฟ และ ซีบี 500เอ็กซ์ (เปิดรับจองในอนาคต) ก่อนวันประกาศบังคับใช้อัตราภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ ซึ่งมีจำนวนกว่า 400 คัน บริษัทยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้นราคาขาย และพร้อมแบกรับส่วนต่างที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผู้ที่จองรถหลังวันดังกล่าว จะต้องซื้อในราคาใหม่ โดยปรับขึ้นจากเดิมรุ่นละ 6,000 บาท
ขณะที่แบรนด์คู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง “คาวาซากิ” ซึ่งถือว่าโดนผลกระทบหนักกว่า เพราะรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี. ได้แก่ อีอาร์ 6เอ็น, นินจา 650และเวอร์ซิส 650 จากเดิมมีราคาจำหน่าย 254,000-289,000 บาท และเมื่อโดนอัตราจัดเก็บ 10% แม้ว่ายังไม่ประกาศราคาที่ปรับเพิ่มอย่างเป็นทางการ แต่ทางฝ่ายขายแจ้งว่า มีแนวโน้มขยับขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาททั้ง 3 รุ่น ขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าที่จองรถก่อนวันที่ 19 ธ.ค.55 ทางค่ายกรีนทีมก็ยังไม่ระบุว่า ผู้ซื้อต้องจ่ายส่วนต่างของภาษีเพิ่มหรือไม่ด้วย
เช่นเดียวกับบิ๊กไบค์จากอิตาลี “ดูคาติ” แม้ยังขอเวลาประชุมเพื่อหาข้อสรุป และจะแจ้งผลการปรับราคาใหม่เร็วๆ นี้ แต่หากคำนวนคร่าวๆ สำหรับรุ่นที่ประกอบในไทยและกวาดยอดขายทะลุเป้าไปแล้ว นั่นคือ มอนสเตอร์ 795 คาดว่าต้องเตรียมเงินจ่ายเพิ่มไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนอีกรุ่นที่ผลิตในบ้านเราอย่าง แดเวล ดูท่าจะต้องปรับหนัก เพราะขนาดเครื่องยนต์ทะลุ 1,000 ซีซี.โดนอัตราภาษี 20% จากราคาขายเดิม 799,000 บาท ต้องปรับใหม่เพิ่มขึ้นหลักแสนบาทแน่นอน
ทางด้านน้องใหม่ “เบเนลลี” ดูเหมือนจะเป็นแบรนด์เดียวที่ไม่โยนภาระภาษีให้กับลูกค้า เมื่อผู้จำหน่ายอย่างเอ็มไบค์แจ้งว่า บิ๊กไบค์ 2 รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป สำหรับ ทีเอ็นที 600และ ทีเอ็นที 899 ยังคงขายราคาเดิม 269,000 บาท และ 549,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเอ็มไบค์ย้ำว่า ราคานี้มีผลถึงแค่สิ้นปี 2556 เท่านั้น เพราะในอนาคตคงต้องปรับเพิ่มแน่นอน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงผลกระทบล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นกับบิ๊กไบค์ที่มีฐานการประกอบอยู่ในประเทศไทย ยังไม่นับรวมกลุ่มรถนำเข้าอีกหลากหลายรุ่นซึ่งต้องปรับเพิ่มราคาตามโครงสร้างภาษีเดียวกัน เห็นอย่างนี้แล้วไม่รู้ว่าสิงห์นักบิดจะยอมถอดใจหันไปขี่จักรยานแทนหรือเปล่า!?
ตารางแสดงราคาบิ๊กไบค์ที่ประกอบในประเทศไทย
จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรจักรยานยนต์แบบใหม่ จากเดิมที่เก็บตามชนิดเครื่องยนต์ คือ 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ มาเป็นการเก็บภาษีตามปริมาตรความจุกระบอกสูบที่คิดเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ ซีซี. แทน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. เป็นต้นไป
โดยมติดังกล่าว กำหนดให้รถจักรยานยนต์ที่มีปริมาตรความจุกระบอกสูบไม่เกิน 150 ซีซี. จัดเก็บภาษีในอัตรา 3%, ความจุ 150-500 ซีซี. จัดเก็บ 5%, ความจุ 500-1,000 ซีซี. จัดเก็บ 10% และความจุ 1,000 ซีซี. ขึ้นไป จัดเก็บ 20%
ทั้งนี้ เห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรแบบใหม่ จะมีผลกระทบต่อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่มากกว่ารถเล็กที่มีความจุไม่เกิน 150 ซีซี. โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในขณะนี้
เริ่มจากค่ายปีกนก “ฮอนด้า” แจ้งความคืบหน้าว่า ลูกค้าที่จองรถในซีรี่ส์ 500 ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ประกอบด้วย ซีบีอาร์ 500 อาร์, ซีบี 500เอฟ และ ซีบี 500เอ็กซ์ (เปิดรับจองในอนาคต) ก่อนวันประกาศบังคับใช้อัตราภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ ซึ่งมีจำนวนกว่า 400 คัน บริษัทยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้นราคาขาย และพร้อมแบกรับส่วนต่างที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผู้ที่จองรถหลังวันดังกล่าว จะต้องซื้อในราคาใหม่ โดยปรับขึ้นจากเดิมรุ่นละ 6,000 บาท
ขณะที่แบรนด์คู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง “คาวาซากิ” ซึ่งถือว่าโดนผลกระทบหนักกว่า เพราะรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี. ได้แก่ อีอาร์ 6เอ็น, นินจา 650และเวอร์ซิส 650 จากเดิมมีราคาจำหน่าย 254,000-289,000 บาท และเมื่อโดนอัตราจัดเก็บ 10% แม้ว่ายังไม่ประกาศราคาที่ปรับเพิ่มอย่างเป็นทางการ แต่ทางฝ่ายขายแจ้งว่า มีแนวโน้มขยับขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาททั้ง 3 รุ่น ขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าที่จองรถก่อนวันที่ 19 ธ.ค.55 ทางค่ายกรีนทีมก็ยังไม่ระบุว่า ผู้ซื้อต้องจ่ายส่วนต่างของภาษีเพิ่มหรือไม่ด้วย
เช่นเดียวกับบิ๊กไบค์จากอิตาลี “ดูคาติ” แม้ยังขอเวลาประชุมเพื่อหาข้อสรุป และจะแจ้งผลการปรับราคาใหม่เร็วๆ นี้ แต่หากคำนวนคร่าวๆ สำหรับรุ่นที่ประกอบในไทยและกวาดยอดขายทะลุเป้าไปแล้ว นั่นคือ มอนสเตอร์ 795 คาดว่าต้องเตรียมเงินจ่ายเพิ่มไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนอีกรุ่นที่ผลิตในบ้านเราอย่าง แดเวล ดูท่าจะต้องปรับหนัก เพราะขนาดเครื่องยนต์ทะลุ 1,000 ซีซี.โดนอัตราภาษี 20% จากราคาขายเดิม 799,000 บาท ต้องปรับใหม่เพิ่มขึ้นหลักแสนบาทแน่นอน
ทางด้านน้องใหม่ “เบเนลลี” ดูเหมือนจะเป็นแบรนด์เดียวที่ไม่โยนภาระภาษีให้กับลูกค้า เมื่อผู้จำหน่ายอย่างเอ็มไบค์แจ้งว่า บิ๊กไบค์ 2 รุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป สำหรับ ทีเอ็นที 600และ ทีเอ็นที 899 ยังคงขายราคาเดิม 269,000 บาท และ 549,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเอ็มไบค์ย้ำว่า ราคานี้มีผลถึงแค่สิ้นปี 2556 เท่านั้น เพราะในอนาคตคงต้องปรับเพิ่มแน่นอน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงผลกระทบล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นกับบิ๊กไบค์ที่มีฐานการประกอบอยู่ในประเทศไทย ยังไม่นับรวมกลุ่มรถนำเข้าอีกหลากหลายรุ่นซึ่งต้องปรับเพิ่มราคาตามโครงสร้างภาษีเดียวกัน เห็นอย่างนี้แล้วไม่รู้ว่าสิงห์นักบิดจะยอมถอดใจหันไปขี่จักรยานแทนหรือเปล่า!?
ตารางแสดงราคาบิ๊กไบค์ที่ประกอบในประเทศไทย
