xs
xsm
sm
md
lg

รวม 10 ข่าวเด่นต่างประเทศในรอบปี 2012

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำหรับปี 2012 ที่ผ่านมา ในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ต่างประเทศ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และนื่คือ 10 ข่าวเด่นที่ทีมงานรวบรวมมา

1.R.I.P.-Sergio Pininfarina : การสูญเสียบุคลากรในวงการออกแบบรถ

ข่าวเศร้ารับปี 2012 ของวงการรถยนต์ คือ การเสียชีวิตของแซร์โจ้ พินินฟารินา อดีตนักออกแบบรถคนสำคัญแห่งสำนักออกแบบชื่อดังแห่งอิตาลีอย่างพินินฟารินา

แซร์โจ้ พินินฟาริน่า เสียชีวิตลงด้วยวัย 85 ปี หลังจากล้มป่วยมานาน โดยในช่วงเวลาทำงานตลอด 40 ปี แซร์โจ้ฝากผลงานเอาไว้มากมาย อย่างเช่น เฟอร์รารี่ 250 จีที ในปี 1961 แลนเซีย เบต้า มอนเตคาโร ในปี 1975 มาร์เซราติ ควอโต้ปอร์เต้ ปี 2003 ไม่นับรวมรถยนต์ต้นแบบต่างๆ อีกหลายรุ่น ภายใต้การจรดปากกาของเขา

ฟาบริซิโอ้ จุยเจียโร หัวหน้าฝ่ายออออกแบบของอิตัลดีไซน์ กล่าวถึง เซอร์จิโอ้ ว่า เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจออกแบบรถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจในแบบครอบครัว ซึ่งแซร์โจ้ เป็นผู้มีทักษะด้านการออกแบบที่เหนือชั้นและไม่เหมือนใคร ซึ่งเขากล่าวในตอนท้ายว่า วงการออกแบบรถยนต์ได้สูญเสียเพื่อนผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้ว

แซร์โจ้ พินินฟารินา เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 1926 และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2012 โดยเขาเข้ามารับทำงานต่อจากพ่อในการบริหารสำนักออกแบบพินินฟารินาในปี 1966 หรือ 1 ปีหลังจากที่เขาชักชวนให้เอ็นโซ่ เฟอร์รารี่ปรับปรุงไลน์ผลิตรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางของตัวเองในการทำตลาด ซึ่งนำไปสู่การผลิตรุ่นดิโน่ เบอร์ลิเน็ตต้า สเปเชี่ยลในเวลาต่อมา

ตลอดช่วงเวลาบริหารของเขา แซร์โจ้ทำให้ชื่อของพินินฟารินาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และมีการออกแบบรถยนต์มากมายทั้งในระดับรถยนต์ซูเปอร์คาร์หรือระดับหรูไปจนถึงรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป

2.BMW รุกตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า

ในที่สุดบีเอ็มดับเบิลยูก็กระโดดเข้าสู่การเปิดตลาดด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมีการพัฒนาพื้นตัวถังรุ่นใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า UKL และจะมาใช้ในการต่อยอดพัฒนารถยนต์ประเภทนี้สูงสุดถึง 12 รุ่นด้วยกันตลอดปีนี้ไปจนถึงปี 2015

เอียน โรเบิร์ตสัน กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาดของบีเอ็มดับเบิลยูเปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังทำการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กอีก 10-12 รุ่น โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยผลผลิตแรกที่มาจากพื้นตัวถัง UKL คือ รถยนต์ต้นแบบ Active Tourer ที่เปิดตัวในงานปารีส มอเตอร์โชว์

นอกจากรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูแล้ว พื้นตัวถังรุ่น UKL จะถูกใช้ในรถยนต์ในเครืออย่างมินิอีกด้วย โดยจะเป็นพื้นฐานใหม่ของมินิรุ่นโมเดลเชนจ์ที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2014

โรเบิร์ตสัน กล่าวในตอนท้ายว่า เขาเชื่อว่าตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมขนาดเล็ก จะกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดรถยนต์ที่โตเร็วที่สุด โดย บีเอ็มดับเบิลยู มองกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว คนหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีความต้องการหลากหลาย และใช้งานรถยนต์ในหลายๆ วัตถุประสงค์

3.ฮอนด้าตั้งเป้าทศวรรษหน้าขายรถ 6 ล้านคัน

ฮอนด้าเผยทิศทางธุรกิจในอีก 10 ปี ข้างหน้า มุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกให้ได้มากกว่า 6 ล้านคันภายในปีงบประมาณ 2017

ทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศวิสัยทัศน์ และทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อตอกย้ำการกำหนด “ทิศทางในอีก 10 ปี ข้างหน้า” ที่ประกาศไปเมื่อปี 2010 ในการที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมี CO2ต่ำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยทิศทางการดำเนินงานในธุรกิจรถยนต์ ฮอนด้าเร่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ด้วยการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การพัฒนาไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก, ประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่ และพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต

จากแนวความคิดใหม่นี้ ฮอนด้าจะเพิ่มยอดขายรถยนต์ในตลาดกลุ่มภูมิภาคหลัก เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป จาก 2.06 ล้านคันในปีงบประมาณ 2012 เป็นกว่า 3 ล้านคันในปีงบประมาณ 2017 และจะขยายธุรกิจในตลาดของประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น โดยจะสร้างยอดขายรถยนต์ให้ได้มากกว่า 3 ล้านคัน ในปี 2017 ซึ่งนับเป็น 2 เท่าของปีงบประมาณ 2012 (สิ้นสุดวันที่ 31มี.ค. 2012) ด้วยการตั้งเป้ายอดการขายที่แข็งแกร่งในกลุ่มภูมิภาคหลัก และการรุกตลาดในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่นนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าการขายรถยนต์รวมทั่วโลกให้ได้กว่า 6 ล้านคันภายในปีงบประมาณ 2017

ขณะเดียวกัน ฮอนด้ายังคงพัฒนาเทคโนโลยี “เอิร์ธ ดรีม” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนในอนาคตที่เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และเพิ่มประสิทธิภาพของการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการพัฒนาองค์ประกอบการสันดาปภายในรวมทั้งเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่นำมาใช้กับมอเตอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ

4.ข้อพิพาทพ่นพิษ รถญี่ปุ่นในจีนยอดขายร่วง

การพิพาทในเรื่องการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะเตียวหยูในทะเลจีนใต้ และทางผู้ประท้วงชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งได้แอบขึ้นเกาะแห่งนี้เพื่อยืนยันสิทธิ์การถือครองของประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นชนวนนำไปสู่การต่อต้านและการประท้วงสินค้าจากญี่ปุ่นในประเทศจีน จนนำไปสู่การบอยคอตและการทำลายทรัพย์สินในที่สุด

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อกลุ่มธุรกิจของญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินงานในประเทศจีน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์โดนค่อนข้างหนัก มากจนถึงขั้นหลายค่ายต้องมีการประกาศปิดโรงงานผลิตชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียงหายจากกลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังโกรธแค้น

อย่างค่ายฮอนด้าต้องประสบปัญหาในด้านยอดขาย โดยในเดือนกันยายน ถือว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2011 แต่บอสใหญ่ ทาคาโนบุ อีโต้ ประธานของฮอนด้า กล่าวว่า แผนการลงทุนทุกอย่างในจีนที่เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้จะไม่มีการยกเลิกอย่างแน่นอน และทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง โดยเขายังกล่าวเสริมอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการผลิตรถยนต์ไฮบริดในประเทศจีนให้เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านมาสด้า ซึ่งทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งสามรายในประเทศจีน นั่นคือ ฟอร์ด มอเตอร์ คอปอเรชั่น และ โฉงชิ่ง ฉางอัน ออโต้โมบิล ก็เผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบในด้านยอดขายมากเท่าที่ควร และตัวเลขยอดขายในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 13,258 คัน

5.นิสสันปลุกผี คืนชีพ “ดัทสัน”

กลายเป็นข่าวฮอตของปีที่แล้ว เมื่อนิสสันประกาศคืนชีพแบรนด์ดัทสัน โดยมีเป้าหมายในการเจาะกลุ่มตลาดรถยนต์ราคาประหยัดในประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกอย่างรัสเซีย อินเดีย และบราซิล ก่อนจะเพิ่มตลาดตะวันออกกลางขึ้นมาในเวลาต่อมา

นิสสัน มีแผนเปิดตัวแบรนด์ ดัทสัน ใหม่อีกครั้งในปี 2014 และจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ดังกล่าว ด้วยราคประมาณ 500,000 เยน หรือ 6,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือไม่เกิน 2 แสนบาท

สำหรับการขยายฐานในตลาดเกิดใหม่นั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะกลางของนิสสัน มอเตอร์ โดยเป้าหมายจะอยู่ที่ประเทศ อินเดีย บราซิล จีน และรัสเซีย โดยยอดขายในประเทศเหล่านี้ นิสสัน คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60% ของยอดขายรวมทั่วโลกภายในปี 2016

อย่างไรก็ตาม นิสสันยังไม่ได้ยืนยันถึงรถยนต์ที่จะนำมาใช้ในการตลาด ว่าจะเป็นรุ่นใหม่แกะกล่อง หรือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากโมเดลที่มีอยู่แล้วในตลาด

การเจาะตลาดรถยนต์ราคาประหยัดโดยใช้แบรนด์ลูกนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่ทางเรโนลต์-นิสสันให้ความสนใจ เพราะอย่างตัวเรโนลต์เองก็ใช้แบรนด์ในเครืออย่างดาเซียจากโรมาเนียในการบุกตลาดรถยนต์ราคาประหยัดในยุโรป และอินเดียมาแล้ว

6.โตโยต้าตั้งเป้าลุยตลาดรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง

เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าเกือบจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครพูดถึงกันอีกแล้ว แต่โตโยต้าก็ยังไม่ยอมแพ้ และประกาศผลักดันโปรเจกต์นี้ใหม่ โดยตั้งเป้าจะมีการผลิตรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงออกขายในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2015

โตโยต้า มอเตอร์ คอปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น มีแผนที่จะจำหน่ายรถยนต์ใช้เทคโนโลยีเซลส์เชื้อเพลิง ซึ่งใช้ไฮโดรเจนในการสร้างพลังงานไฟฟ้า โดยคาดว่าจะจำหน่ายได้ราว 2,000-3,000 คันต่อปี โดยตลาดใหญ่จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และยุโรป

อาเลน อูเทนโฮเวน รองประธานบริหารโตโยต้ายุโรปฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และการตลาดเผยว่า ทางโตโยต้าคาดราคาขายของรถยนต์แบบเซลส์เชื้อเพลิงในยุโรปน่าจะมีราคาอยู่ที่ราว 100,000 ยูโร หรือประมาณ 138,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.14 ล้านบาท

เขากล่าวเสริมว่า โตโยต้ามองรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ล้วน จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในการเดินทางระยะสั้นภายในเมือง ส่วนรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบปลั๊กอินไฮบริด จะตอบสนองได้ทั้งแบบการเดินทางระยะสั้น รวมถึงการขับขี่ในระยะทางไกล

โตโยต้าเคยแข่งขันกับฮอนด้าในการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง โดยเปิดตัวรุ่นแรกออกมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2002 แต่หลังจากนั้น โตโยต้าก็แทบไม่ให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้อีกเลย ปล่อยให้ฮอนด้าทำตลาดด้วยรุ่น FCX และ FCX Clarity มาโดยตลอด

7.ออดี้อหังการ์ ประกาศขึ้นเบอร์ 1 ตลาดหรูในปี 2020

ออดี้ ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลกในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ภายในปี 2020 โดยเป็นผลมาจากการผลักดันของโฟล์คสวาเก้น กรุ๊ป

รูเพิร์ท สแตดเลอร์ ซีอีโอ ของ ออดี้ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ซูสดอร์ด ไซตุ้ง ในประเทศเยอรมนี โดยเขากล่าวว่า อย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นปี 2020 เพราะการที่จะขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง และสามารถขึ้นนำ บีเอ็มดับเบิลยู นั้น ไม่ใช่เรื่องที่สามารถจะทำได้ภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ การจะขึ้นเป็นผู้นำ ยังต้องรักษาตำแหน่งดังกล่าวให้ได้ด้วย

ก่อนหน้านี้ สแตดเลอร์ เคยตั้งเป้าที่จะผลักดันออดี้ขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวไว้ที่ปี 2015 ซึ่งการขยายระยะเวลาออกไป ดาดว่าน่าจะมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงการประเมินคู่แข่งอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งขณะนี้มีการปรับตัวในเชิงรุกเช่นกัน

8.รถแพงขึ้นจากข้อบังคับความประหยัดเมืองลุงแซม

หน่วยงานด้านความปลอดภัยบนเส้นทางหลวงสหรัฐอย่าง NHTSA และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EPA ต่างลงความเห็นถึงข้อกฏหมาย ที่บังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องลดอัตราความสิ้นเปลืองของยานพาหนะอยู่ในระดับ 54.5 ไมล์ ต่อแกลลอน (22.1 กิโลเมตรต่อลิตร) ในสหรัฐ ภายในปี 2025 อาจทำให้ราคาขายรถยนต์เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 2,000 เหรียญฯ หรือ 60,000 บาท

สำหรับการล่างข้อกฏหมายดังกล่าว ได้มีการเห็นชอบในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐ ลงนามร่วมกันระหว่าง ฟอร์ด ฮอนด้า โตโยต้า และ เจเนอรัล มอเตอร์ และจะเริ่มส่งผลตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป

โดยข้อกฏหมายระบุให้อัตราความสิ้นเปลืองของรถยนต์นั่ง กระบะ และรถเอสยูวี ต้องลดลงร้อยละ 3.5 ถึง 5 ภายใน 5 ปีแรก และจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 ในทุกๆ ปี

มิท เบนโวล ผู้บริหารหน่วยงานสมาพันธ์ผู้ผลิตรถยนต์ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การออกกฏหมายดังกล่าว รัฐบาลตั้งเป้าไว้สูงมาก ซึ่งรัฐบาลเองต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางด้านเทคโนโลยี ที่ผู้บริโภคจำเป็นจะต้องซื้อจากผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

9.เฟอร์รารี่ใจบุญ จัดประมูล F12 ช่วยเหยื่อแซนดี้

เฟอร์รารี่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเฮอร์ริเคนแซนดี้ นำสปอร์ตหรูรุ่นใหม่ล่าสุด F12 ซึ่งเป็นคันแรกในสหรัฐอเมริกาออกประมูล รับเงินไป 1.125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 35 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่าค่าตัวจริงๆ เกือบ 3 เท่าตัว ก่อนส่งมอบเงินรายได้ให้กับทางสภากาชาดของเมืองลุงแซม

งานนี้มีขึ้นที่เมืองออสติน มลรัฐเท็กซัส ซึ่งทางเฟอร์รารี่แห่งอิตาลี ได้สร้างโอกาสพิเศษในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผ่านทางความร่วมมือของสภากาชาดในสหรัฐอเมริกา โดยการจัดงานครั้งนี้ได้เงินช่วยเหลือไปทั้งสิ้น 1.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 47.1 ล้านบาท

สำหรับไฮไลต์ของงานอยู่ที่การประมูล F12 คันแรกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจบลงที่ราคา 1.25 ล้านเหรียฐสหรัฐฯ หรือ 34.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัวจากราคาปกติที่จะวางขายในเมืองลุงแซม 315,888 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9.8 ล้านบาท

นอกจากนั้น ทางเฟอร์รารี่เองยังบริจาคเงินก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น 345,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.07 ล้านบาท รวมกับเงินอีก 50,000 เหรียญสหรัฐฯ จากการบริจาคของผู้เข้าร่วมงาน

เฟอร์รารี่นำ F12 ออกเปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่งานประกวดรถโบราณที่ Pebble Beach เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนมีคิวส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 ซึ่ง F12 เป็นสปอร์ตคูเป้ เข้ามาแทนที่ 599GTB เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2012 และใช้เครื่องยนต์วี12 6,262 ซีซี 740 แรงม้าเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง

10. R.I.P. Part 2 : อาลัยแคร์โรลล์ เชลบี้

แคร์โรลล์ เชลบี้ เจ้าของตำนานรถยนต์ คอบบร้า เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 89 ปีที่โรงพยาบาล เบยเย่อร์ เมืองดัลลาส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแพทย์ระบุว่าทำงานหนักจนสุขภาพทรุดโทรม

เชลบี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักแข่งรถ และเป็นผู้สร้างตำนานรถยนต์เปิดหลังคา ขวัญใจของวัยรุ่นชาวอเมริกันยุคปี 1960 อย่างเชลบี้ คอบร้า รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาฟอร์ด มัสแตง อย่างรุ่น เชลบี้ GT350 ที่โด่งดังจนชื่อของเขาผูกติดอยู่กับมัสแตงของฟอร์ดมาโดยตลอด

สำหรับการเสียชีวิตของ เชลบี้ แพทย์ลงความเห็นว่าเขาทำงานหนักจนสุขภาพทรุดโทรม ซึ่งเขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลถึง 4 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 15 ปี เพื่อทำการผ่าตัดหัวใจ และในช่วงอายุ 73 ปี เขาได้ทำการเปลี่ยนไต โดยลูกชายของเขา ไมค์ เชลบี้ เป็นผู้บริจาคให้กับบิดาของเขาเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น