สปอร์ตไฮบริดของฮอนด้าอย่างรุ่น CR-Z เดินทางมาถึงช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง หรือไมเนอร์เชนจ์กันแล้ว โดยทางฮอนด้า มอเตอร์จัดการปรับโฉม CR-Z เพิ่มความสดใหม่ให้กับรูปลักษณ์ และขยับสมรรถนะด้วยการอัปเกรดขุมพลัง พร้อมกับแบตเตอรี่ชุดใหม่
CR-Z เป็นรถสปอร์ตที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสานต่อความโด่งดังในอดีตของสปอร์ตท้ายตัดรุ่น CR-X ที่โด่งดังอย่างมากในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ก่อนยุติการผลิตไป โดย CR-Z เป็นผลงานที่ถูกเปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรกในฐานต้นแบบชื่อเดียวกันเมื่อปี 2010 หรือตามหลังการเผยโฉมต้นแบบในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009 ไม่นาน
สำหรับชื่อรุ่นของ CR-Z เป็นตัวย่อมาจาก Compact Renaissance Zero และใช้เครื่องยนต์ไฮบริดในการขับเคลื่อน ซึ่งในรุ่นใหม่แบบปรับโฉม ทางฮอนด้ามีการขยับสมรรถนะในส่วนนี้ด้วยการเปลี่ยนแบตเตอรี่จากเดิมเป็นแบบนิเกิลเมทัลไฮดรายมาเป็นลิเธียม-ไอออน ขณะที่เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ IMA-Integrated Motor Assisted ก็ยังยืนพื้นด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 1500 ซีซี เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน โดยมาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน และขยับกำลังจากรุ่นเดิม 112 มาเป็น 119 แรงม้า
ทางด้านมอเตอร์ไฟฟ้าก็มีการเปลี่ยนแปลงในด้าน Output ของกำลังขับเคลื่อนจากเดิมอยู่ที่ 14 มาเป็น 20 แรงม้า ซึ่งส่งผลให้กำลังโดยรวมเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกันขยับขึ้นมาอีก13 แรงม้าเป็น 135 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดเพิ่มจาก 1.2 มาเป็น 1.6 กก.-ม. เลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ CVT
ในด้านสมรรถนะดีขึ้นจากเดิมเมื่อดูจากตัวเลขที่ทางฮอนด้าเคลมออกมา อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงลดลงจาก 9.7 วินาทีเหลือ 9.0 วินาที และแล่นทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนค่าความประหยัดน้ำมันแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตร/ลิตร และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 116 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
อีกสิ่งที่มีเพิ่มเติมคือในโหมดการขับ นอกจาก ECON, Normal และ Sport แล้ว ยังมีเพิ่มโหมดพิเศษที่เรียกว่า Sport+ เข้ามาด้วย ซึ่งในระบบนี้เมื่อแบตเตอรี่มีการชาร์จไฟอยู่ในระดับเกิน 50% สามารถกดปุ่ม S+ ที่อยู่บนพวงมาลัย เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่มาช่วยในการขับเคลื่อน ได้ประมาณ 10 วินาที
ในญี่ปุ่นเริ่มทำตลาดแล้ว โดย CR-Z ไมเนอร์เชนจ์มากับราคาเริ่มต้นที่ 2.575 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยแล้วประมาณ 1.03 ล้านบาท