ข่าวในประเทศ - เอนเนอร์จี รีฟอร์ม เผย ภาวะราคาน้ำมันแพงส่งผลให้ธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์เติบโตขึ้น 22% โดยมูลค่าตลาดรวมเฉลี่ยสูงถึง 5,000 ล้านบาทต่อเดือน เชื่อแม้ปล่อยแก๊สลอยตัวไม่กระทบลูกค้า เผย รายได้ครึ่งปีแรก 700 ล้านบาท คาดสิ้นปีนี้ทำได้ตามเป้า 1,200 ล้านบาทแน่นอน
นายสุรศักดิ์ และ นายสุรชัย นิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์จี รีฟอร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ LPG และ NGV ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.2555) เติบโต22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งเฉลี่ยประมาณ 15,000 คันต่อเดือน หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นสัดส่วน 85% สำหรับ LPG และอีก 15% สำหรับแก๊ส NGV
“การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 735 ล้านบาท ครองส่วนแบ่ง 55% มีลูกค้าเฉลี่ยเดือนละ 8,000 คัน โดยในปี 2555 ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,200 ล้านบาท ล่าสุด7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) ทำได้แล้ว 700 ล้านบาท และมั่นใจว่า จะทำได้ตามเป้าแน่นอน” นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทิศทางราคาแก๊สเมื่อปล่อยลอยตัวแล้ว LPG จะปรับขึ้นที่ประมาณ 16 บาทต่อลิตร (ปัจจุบัน 12 บาทต่อลิตร) ส่วน NGV จะปรับราคาขึ้นไปที่ 14.50 บาทต่อกิโลกรัม (ปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม) ในขณะที่น้ำมันเบนซินปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 37-45 บาท และในอนาคตอาจสูงถึง 50 บาท ก็เป็นได้ จึงชัดเจนว่า ราคาแก๊สถูกกว่าน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ใช้แก๊สย่อมประหยัดกว่า ทำให้ผู้บริโภคหันมาติดตั้งมากขึ้น และปัจจุบันจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สในประเทศไทย มีประมาณ 1 ล้านคัน แบ่งเป็นใช้แก๊ส LPG จำนวน 8 แสนคัน และใช้แก๊ส NGV จำนวน 2 แสนคัน โดยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมันอีกด้วย
นายสุรชัย นิตติวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์มีการแข่งขันกันสูงมาก ขณะนี้มีตัวเลือกในตลาดเกือบ 30 ยี่ห้อ โดยจุดขายอันดับหนึ่งอยู่ที่คุณภาพของระบบ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และเครือข่ายในการให้บริการ ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ Energy 4.0 หรือรถ 4 พลังงาน เป็นการติดตั้งระบบแก๊ส LPG และ NGV ที่สามารถติดตั้งในรถยนต์ไฮบริดได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ซึ่งเตรียมเปิดตัวครั้งแรกในงาน “NGV Bangkok 2012” ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ ไบเทค บางนา
สำหรับเทคโนโลยี 4.0 จะทำให้รถยนต์ไฮบริดที่ติดตั้งสามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ 4 ชนิดในรถคันเดียว คือ น้ำมัน, ระบบไฟฟ้า, แก๊ส LPG และ NGV โดยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งคิดเป็นระบบ LPG เริ่มต้นที่ 26,500-36,000 บาท และระบบ NGV เริ่มต้นที่ 32,000-42,000 บาท หรือรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 58,500-78,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ได้ตั้งเป้าการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมผู้ประกอบการติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ในเมืองไทย
ขณะเดียวกัน เอนเนอร์จี รีฟอร์ม เปิดโครงการ Energy Reform Service Center หรือศูนย์บริการครบวงจรแก๊สและน้ำมัน ใช้การวางระบบมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ เอ็กซ์คลูซีฟเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจแก๊สรถยนต์ในอนาคต โดยมีศูนย์ต้นแบบและศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่อยู่ที่ลาดกระบัง มีกำลังการติดตั้ง 300 คันต่อเดือน ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน
“ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอโครงการเอ็กซ์คลูซีฟเซ็นเตอร์ ให้กับตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่เดิม 200 แห่ง และรายใหม่ที่สนใจพร้อมลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนมาดูงานและศึกษาระบบของจริง โดยต้องใช้เงินลงทุนตั้งแต่ 3-15 ล้านบาท และคาดว่า จะคืนทุนไม่เกิน 2 ปี ปัจจุบันมีดีลเลอร์ที่ร่วมโครงการ และพร้อมเปิดให้บริการภายในปีนี้จำนวน 10 แห่ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 200 แห่งในปีหน้า” นายสุรชัย นิตติวัฒน์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ และ นายสุรชัย นิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์จี รีฟอร์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ LPG และ NGV ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.2555) เติบโต22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งเฉลี่ยประมาณ 15,000 คันต่อเดือน หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นสัดส่วน 85% สำหรับ LPG และอีก 15% สำหรับแก๊ส NGV
“การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 735 ล้านบาท ครองส่วนแบ่ง 55% มีลูกค้าเฉลี่ยเดือนละ 8,000 คัน โดยในปี 2555 ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,200 ล้านบาท ล่าสุด7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) ทำได้แล้ว 700 ล้านบาท และมั่นใจว่า จะทำได้ตามเป้าแน่นอน” นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทิศทางราคาแก๊สเมื่อปล่อยลอยตัวแล้ว LPG จะปรับขึ้นที่ประมาณ 16 บาทต่อลิตร (ปัจจุบัน 12 บาทต่อลิตร) ส่วน NGV จะปรับราคาขึ้นไปที่ 14.50 บาทต่อกิโลกรัม (ปัจจุบัน 8.50 บาทต่อกิโลกรัม) ในขณะที่น้ำมันเบนซินปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 37-45 บาท และในอนาคตอาจสูงถึง 50 บาท ก็เป็นได้ จึงชัดเจนว่า ราคาแก๊สถูกกว่าน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ใช้แก๊สย่อมประหยัดกว่า ทำให้ผู้บริโภคหันมาติดตั้งมากขึ้น และปัจจุบันจำนวนรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สในประเทศไทย มีประมาณ 1 ล้านคัน แบ่งเป็นใช้แก๊ส LPG จำนวน 8 แสนคัน และใช้แก๊ส NGV จำนวน 2 แสนคัน โดยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมันอีกด้วย
นายสุรชัย นิตติวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์มีการแข่งขันกันสูงมาก ขณะนี้มีตัวเลือกในตลาดเกือบ 30 ยี่ห้อ โดยจุดขายอันดับหนึ่งอยู่ที่คุณภาพของระบบ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และเครือข่ายในการให้บริการ ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ Energy 4.0 หรือรถ 4 พลังงาน เป็นการติดตั้งระบบแก๊ส LPG และ NGV ที่สามารถติดตั้งในรถยนต์ไฮบริดได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ซึ่งเตรียมเปิดตัวครั้งแรกในงาน “NGV Bangkok 2012” ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ ไบเทค บางนา
สำหรับเทคโนโลยี 4.0 จะทำให้รถยนต์ไฮบริดที่ติดตั้งสามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ 4 ชนิดในรถคันเดียว คือ น้ำมัน, ระบบไฟฟ้า, แก๊ส LPG และ NGV โดยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งคิดเป็นระบบ LPG เริ่มต้นที่ 26,500-36,000 บาท และระบบ NGV เริ่มต้นที่ 32,000-42,000 บาท หรือรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 58,500-78,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ได้ตั้งเป้าการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมผู้ประกอบการติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ในเมืองไทย
ขณะเดียวกัน เอนเนอร์จี รีฟอร์ม เปิดโครงการ Energy Reform Service Center หรือศูนย์บริการครบวงจรแก๊สและน้ำมัน ใช้การวางระบบมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ เอ็กซ์คลูซีฟเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจแก๊สรถยนต์ในอนาคต โดยมีศูนย์ต้นแบบและศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่อยู่ที่ลาดกระบัง มีกำลังการติดตั้ง 300 คันต่อเดือน ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน
“ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอโครงการเอ็กซ์คลูซีฟเซ็นเตอร์ ให้กับตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่เดิม 200 แห่ง และรายใหม่ที่สนใจพร้อมลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนมาดูงานและศึกษาระบบของจริง โดยต้องใช้เงินลงทุนตั้งแต่ 3-15 ล้านบาท และคาดว่า จะคืนทุนไม่เกิน 2 ปี ปัจจุบันมีดีลเลอร์ที่ร่วมโครงการ และพร้อมเปิดให้บริการภายในปีนี้จำนวน 10 แห่ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 200 แห่งในปีหน้า” นายสุรชัย นิตติวัฒน์ กล่าว