มาสด้า ประกาศความพร้อมรับมือกับตลาดรถยนต์ช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น และคาดว่ายอดขายสิ้นปีนี้ทะลุเกิน 1.2 ล้านคันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตลาดหลักทั้งปิกอัพและรถยนต์ยนต์นั่งขนาดเล็ก โดยได้แรงหนุนจากโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับความต้องการของตลาดที่มีเข้ามามาก รวมถึงความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของไทยที่มีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ยอดขายเดือนสิงหาคมยังแรงต่อทะลุ 7,000 คันเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวว่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ตลาดรถยนต์ของประเทศไทยในปีนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งหลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และคาดว่าตลาดรถยนต์ปีนี้จะทะลุ 1,200,000 คันอย่างแน่นอน รวมทั้งในส่วนของมาสด้าช่วงที่ผ่านมาการเปิดตัวรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังคงร้อนแรงทะลุเพดาน 7,000 คันเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยมียอดขายทำสถิติใหม่สูงถึง 7,291 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 87% โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 ทั้งรุ่นสปอร์ตและเอลิแกนซ์ จำนวน 3,490 เพิ่มขึ้น 42% รถปิกอัพฮีโร่มาสด้า บีที-50 โปรใหม่ จำนวน 3,129 คัน เติบโตสูงสุดถึง 229% รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ จำนวน 670 เพิ่มขึ้น 38% และรถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ จำนวน 2 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวม 8 เดือนทะลุถึง 44,933 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 61 %
โดยเฉพาะรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ ที่วันนี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของลูกค้าที่ใช้รถปิกอัพไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ไฮ-เรซเซอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง ที่มาสด้าวางตำแหน่งสินค้าเข้าตลาดตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นั่นคือ ปิกอัพสไตล์เก๋ง ที่พร้อมขับเคลื่อนทุกสิ่ง...ให้เป็นจริงได้ และนี่คือบทพิสูจน์ให้เห็นถึงการฉีกกฎของการออกแบบรถปิกอัพสไตล์เดิมๆ ไปจนหมดสิ้น ควบคู่กับการใช้งานที่มีมากกว่ารถเก๋ง ประกอบกับขนาดตัวรถที่มีตัวถังขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในตลาด มาพร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์ Di-Thunder PRO แรงสุด มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และช่วงล่าง Super DE-S ที่แน่นและหนึบ ส่งผลให้วันนี้รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรใหม่คือรถปิกอัพที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
นายโชอิชิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรถยนต์มาสด้าที่ผลิตออกมาในแต่ละเดือนนั้น ทางมาสด้าได้เร่งทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าในทันทีเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับรถได้เร็วขึ้น แต่ยังคงมียอดค้างส่งอีกจำนวนมาก รวมถึงมียอดจองเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มาสด้าได้มีการประสานงานกับโรงงานผลิตอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับกลยุทธ์และเพิ่มกำลังการผลิต โดยเฉพาะการเพิ่มเงินลงทุนอีก 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของรถปิกอัพ และการโยกสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศมาให้กับลูกค้าชาวไทย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันมียอดจองสะสมอยู่เกือบ 20,000 คัน และคาดว่าจะสูงขึ้นอีกนับจากวันนี้จนถึงสิ้นปี เนื่องจากลูกค้าต้องเร่งจองรถเพื่อให้ทันกับสิทธิการคืนเงินภาษีในโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งอย่างไรก็ตามมาสด้ายืนยันว่ารถยนต์ที่ลูกค้าจองในวันนี้จะสามารถส่งมอบได้ทุกคันทุกรุ่นทุกสี
ที่สำคัญจากการที่มีปริมาณรถยนต์มาสด้าออกสู่ตลาดเพิ่มสูงขึ้นนั้น การเตรียมรับมือกับการบริการหลังการขายเป็นสิ่งที่มาสด้ายึดมั่นมาโดยตลอด นอกจากเพิ่มจำนวนบุคลากรแล้ว การพัฒนาทักษะด้านการบริการการดูแลเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพแล้ว การเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อเร็วๆ นี้มาสด้าเพิ่มแนวรุกด้านชานเมืองกรุงเทพด้านตะวันตก ด้วยการเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ มาสด้าไทยเพชรเกษม ซึ่งตั้งอยู่บนถนนกาญจนาภิเษก เพื่อรองรับลูกค้าย่านบางใหญ่ บางแค นอกจากนี้ยังเปิดโชว์รูม มาสด้ามหาราช ที่จังหวัดตราด เพื่อรองรับลูกค้าภาคตะวันออกด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมาสด้าได้ขยายครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว และกำลังขยายออกไปสู่ตามอำเภอใหญ่ๆ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะขยายครบทั้ง 150 แห่งทั่วประเทศ
นางสาวสุรีทิพย์ ละองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนั่นคือ การใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับโฉมรถยนต์มาสด้าให้มีความสดใหม่และการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าและความคุ้มค่าให้กับตัวรถประกอบกับการที่มาสด้าได้มอบแคมเปญพิเศษให้ลูกค้าทันทีตั้งแต่เปิดตัวคือ การมอบประกันภัยชั้นหนึ่งให้กับลูกค้าที่จองซื้อรถ ยนต์มาสด้าในทุกรุ่น รวมทั้งการที่มาสด้าจับมือกับพาร์ทเนอร์ด้านสินเชื่อรถยนต์ที่สามารถมอบเงื่อนไขสุดพิเศษทั้งเงินดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยถูก และผ่อนชำระนาน ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ทันที
ตารางแสดงยอดขายมาสด้าม.ค.-ส.ค.2555