คาร์ลอฟท์ ออโต้ อิมพอร์ต น้องใหม่บุกตลาดนำเข้ารถยนต์หรูรุ่นพิเศษ เจาะตลาดไฮเอนด์ พร้อมทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท สร้างโชว์รูมทันสมัยพร้อมศูนย์บริการแบบ One Stop Service ตั้งเป้าก้าวเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทนำเข้ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ภายใน 3 ปี
พสิษฐ์ วราห์บัณฑูรวิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท คาร์ลอฟท์ ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด เปิดเผยว่า “คาร์ลอฟท์ ออโต้ อิมพอร์ต” เป็นบริษัทใหม่ในเครือของ เค คาร์ กรุ๊ป ซึ่งจะดำเนินงานในการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ โดยในช่วงแรกได้ทุ่มงบก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์ให้บริการ กว่า 40 ล้านบาท เน้นภาพลักษณ์ที่ทันสมัย
จุดเด่นและความแตกต่างของบริษัทฯ คือ มีโชว์รูมที่โดดเด่นสะดุดตาจากการออกแบบและดีไซน์ รวมถึงศูนย์บริการมาตราฐานที่สามารถดูแลรถนำเข้าได้อย่างครบวงจร อาทิ ศูนย์ซ่อมสีบอดี้และตัวถังที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งในปัจจุบันผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าหลายรายจะไม่มีศูนย์บริการเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงได้วางแบรนด์ไว้ในมาตรฐานเดียวกับโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำ มีการวางระบบการบริหาร และการจัดการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับศูนย์บริการอื่นๆในเครือ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่เข้ามารับบริการ
จุดเด่นและความแตกต่างของบริษัทฯ คือ มีโชว์รูมที่โดดเด่นสะดุดตาจากการออกแบบและดีไซน์ รวมถึงศูนย์บริการมาตราฐานที่สามารถดูแลรถนำเข้าได้อย่างครบวงจร อาทิ ศูนย์ซ่อมสีบอดี้และตัวถังที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งในปัจจุบันผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าหลายรายจะไม่มีศูนย์บริการเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงได้วางแบรนด์ไว้ในมาตรฐานเดียวกับโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำ มีการวางระบบการบริหาร และการจัดการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับศูนย์บริการอื่นๆในเครือ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่เข้ามารับบริการ
สำหรับการนำเข้ารถยนต์มีการนำเข้าทุกรุ่นทุกแบรนด์โดยตรงจากผู้ผลิตจากยุโรปและเอเชีย ทั้งนี้ทางบริษัท จะนำเข้าเฉพาะรถยนต์ใหม่ โดยทุกคันจะได้รับการตรวจสอบและสามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้อง แต่แบรนด์ที่ทางบริษัทฯ มุ่งเน้นทำการตลาดคือ แบรนด์รถยนต์ยุโรปที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นรุ่นพิเศษ มีออฟชั่นหลากหลาย เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ เพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ
พสิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนและกิจกรรมทางการตลาด ในช่วง 1-2 ปีแรก บริษัทฯมีความตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา โดยจะเน้นด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการทำ Online marketing เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และบริษัทได้ตั้งงบประมาณไว้ประมาณ 20 ล้านบาท ในส่วนส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์เป็นหลัก เพราะเราเชื่อว่าแบรนด์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือจะนำลูกค้ามาให้ในอนาคต และเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา เราได้เสริมธุรกิจให้ครบวงจรวงจรมากขึ้น ด้วยการเปิดโชว์รูม Premium Used car บนถนนรามอินทรา กม.7 หรือศูนย์รถยนต์ Auto Casa ซึ่งอยู่ในเครือของ เค คาร์กรุ๊ป เช่นเดียวกัน
“ตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะนำแบรนด์ก้าวสู่ 1 ใน 5 ของบริษัทนำเข้ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยคอนเซ็ปต์แบบ One Stop Service โดยให้บริการแบบครบวงจรอย่างมีมาตรฐาน ตั้งแต่การนำเข้ารถมาเพื่อจำหน่าย จนถึงการบริการหลังการขายต่างๆ และการเปิดแผนกรถยนต์ใช้แล้วเกรดพรีเมี่ยม เพื่อขยายกลุ่มตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และยินดีรับ Trade รถต่อ เพื่อนำมาจำหน่ายที่ Car Loft Premium Used Car รวมถึงแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มให้ครอบคลุมไปยังหัวเมืองต่างจังหวัดอีกด้วย”
ด้านการแข่งขันของตลาดรถยนต์นำเข้าช่วงนี้ถือว่ามีการแข่งขันที่สูง เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ลงทุนในธุรกิจนี้เพิ่มมากอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภายใต้ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ ทางบริษัทฯ จึงสร้างมาตรฐานความน่าเชื่อถือ และการบริการหลังการขาย ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นคือ หัวใจของการชิงตลาด ประกอบกับแผนการนำเข้ารถรุ่นใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังที่เน้นรถยนต์ที่เกาะกระแสตลาดรถยนต์ชั้นนำในเมืองไทยโดยเพิ่มความหลากหลายในรุ่นรถที่นำเข้าให้มากเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเมื่อลูกค้าต้องการรถยนต์รุ่นอื่นๆเพิ่มเติม ก็สามารถรองรับความต้องการตรงจุดนี้ของลูกค้าให้ได้เช่นเดียวกัน
พสิษฐ์ ยังเสริมอีกว่า แบรนด์ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและเป็นที่น่าพอใจสำหรับธุรกิจที่เปิดมาได้ไม่นาน โดยในช่วงแรกๆที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโชว์รูมจะเป็นลูกค้าที่รู้จักสนิทสนมกัน แต่หลังจากโชว์รูมเปิดบริการก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการบอกต่อและพบเห็นโชว์รูมจากสถานที่จริง รวมถึงการโฆษณา ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องของโชว์รูม และคาดว่าน่าจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคตตามแผนการตลาดที่วางไว้ บวกกับฐานลูกค้ากว่า 20,000 รายจากธุรกิจในเครือที่เราจะสามารถนำเสนอการบริการที่ครบวงจรได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม
ด้วยประสบการณ์ในวงการรถยนต์มากกว่า 35 ปี ของบริษัทในเครือ จึงทำให้เรารู้ดีว่า สิ่งที่ลูกค้าระดับพรีเมี่ยมต้องการ ไม่ใช่แค่สินค้าที่ดี แต่รวมไปถึงความเป็นมาตรฐานของการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย และนี่เองคือสิ่งที่ผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าอิสระในอดีตยังขาดอยู่ ประกอบกับทีมงานที่ทันสมัย ทำให้เราสามารถใช้ประสบการณ์มาพัฒนาการบริการให้กับลูกค้าได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และนี่เป็นสิ่งที่เราใช้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนอีกด้วย พสิษฐ์ กล่าวตบท้าย