xs
xsm
sm
md
lg

BMW320d (F30)...ความรู้สึกเติบโตขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากนำร่องส่งรุ่นนำเข้า(CBU) ของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 โฉมใหม่ ภายใต้รหัสตัวถังเอฟ30 (F30) มาให้ได้สัมผัสกันในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่ผ่านมา ที่สุดบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้ลงมือเร่งขึ้นไลน์ประกอบในไทย (CKD) และคลอดสู่ตลาดในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ต้องรอ8-9 เดือนเหมือนที่ผ่านมา และได้นำรถมาให้สื่อมวลชนได้ลองขับทันที

ซีรี่ส์3 นับเป็นรถยนต์ตัวธงของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ทำตลาดมายาวนานตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรก(E21) เมื่อปี ค.ศ.1975 มาจนถึงรุ่นอี90 (E90- ปีค.ศ. 2011) ก่อนจะส่งโฉมใหม่ล่าสุด ในรหัสตัวถังเอฟ30 หรือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย ประเดิมด้วย “บีเอ็มดับเบิลยู 320ดี” (BMW 320d) เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเป็นดาบแรก


โปรแกรมทดสอบรหัสตัวถังเอฟ30 บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พาสื่อมวลชนลัดฟ้าไปยังจังหวังตรัง โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่จังหวัดกระบี่ โดยได้จัดกิจกรรมให้ยืดเส้นยืดสาย ลองขับซีรี่ส์3 ใหม่ ในรูปแบบ Gymkhana ที่ลานกิจกรรมของจังหวัดตรัง ซึ่งช่วงนี้ได้มีการแบ่งสื่อมวลชนเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้นั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3 ใหม่ และอีกกลุ่มแยกไปขับ Gymkhana ที่มีรถไว้รองรับ 3 คัน

“ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ถูกแยกให้มาอยู่ในกลุ่มฟังบรรยายก่อน ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะทีเดียว และรับอิทธิพลมาจากรุ่นซีรี่ส์ 5 และซีรี่ส์ 7 มาเยอะพอสมควร โดยจุดที่เด่นเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน โคมไฟหน้าเรียวยาวเชื่อมต่อกับไตคู่ กระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ล้อมกรอบด้วยโครเมียม ด้านหน้าขยายกว้างในแนวราบ ฝากระโปรงยาวขึ้นสไตล์รถสปอร์ต และเมื่อมองด้านข้างจะเห็นเส้นคาดที่คมชัด ขณะที่ด้านท้ายเรียกว่าถอดแบบมาจากซีรี่ส์ 5 เลยก็ว่าได้

แน่นอนสิ่งที่บีเอ็มดับเบิลยูภาคภูมิใจอีกอย่าง เห็นจะเป็นมิติตัวถังของซีรี่ส์3 ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอี90 ในทุกมิติ โดยเฉพาะฐานล้อที่เพิ่ม 50 มม. ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายกับผู้โดยสารกว่าเดิม และห้องเก็บของด้านท้ายยังเพิ่มความจุจาก 460 เป็น 480 ลิตร แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน 30 กิโลกรัม

บีเอ็มดับเบิลยู 320ดี ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย หรือ 3 แบบการตกแต่ง แยกเป็นรุ่นสปอร์ต (Sport) เพื่อคนที่ชื่นชอบแนวสปอร์ต ที่เด่นกับไตคู่หน้าข้างละแบบ 8 ซี่สีดำ พร้อมไฟตัดหมอกแบบสปอร์ต ล้อแม็กซ์แบบก้านคู่ ภายในเบาะนั่งตัดเส้นสีเบาะหนัง อย่างเส้นสีแดงตัดสีดำในตัวถังสีแดงสดใหม่ และจอ iDrive เป็นแบบไร้กรอบขนาด 8.8 นิ้ว

ตามมาด้วยรุ่นใหม่โมเดิร์น (Modern) ที่นำเอาโทนสีอะลูมิเนียมมาตกแต่ง โดยไตคู่หน้าเป็นแบบ 11 ซี่ และล้อแม็กซ์แบบก้านวี ขณะที่ภายในตกแต่งโทนสีน้ำตาลออยสเตอร์อ่อนๆ ส่วนรุ่นลักชัวรี(Luxury) จะตกแต่งด้วยโครเมียมและสีเงินวาว ไม่ว่าจะเป็นวงแหวนรอบช่องแอร์ และชิ้นส่วนปุ่มควบคุมบนแดชบอร์ด และไตคู่หน้าเป็นโครเมียมแบบ 11 ซี่ รวมถึงเส้นคาดบนกันชนหน้า/หลัง และช่องไฟตัดหมอก รวมไปถึงขอบกระจกด้านข้าง และล้อแม็กซ์แบบลายซี่ ซึ่งยางของซีรี่ส์ 3 ใหม่ทุกรุ่นย่อยเป็นขนาด 225/50 R17

นอกจากอุปกรณ์ตกแต่งที่แตกต่างกันแล้ว ในส่วนของทางเทคนิคเหมือนกันหมดทั้ง 3 แบบ พร้อมกันนี้ยังมีจุดที่เพิ่มความสะดวกสบายเข้ามาในซีรี่ส์ 3 ใหม่ เห็นจะเป็นฝากระโปรงท้ายแบบเปิดอัตโนมัติ แม้จะหิ้วของมาแบบ 2 มือ แต่ก็สามารถเปิดได้ง่ายๆ เพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว และสอดเท้าไปข้างใต้กันชนหลังแล้วดึงออก ฝากกระโปรงก็จะเปิดขึ้นมาได้เองทันที จากการทำงานของเซนเซอร์ควบคุมการเปิดฝากระโปรงอัตโนมัติ

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ยังคงมีโหมดให้เลือกขับ เป็นแบบคอมฟอร์ต (Comfort) และสปอร์ต(Sport) แต่จะแตกต่างกันตรงที่ในรุ่นสปอร์ต จะเลือกโหมดสปอร์ต พลัส (Sport+) เพิ่มเติมได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังส่งของเครื่องยนต์และอัตราเร่ง โดยในโหมดต่างๆ ช่วงล่างจะปรับเซตเหมือนกัน แตกต่างในเรื่องของเกียร์ และพวงมาลัย โดยในซีรี่ส์ 3 ใหม่ ยังเพิ่มโหมดอีโค โปร (Eco Pro) ที่สนับสนุนการขับขี่แบบประหยัด ระบบจะควบคุมการส่งกำลังเหมาะสมกับอัตราเร่ง

ในสถานีขับ Gymkhana ต้องเจอกับด่านสลาลอม เลี้ยวหักศอกมุมแคบ ขับแบบเลข 8 เลนเชนจ์ และทางตรงสั้นๆ ที่จะต้องกระแทกคันเร่งแบบสุดๆ เพื่อเบรกแบบกระทันหันให้ไฟฉุกเฉินกะพริบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ได้ลบไป 1 วินาที แต่หากชนหรือเฉี่ยวไพลอนจะบวก 2 วินาที และทุกคนได้สิทธิ์ขับคนละ 3 รอบ

รถที่ใช้ขับ Gymkhana มีมาให้ครบทั้ง 3 รุ่นย่อย โดยให้จับฉลากจะโดนแจ็กพอร์ตรุ่นไหน “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” หวยออกที่รุ่นลักชัวรี่ ทันทีที่สัญญาณให้พุ่งออกจากจุดสตาร์ท เท้ากระแทกคันเร่งพุ่งทะยานออกไป ขุมพลังของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2000 ซีซี DOHC 16 วาล์ว 184 แรงม้า กับแรงบิดระดับ 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แสดงสมรรถนะให้เห็นทันทีที่รอบขยับขึ้นไประดับ 1,700 รอบต่อนาที เรียกอัตราเร่งมาแบบฉับไวไม่ต้องรอให้ลุ้น

ความรู้สึกที่แตกต่างจากรุ่นเดิม เห็นจะเป็นพวงมาลัยที่เบาขึ้น แต่ก็ทำให้บังคับรถได้ง่าย โดยเฉพาะเลนเชนจ์ หรือโค้งแคบๆ และพวงมาลัยตอบสนองได้แม่นยำไม่ขาดหรือเกิน ขณะที่ช่วงล่างรู้สึกจะถูกปรับให้นุ่มนวลขึ้น เวลาสลาลอมและโค้งแคบๆ จึงมีอาการยวบให้เห็น ถึงอย่างนั้นโดยรวมก็ยังหนึบแน่นไว้ใจได้ และรอบหลังได้ปลดระบบควบคุมการทรงตัว อาการดื้อซนมีมาให้เห็น ทำให้การบังคับรถสนุกและลุ้นขึ้น ซึ่งการขับครั้งนี้ไม่ถูกบวกเวลา แต่กว่าจะได้ลบวินาทีกับเขา ต้องขับไปถึงรอบสามโน้น

เมื่อเล่นกันสนุกพอหอมปากหอมคอ จึงได้เวลาเดินทางสู่จังหวัดกระบี่ ครั้งนี้ได้รุ่นสปอร์ตเป็นพาหนะ โดย “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับหน้าที่เป็นไม้แรกระยะทางสั้นๆ จากทั้งหมด 3 คน สิ่งที่รับรู้ได้ทันทีที่ออกตัว อัตราเร่งมาเร็วฉับไวหลังติดเบาะไม่แพ้รุ่นก่อน และสามารถทำความเร็วไหลขึ้นไปได้เนียนๆ แต่การลองขับครั้งนี้ไม่สามารถรีดความเร็วได้แบบสุดๆ เพราะเส้นทางแบบเลนสวน จึงขับขี่แบบปลอดภัยไว้ก่อน

จากการลองขับบนทางปกติ ชัดเจนว่าบีเอ็มดัมเบิลยู 320ดี ใหม่ มีความนุ่มนวลสุขุมมากขึ้น นั่นน่าจะมาจากเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่ช่วงระหว่างเปลี่ยนเกียร์สั้นลง ทำให้ส่งกำลังได้ไหลลื่นและนุ่มนวล ขณะที่ช่วงล่างยืนยันความรู้สึกอีกครั้ง ว่ามีการปรับเซตมาให้นุ่มนวลกว่าเดิม สามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนนได้ดี แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆ จะรู้สึกถึงอาการยวบและท้ายโยนบ้าง แต่ก็ยังสามารถเอาอยู่ไม่มีปัญหา

เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่กระบี่ จากการขับแบบปกติเร็ว-ช้าสลับกันไป อัตราสิ้นเปลืองที่โชว์บนจอข้อมูล อยู่ที่ประมาณ 16 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดพอสมควร

สรุป บีเอ็มดับเบิลยู 320ดี โฉมใหม่ ในราคาที่แทบจะไม่ต่างจากเดิม ไม่เพียงจะใส่เทคโนโลยีทันสมัย และขยายตัวถังให้โตขึ้นในทุกมิติ ยังปรับเซตให้นุ่มนวลนั่งสบาย ดูสุขมและเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งน่าจะเพื่อรองรับการขยายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แต่ความเร้าใจยังมีมาให้เช่นเดิม...

กำลังโหลดความคิดเห็น