ตลาดรถระดับหรูในบ้านเรามีเพียง 2 เจ้า ที่ช่วงชิง ขับเขี้ยว กันมาตลอด คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ บีเอ็มดับเบิลยู โดยเฉพาะรายหลัง ดูเหมือนจะตีตื้นขึ้นมาชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว แน่นอนความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย “แมทธิอัส พฟาลซ์”
-ตัวเลขยอดขายครึ่งปี
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดรวมอยู่ที่ 2,784 คัน เติบโตขึ้น 40 % หากเทียบกับปีที่ผ่านมา และในจำนวนดังกล่าวเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู 2,572 คัน มินิประมาณ 200 กว่าคัน ทำให้เรามีส่วนแบ่งการตลาดรถพรีเมียมเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 38 %
ขณะที่ตลาดรถพรีเมียมช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีตัวเลขประมาณ 6,800 คัน และมีแนวโน้มว่าจะโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับเราคาดว่าอย่างน้อยจะปิดยอดได้ที่ 14,000 คัน สูงกว่าปีที่แผ่านมา 20 %
-ปัจจัยที่ทำให้โต
มีหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโปรดักต์ที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังความสดใหม่ จึงได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็น ซีรี่ส์ 3 ใหม่ , ซีรี่ส์ 5 ที่ได้มีการปรับเครื่องยนต์ให้เล็กลง โดยหันมาใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทั้งเบนซิน และดีเซล นอกจากนี้ยังมี เอ็กซ์ 3 ใหม่ และเอ็กซ์ 1 ซึ่งรุ่นนี้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เนื่อจากราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท จึงทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนมินิล่าสุด เรานำ มินิ เครื่องยนต์ดีเซลมาให้เลือกครบทุกรุ่น ทั้งแฮทช์แบ็ค, คันทรีแมน และคูเป้ อีกส่วนหนึ่งมาจากดีเลอร์เน็ตเวิร์ก การบริการหลังการขาย แคมเปญ บุคลากร ที่สำคัญเรามีฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก อย่างเช่น ซีรี่ส์ 5 พบว่ามีกลุ่มลูกค้าใหม่ 70 %
-ส่วนของดีลเลอร์
ตอนนี้เรามีดีลเลอร์ 10 ราย 17 โชว์รูม ทุกวันนี้เราจะทำงานร่วมกันและจะค่อย ๆเพิ่ม โดยจะเน้นไปที่บริการหลังการขายและการฝึกอบรม ซึ่งเราได้สร้างศูนย์ฝึกอบรมขึ้นจะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม นี้ ขณะเดียวกันเราก็มีการส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม หรือ CRW และการจัดอีเวนท์ประกอบไปด้วย
-ตอนนี้เอ็กซ์ 1 ขายดี
ถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างสูง แต่รถที่ยังขายดีอยู่เป็นซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 5 สาเหตุที่เอ็กซ์ 1 ขายดีก็เพราะราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู อยู่แล้ว ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น บวกกับทางเรามีแคมเปญการขายเลยทำให้เอ็กซ์ 1 ประสบความสำเร็จด้วย นอกจากนี้ยังเป็นผลของแคมเปญบริการหลังการขายหรือ BSI ทำให้ลูกค้าสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้ ช่วยให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
-บีเอ็มดับเบิลยูได้รับกระทบจากเกรย์ฯ
ก็ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากรถที่ทำตลาดส่วนใหญ่เป็นรถประกอบในประเทศ แต่มินิ ซึ่งเป็นรถนำเข้า โดนไม่น้อย เนื่องจากผู้นำเข้าอิสระนำมาทำตลาดจำนวนมาก แต่หลังจากที่รัฐเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ที่ผ่านมา ทางเราก็พยายามบอกลูกค้าให้ระมัดระวังรถที่นำเข้าแบบไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย เพราะจะก่อให้เกิดความสูญเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบริการแ และการรับประกัน
-มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเออีซี
กำลังศึกษาอยู่ แต่เราก็อยากให้ไทยเป็นฮับในการผลิตรถยนต์ของอาเซียน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ในการตัดสินใจ