ข่าวในประเทศ - “โปรตอน” สะดุดเจอพิษโครงการรถคันแรก ฮึดสู้คืนเงินสูงสุด 1 แสนบาทชน ทำให้งบการตลาดปีนี้พุ่งมากกว่า 300 ล้านบาท จากปีละไม่เกิน 200 ล้านบาท พร้อมฉีกไปรุกตลาดอื่น ล่าสุดเปิดตัวเอ็มพีวีโฉมใหม่ “เอ็กซ์โซร่า” และจะมีทยอยเปิดโมเดลใหม่ๆ ต่อเนื่อง มั่นใจหากแข่งขันเสรี ภายใน 2 ปี ยอดขายทะลุ 1 หมื่นคันต่อปีแน่นอน
นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ “โปรตอน” ในประเทศไทย เปิดเผยว่า โปรตอนเป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย จึงได้รับผลกระทบจากโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรกของรัฐบาลมาก ทำให้ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการขายไว้เพียง 5,500 คัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมตลาดจะเติบโตก็ตาม
“เพื่อลดผลกระทบจากโครงการรถคันแรก เราจึงปรับกลยุทธ์ใหม่ไปโฟกัสตลาดรถที่มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น อย่างล่าสุดได้ส่งรถอเนกประสงค์ โปรตอน เอ็กซ์โซรา ใหม่สู่ตลาด ขณะที่กลุ่มรถเล็กของโปรตอน ได้มีการจัดโปรโมชั่นคืนเงินสูงสุด 1 แสนบาท ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถโปรตอน ในมูลค่าเดียวกันกับรถที่ได้รับสิทธิ์รถคันแรก ดังนั้น ทำให้งบการตลาดปีนี้ของโปรตอนในไทย เพิ่มเป็นมากกว่า 300 ล้านบาท จากเดิมจะใช้อยู่ที่ไม่เกิน 200 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ลูกค้าในไทยที่ซื้อรถโปรตอน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นซากา, แซฟวี หรือ เพอโซน่า จะได้รับเงินคืนทันทีมูลค่าสูงสุด 1 แสนบาท เช่นเดียวกับกับรถในโครงการรถคันแรก ผ่านการเลือกดาวน์น้อย หรือผ่อนอัตราดอกเบี้ย 0% รวมถึงรับของแถมต่างๆ โดยแคมเปญดังกล่าวจะจัดยาวไปจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการรถคันแรกของรัฐบาล
“ขณะเดียวกัน โปรตอนในไทย จะมุ่งขยายตลาดไปยังเซกเมนต์อื่นๆ ที่มีการแข่งขันเสรี และครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะมีการแนะนำรถโมเดลใหม่สู่ตลาดอีกรุ่น และในปีหน้าก็จะมีการแนะนำรถเล็กรุ่นใหม่ รวมถึงรถโมเดลอื่นๆ สู่ตลาดไทยต่อเนื่อง ซึ่งหากรัฐบาลเปิดให้มีการแข่งขันเสรี มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่ม เป็นปีละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคัน ภายในระยะเวลา 2 ปีแน่นอน” นายธวัชชัย กล่าว
สำหรับรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี (MPV) โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ใหม่ ได้มีการปรับโฉมรูปลักษณ์ใหม่แล้ว ในตัวท็อปได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เป็นแบบแคมโปร CFE 1.6 ลิตร เทอร์โบ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติใหม่ CVT ในราคา 8.79 แสนบาท และฟรีประกันภัยชั้น 1 ส่วนรุ่น Base Line และ Medium Line ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม เปลี่ยนเพียงรูปลักษณ์ และเพิ่มอุปกรณ์ความสะดวกมากขึ้น โดยราคาเริ่มต้น 6.64-7.89 แสนบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 5 พันบาท ไปจนถึงสูงสุด 3 หมื่นบาท
ขณะที่การบริการหลังการขายรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ และเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการก่อนและหลังการขาย จะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเป็น 40 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 36 แห่ง
นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ “โปรตอน” ในประเทศไทย เปิดเผยว่า โปรตอนเป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย จึงได้รับผลกระทบจากโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรกของรัฐบาลมาก ทำให้ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการขายไว้เพียง 5,500 คัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมตลาดจะเติบโตก็ตาม
“เพื่อลดผลกระทบจากโครงการรถคันแรก เราจึงปรับกลยุทธ์ใหม่ไปโฟกัสตลาดรถที่มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น อย่างล่าสุดได้ส่งรถอเนกประสงค์ โปรตอน เอ็กซ์โซรา ใหม่สู่ตลาด ขณะที่กลุ่มรถเล็กของโปรตอน ได้มีการจัดโปรโมชั่นคืนเงินสูงสุด 1 แสนบาท ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถโปรตอน ในมูลค่าเดียวกันกับรถที่ได้รับสิทธิ์รถคันแรก ดังนั้น ทำให้งบการตลาดปีนี้ของโปรตอนในไทย เพิ่มเป็นมากกว่า 300 ล้านบาท จากเดิมจะใช้อยู่ที่ไม่เกิน 200 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ลูกค้าในไทยที่ซื้อรถโปรตอน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นซากา, แซฟวี หรือ เพอโซน่า จะได้รับเงินคืนทันทีมูลค่าสูงสุด 1 แสนบาท เช่นเดียวกับกับรถในโครงการรถคันแรก ผ่านการเลือกดาวน์น้อย หรือผ่อนอัตราดอกเบี้ย 0% รวมถึงรับของแถมต่างๆ โดยแคมเปญดังกล่าวจะจัดยาวไปจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการรถคันแรกของรัฐบาล
“ขณะเดียวกัน โปรตอนในไทย จะมุ่งขยายตลาดไปยังเซกเมนต์อื่นๆ ที่มีการแข่งขันเสรี และครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะมีการแนะนำรถโมเดลใหม่สู่ตลาดอีกรุ่น และในปีหน้าก็จะมีการแนะนำรถเล็กรุ่นใหม่ รวมถึงรถโมเดลอื่นๆ สู่ตลาดไทยต่อเนื่อง ซึ่งหากรัฐบาลเปิดให้มีการแข่งขันเสรี มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่ม เป็นปีละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคัน ภายในระยะเวลา 2 ปีแน่นอน” นายธวัชชัย กล่าว
สำหรับรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี (MPV) โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ใหม่ ได้มีการปรับโฉมรูปลักษณ์ใหม่แล้ว ในตัวท็อปได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เป็นแบบแคมโปร CFE 1.6 ลิตร เทอร์โบ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติใหม่ CVT ในราคา 8.79 แสนบาท และฟรีประกันภัยชั้น 1 ส่วนรุ่น Base Line และ Medium Line ยังคงใช้เครื่องยนต์เดิม เปลี่ยนเพียงรูปลักษณ์ และเพิ่มอุปกรณ์ความสะดวกมากขึ้น โดยราคาเริ่มต้น 6.64-7.89 แสนบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 5 พันบาท ไปจนถึงสูงสุด 3 หมื่นบาท
ขณะที่การบริการหลังการขายรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ และเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการก่อนและหลังการขาย จะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเป็น 40 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 36 แห่ง