ข่าวในประเทศ - ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ผลิตเพิ่ม 120% เกือบแตะเพดานสูงสุด 125% หรือมากกว่า 25% ของกำลังการผลิตเต็มที่ เพื่อเร่งเคลียร์ยอดค้างส่งมอบรถลูกค้ากว่า 1.2 แสนราย ที่ต้องรอรับรถนานถึง 3 เดือน มั่นใจกลางปีสถานการณ์เข้าสู่ปกติ ขณะที่แบรนด์ในเครือ “เลกซัส” เดินหน้ารุกตลาดรถหรู เปิดตัวโฉมใหม่ตระกูล “จีเอส” ดันยอดขายโต 20% เชื่อปีหน้าทะลุหลักพันคันต่อปี
วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การผลิตรถยนต์ของโตโยต้าชะลอไประยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันได้กลับมาผลิตและเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งขณะมีมียอดค้างส่งมอบรถให้กับลูกค้าประมาณ 1.2 แสนราย หรือลูกค้าต้องรอรับรถนานเฉลี่ย 3 เดือน จะมีเพียงรถอเนกประสงค์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่อาจจะต้องรอนาน 6 เดือน
“ตอนนี้โตโยต้ากำลังเร่งการผลิตอย่างเต็มที่ โดยได้เพิ่มการผลิตไปจนถึง 120% ซึ่งเกือบจะเต็มเพดานการผลิตอยู่ที่ไม่เกิน 125% หรือ 25% ของกำลังการผลิตเต็มที่ โดยคาดว่าภายในกลางปีนี้น่าจะสามารถทำให้ยอดค้างส่งมอบรถให้กับลูกค้าเข้าสู่สภาวะปกติ หรือเฉลี่ยรอรับรถไม่เกิน 1-2 เดือน”
ทั้งนี้สถานการณ์การผลิตของโตโยต้าปัจจุบัน นับว่าเกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยยังมีบางส่วนที่ยังต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศอยู่ แต่คาดว่าเร็วๆ นี้จะผู้ผลิตชิ้นส่วนประมาณ 10 ราย จะกลับมาผลิตได้เช่นเดิม ส่วนโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตอนนี้กำลังเร่งการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเดือนละกว่า 3 พันคัน จากปกติจะผลิตอยู่ที่ประมาณ 2 พันคันต่อเดือน
นายวิเชียรเปิดเผยว่า ในส่วนของรถยนต์หรูหรา “เลกซัส” แบรนด์ในเครือของโตโยต้า หลังจากได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่มีปัญหาในการผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าแต่อย่างใด และล่าสุดพร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าในไทย จึงได้มีการแนะนำรุ่นใหม่ “เลกซัส จีเอส” (GS) โฉมใหม่สู่ตลาด เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ซีดานสุดหรู
“ในปีที่ผ่านมาเลกซัสได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายสูงขึ้นถึง 622 คัน เทียบกับปีก่อนหน้าเติบโต 185% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรถรุ่นใหม่ เลกซัส ซีที200เอช(CT200h) และล่าสุดเราได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวสปอร์ตซีดานหรู เลกซัส จีเอส โฉมใหม่ จึงมั่นใจว่าจะผลักดันยอดขายของเลกซัสในปีนี้เพิ่มเป็น 750 คัน หรือเติบโตจากปีที่แล้ว 20%”
นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า รถยนต์สปอร์ตซีดานหรูตระกูลจีเอสโฉมใหม่ นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 เพื่อนำเข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ด้วยการมีเครื่องยนต์ที่เล็กลงจากรุ่นเดิม แต่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยตามมาตรฐานของเลกซัส ขณะเดียวกันก็ยังมีเครื่องยนต์ขนาดเดิมให้กับผู้ที่ชื่นชอบ รวมถึงรุ่นไฮบริดเป็นอีกทางเลือกด้วย
“เลกซัสต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหลากหลาย ดังจะเห็นได้จาการผลิตรุ่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กลง อย่างรุ่นซีที200เอช หรือล่าสุดในโฉมใหม่ของตระกูลจีเอส หรือในรุ่นจีเอส250 และในอนาคตก็จะมีรุ่นเครื่องยนต์เล็กลงมาเสริมตลาดต่อเนื่อง ทำให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายสู่คนวัยหนุ่นสาวมากขึ้น รวมถึงการแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าในปีหน้าเลกซัสจะมียอดขายทะลุ 1 พันคันแน่นอน”
สำหรับเลกซัส จีเอส มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ เริ่มจากรุ่นจีเอส250 (GS250) เครื่องยนต์เบนซิน 2500 ซีซี 207 แรงม้า มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 4.59 - 5.09 ล้านบาท และรุ่นจีเอส350 (GS350) เครื่องยนต์เบนซิน 3500 ซีซี 312 แรงม้า ราคา 6.69 ล้านบาท และในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้จะเปิดตัวรุ่นไฮบริด เลกซัส จีเอส450เอช (GS450h) ราคา 7.79 ล้านบาท
วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การผลิตรถยนต์ของโตโยต้าชะลอไประยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันได้กลับมาผลิตและเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งขณะมีมียอดค้างส่งมอบรถให้กับลูกค้าประมาณ 1.2 แสนราย หรือลูกค้าต้องรอรับรถนานเฉลี่ย 3 เดือน จะมีเพียงรถอเนกประสงค์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่อาจจะต้องรอนาน 6 เดือน
“ตอนนี้โตโยต้ากำลังเร่งการผลิตอย่างเต็มที่ โดยได้เพิ่มการผลิตไปจนถึง 120% ซึ่งเกือบจะเต็มเพดานการผลิตอยู่ที่ไม่เกิน 125% หรือ 25% ของกำลังการผลิตเต็มที่ โดยคาดว่าภายในกลางปีนี้น่าจะสามารถทำให้ยอดค้างส่งมอบรถให้กับลูกค้าเข้าสู่สภาวะปกติ หรือเฉลี่ยรอรับรถไม่เกิน 1-2 เดือน”
ทั้งนี้สถานการณ์การผลิตของโตโยต้าปัจจุบัน นับว่าเกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยยังมีบางส่วนที่ยังต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศอยู่ แต่คาดว่าเร็วๆ นี้จะผู้ผลิตชิ้นส่วนประมาณ 10 ราย จะกลับมาผลิตได้เช่นเดิม ส่วนโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตอนนี้กำลังเร่งการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเดือนละกว่า 3 พันคัน จากปกติจะผลิตอยู่ที่ประมาณ 2 พันคันต่อเดือน
นายวิเชียรเปิดเผยว่า ในส่วนของรถยนต์หรูหรา “เลกซัส” แบรนด์ในเครือของโตโยต้า หลังจากได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่มีปัญหาในการผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าแต่อย่างใด และล่าสุดพร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าในไทย จึงได้มีการแนะนำรุ่นใหม่ “เลกซัส จีเอส” (GS) โฉมใหม่สู่ตลาด เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ซีดานสุดหรู
“ในปีที่ผ่านมาเลกซัสได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายสูงขึ้นถึง 622 คัน เทียบกับปีก่อนหน้าเติบโต 185% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรถรุ่นใหม่ เลกซัส ซีที200เอช(CT200h) และล่าสุดเราได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวสปอร์ตซีดานหรู เลกซัส จีเอส โฉมใหม่ จึงมั่นใจว่าจะผลักดันยอดขายของเลกซัสในปีนี้เพิ่มเป็น 750 คัน หรือเติบโตจากปีที่แล้ว 20%”
นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า รถยนต์สปอร์ตซีดานหรูตระกูลจีเอสโฉมใหม่ นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 เพื่อนำเข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ด้วยการมีเครื่องยนต์ที่เล็กลงจากรุ่นเดิม แต่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัยตามมาตรฐานของเลกซัส ขณะเดียวกันก็ยังมีเครื่องยนต์ขนาดเดิมให้กับผู้ที่ชื่นชอบ รวมถึงรุ่นไฮบริดเป็นอีกทางเลือกด้วย
“เลกซัสต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหลากหลาย ดังจะเห็นได้จาการผลิตรุ่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กลง อย่างรุ่นซีที200เอช หรือล่าสุดในโฉมใหม่ของตระกูลจีเอส หรือในรุ่นจีเอส250 และในอนาคตก็จะมีรุ่นเครื่องยนต์เล็กลงมาเสริมตลาดต่อเนื่อง ทำให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายสู่คนวัยหนุ่นสาวมากขึ้น รวมถึงการแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าในปีหน้าเลกซัสจะมียอดขายทะลุ 1 พันคันแน่นอน”
สำหรับเลกซัส จีเอส มีให้เลือกทั้ง 3 แบบ เริ่มจากรุ่นจีเอส250 (GS250) เครื่องยนต์เบนซิน 2500 ซีซี 207 แรงม้า มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 4.59 - 5.09 ล้านบาท และรุ่นจีเอส350 (GS350) เครื่องยนต์เบนซิน 3500 ซีซี 312 แรงม้า ราคา 6.69 ล้านบาท และในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้จะเปิดตัวรุ่นไฮบริด เลกซัส จีเอส450เอช (GS450h) ราคา 7.79 ล้านบาท