นาทีนี้คงไม่มีอาชีพไหนทำให้สาวๆหน้าตาดี มีรายได้สูงในระยะเวลาสั้นและยังเป็นบันไดก้าวสู่การเป็นดารา นางแบบ นักร้อง เท่ากับอาชีพ “พริตตี้”เพราะงานโชว์สินค้าทุกวันนี้ต่างว่าจ้างพวกเธอมาเป็นตัวดึงดูดบวกกับการแต่งตัววาบหวิวย่อมสร้างความฮือฮาอีกต่างหาก
งานบางกอกมอเตอร์โชว์นอกจากจะมีรถยนต์ให้ช็อปกันสนั่นแล้ว ยังมีการประกวดสาวสวยอีกเวทีคือMiss Presenter Contest 2012 เป็นการเฟ้นหา "สุดยอดพริตตี้" จากสาวสวยทั้งงานกว่า 200 คน ให้เหลือแค่หนึ่งเดียว เพื่อเป็นการยกมาตราฐานพริตตี้ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยแต่มากด้วยความสามารถ สำหรับปีนี้สาวสวยจากค่ายมิตซูบิชิ "น้องแอมมี่ วิวรรณ คงยศ"สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครอง
...อะไรที่ทำให้เธอก้าวมาถึงจุดนี้ นอกจากหน้าตาจิ้มลิ้มพร้อมรอยยิ้มหวานๆในวัย 20 ปี น้องแอมมี่จะมาเปิดใจให้ฟังกัน
**เริ่มเข้าวงการพริตตี้
ตอนนั้นแอมมี่มีเวลาว่างจากการเรียน(มหาวิทยาลัยรามคำแหง)พี่สาวเลยชวนมาทำ ซึ่งงานแรกคือให้ข้อมูลสินค้าทั่วๆไป ได้เงินไม่กี่พันบาทแต่มันคือความภูมิใจมากเพราะเป็นเงินก้อนแรก ทุกวันนี้รับงานประมาณ15วันต่อเดือน ก็อยู่ได้แบบพอใช้ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ อย่างช่วงมอเตอร์โชว์แค่งานเดียวต้องมีประมาณ 6 หมื่นบาท เรียกว่าอยู่ได้ทั้งเดือน
**รายได้กับการแบ่งเวลา
รวมๆปีหนึ่งได้จับเงินหลายแสนค่ะ ใครๆก็อยากมาเป็นพริตตี้ทั้งนั้น ที่สำคัญเราต้องแบ่งเวลาให้เป็น โดยแอมมี่จะพยายามจัดตารางงานไม่ให้ชนกับเวลาเรียนค่ะ ถ้าหยุดเรียนมันจะไม่ทันเพื่อน คงต้องไปตามอ่านแลคเซอร์ทีหลัง เพราะถือว่าเป็นความสะเพร่าของเราเอง
**พริตตี้กับการ(ลงทุน)ดูแลตัวเอง
พริตตี้ไม่จำเป็นต้องสวยเสมอไปเพียงแต่ต้องมีความมั่นใจและหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ พร้อมเตรียมตัวหากเจอสถานการณ์ฉุกเฉินต้องมีไหวพริบ แก้ไขให้ได้ ส่วนเรื่องสวยด้วยศัลยกรรมคิดว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลห้ามกันไม่ได้ ถ้าทำแล้วมั่นใจในตัวเองทำไป เพียงแต่ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ สมัยนี้ไม่ใช่แค่พริตตี้เท่านั้นที่สวยด้วยมีดหมอ ผู้หญิงทั่วๆไปก็ทำกัน
สำหรับแอมมี่เคยอยากทำจมูกเพราะมันช่วยปรับบุคลิกของเราให้ดีขึ้น ส่วนการดูแลตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงต้องรักสวยรักงามเหมือนคนอื่น อย่างวันไหนไม่มีงานจะพักผ่อนมากๆดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของผิวหน้า หรือมีไปนวดบ้าง สปาบ้าง ออกกำลังกายเบาๆ เลือกทานอาหารไขมันต่ำ ถ้าคิดเป็นเงิน(ค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเอง)ประมาณ 20% ของรายได้ต่อเดือนเท่านั้น
**พริตตี้ขายอะไร
การใช้พริตตี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่ผ่านมา ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ละคนจะรู้ข้อมูลของสินค้าสามารถบรรยายสรรพคุณข้อดี พริตตี้จึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักกับพนักงานขายของบริษัท
“พริตตี้เปรียบได้กับหน้าร้าน ถ้าหน้าร้านดูสวยคนก็ย่อมอยากเข้ามาดูในร้านอยู่แล้วค่ะ ทั้งนี้ต้องดูที่จุดประสงค์ของคนที่เข้ามามากกว่า ว่าเขาอยากดูอะไรกันแน่ พริตตี้ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหวือหวาเสมอไป บางทีถ้าเรามีบุคลิกภาพดีคนก็สนใจแล้ว ในส่วนของการแต่งกายบางทีมองดูแล้วเซ็กซี่นั้นเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของสินค้า เพราะแต่ละบริษัทย่อมต้องการให้พริตตี้ของตนเองดูเด่นมากที่สุดจึงต้องแข่งกันด้วยชุด ซึ่งภาระนี้ตกมาอยู่กับพวกเรา อย่างบางทีแอมมี่เจอชุดโป๊มากๆจะปฏิเสธเพราะมันเป็นสาเหตุให้คนมองเราในแง่ไม่ดีด้วย”
**การรับมือพวกแอบถ่าย
คงต้องทำใจที่โดนถ่ายในมุมโป๊ๆ ซึ่งปัญหานี้มีมานานแล้วและป้องกันลำบาก โดยเฉพาะช่วงกำลังนำเสนอสินค้า บางครั้งรู้ตัวแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาเป็นลูกค้าเราต้องให้เกียรติค่ะ ตรงข้ามกันเขาควรให้เกียรติเราด้วย แอมมี่คงจะพูดตรงๆว่าอย่าถ่ายมุมนี้ได้ไหมคะ เรายอมไม่ได้ถือว่าเป็นการล่วงละเมิด บางทีจะขอดูรูปจากกล้องหรือไม่จะบอกทีมงานช่วยเช็ค
“ทางที่ดีเราต้องป้องกันตัวเอง เพราะชุดส่วนมากเป็นกระโปรงสั้นแอมมี่จะใส่กางเกงทับไว้ แต่จริงๆแล้วปัญหาไม่ได้เกิดเฉพาะพริตตี้ ผู้หญิงทั่วๆไปก็โดนเหมือนกัน แอมมี่อยากให้มีบทลงโทษที่มากกว่าเสียค่าปรับ”
**คุ้ม-ไม่คุ้มพริตตี้อาชีพในฝัน
นอกจากการแข่งขันในวงการแล้ว ยังต้องแข่งกับตัวเอง เพราะอายุงานพริตตี้สั้นประมาณ 3-5 ปี หรือทำได้ไม่กี่ปีลูกค้าก็จ้างน้อยลง เพราะเขาไม่ต้องการหน้าเดิมๆ ดังนั้นช่วงรุ่งๆมีงานเข้ามาเยอะๆต้องรีบเก็บเงินและวางแผนเพื่ออนาคต
“เราต้องคิดไว้เลยว่าเราจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง บางคนเอาไปจ่ายค่าเทอม บางคนเอาไปผ่อนรถ ผ่อนบ้าน บางคนส่งให้ครอบครัว ตามแต่เป้าหมายของแต่ละคนค่ะ”
**จีบพริตตี้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก
งานแบบนี้ต้องเจอผู้ชายมากหน้าหลายตาอยู่แล้วค่ะ แต่ส่วนมากไม่มีความจริงใจ แอมมี่คิดว่าอยากรู้จักผู้ชายที่เขามาทำความรู้จักเราตอนไม่ได้เป็นพริตตี้จะดีกว่า สเปกก็ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องรวย แค่มีความรับผิดชอบเข้าใจงานของเราแค่นี้เอง
**ความรู้สึกของ“มิสพรีเซนเตอร์”
เมื่อค่ายมิตซูบิชิส่งเข้าประกวด ตอนแรกๆไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ขอแค่ทำให้ดีที่สุด แต่พอได้รับตำแหน่งรู้สึกดีใจภูมิใจเป็นอย่างมาก และที่ชนะในการประกวดคงเป็นบุคลิกภาพรวมถึงสไตล์การพูดเป็นธรรมชาติบวกกับความน่ารักสดใส ซึ่งเวทีนี้ถือว่าเป็นการยกระดับพริตตี้ให้สังคมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ ความสวยเท่านั้น
**ถ้าไม่เป็นพริตตี้
ปกติเป็นคนคุยเก่งค่ะ ยิ่งทำงานพริตตี้ทำให้เราได้เจอคนเยอะมาก เลยอยากลองทำธุรกิจจะได้มีความรับผิดชอบและเป็นเจ้านายตัวเอง ตอนนี้กำลังศึกษาเพิ่มเติมค่ะอาจเกี่ยวกับ ความสวยความงามที่เราถนัด แต่อีกใจอยากเรียนต่อเหมือนกันคงดูตามความเหมาะสมของเวลาด้วย
... ไดัฟังคำตอบจากแอมมี่ สุดยอดพริตตี้กันไปแล้ว อย่างไรเสียอาชีพ"พริตตี้"ยังคงดึงดูดสาวสวยรุ่นใหม่เพราะรายได้ที่จูงใจจนยากจะปฏิเสธ แม้จะถูกแทะโลมด้วยสายตาในบางครั้ง แต่ความสวยความงามของผู้หญิงใครๆก็อยากมองอยากชมอยู่แล้วจริงไหม???