เวทีแสดงรถยนต์รายการใหญ่ประจำทุกๆ ต้นปี งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 33 ได้รูดม่านตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 8 เมษายน 2555 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี เพื่อให้ชาวไทยไปยลโฉม เลือกซื้อเลือกถอยรถใหม่ และสัมผัสนวัตรกรรมยานยนต์ต่างๆ ที่ค่ายรถต่างขนกันมาคับคั่งแน่นเวที จนกลายเป็น “มอเตอร์วอร์”(Motor War) ก็ว่าได้ เพราะนอกจากมีปิกอัพใหม่เผยโฉมท้าชนครบทุกรายแล้ว ยังมีรถใหม่เปิดตัวประกาศสงครามดวลเดือด ในแทบจะทุกเซกเม้นท์หลัก โดยเฉพาะไฮไลต์กลับมาที่ “อีโคคาร์” อีกครั้ง เมื่อมีโมเดลใหม่ถูกส่งลงทำตลาดพร้อมกัน 2 รุ่น ทำให้ปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกมากถึง 5 โมเดล เช่นเดียวกับกลุ่มรถอเนกประสงค์พีพีวี ที่มีตัวเลือกใหม่เช่นกัน จนทำให้ค่ายคู่แข่งเจ้าเดิมต้องออกรุ่นย่อยใหม่มาสู้ ขณะที่เก๋งอื่นๆ อย่างกลุ่มซับคอมแพ็ก คอมแพ็กต์คาร์ เก๋งขนาดกลาง รถพลังงานทางเลือก รวมไปจนกลุ่มรถหรูหราหลากประเภท ต่างส่งรถรุ่นใหม่มาแย่งชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือด!!
แน่นอนงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ยังเป็นเวทีที่บรรดาปิกอัพยังต้องฟาดฟันกันต่อเนื่อง เพราะจะว่าไปการเปิดตัวโฉมใหม่ของอีซูซู ดีแมคซ์, เชฟโรเลต โคโลราโด และฟอร์ด เรนเจอร์เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนจะถูกเขย่าซ้ำกับมาสด้า บีที-50 โปร เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ละค่ายจึงเพิ่งเผยโฉมสู่ตลาดไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น หรือที่ยังไม่โมเดลเชนจ์อย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ นั่นก็เพิ่งบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปก่อนหน้าเล็กน้อย ส่วนนิสสัน นาวารา หรือมิตซูบิชิ ไทรทัน ได้มีการแต่งหน้าทาปากให้สดใสขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดจึงถือว่ายังคงความสดใหม่อยู่ และช่วงเปิดตัวยังเจอกับเหตุการณ์มหาอุทกภัย เพิ่งกลับมาฟื้นตัวกันจริงๆ ช่วงเวลาจากนี้ไปจึงถือว่าเป็นสงครามเพิ่งเริ่ม เหตุนี้การแข่งขันของตลาดปิกอัพ ในงานนี้จึงยังดุเดือดแน่นอน
อีโคคาร์ฟัดเดือดสนั่นฮอลล์
แต่ที่เป็นไฮไลต์ของเวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 คงต้องเป็นบรรดา “อีโคคาร์” เพราะมีรถโมเดลใหม่ลงทำตลาดพร้อมกันถึง 2 ยี่ห้อ นั่นก็คือ “มิตซูบิชิ มิราจ” และ “ซูซูกิ สวิฟท์”
มิตซูบิชิ มิราจ เป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ภายใต้โครงการโกลบอล สมอลล์ โดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและเปิดตัวแห่งแรกในโลก ด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเน้นการประหยัดน้ำมัน จากโครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง High tensile steel และมีน้ำหนักเบา แต่ให้ความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป เมื่อบวกกับเครื่องยนต์3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT 6 จังหวะ จึงมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอ้างอิงอยู่ที่ 22 กม./ลิตร
แต่ที่ฮือฮา! เห็นจะเป็นการถล่มตลาดตั้งแต่ออกสตาร์ทเลย เพราะมิตซูบิชิได้แจกโบนัสพิเศษในช่วงเปิดตัว สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ “มิราจ” ทุกรุ่นจำนวนจำกัด รับฟรีประกันภัยชั้น 1 “ไดมอนด์ อินชัวรันซ์” และรับโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท เฉพาะลูกค้า 9,000 ท่านแรกเท่านั้น นอกจากราคาที่เคาะออกมา 3.88-5.46 แสนบาท
ส่วนอีโคคาร์รุ่น “สวิฟท์” ค่ายซูซูกิใช้กลยุทธ์เดียวกับ นิสสัน มาร์ช ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ แต่นำรถโมเดลที่มีอยู่แล้วในตลาด มาผลิตภายใต้โครงการอีโคคาร์ แม้ในไทยจะมีขายรุ่นสวิฟท์อยู่แล้ว แต่เป็นรถนำเข้าไม่เคยผลิตในไทย จึงไม่ผิดเงื่อนไขอีโคคาร์ของรัฐบาลไทย
ซูซูกิ สวิฟท์ จึงเป็นโมเดลเดียวกับรุ่น 1.5 ลิตรในไทยก่อนหน้านี้ เพียงแต่นี้เป็นโฉมใหม่ และเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 91 แรงม้า เพื่อให้เข้าเงื่อนไขอีโคคาร์เท่านั้น โดยอีโคคาร์รุ่นสวิฟท์ทำตลาดช่วงแรกกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 4.69 - 5.59 และปลายปีจึงจะมีรุ่นเกียร์ธรรมดาตามออกมา
ทั้งสองโมเดลถือเป็นคู่แข่งโดยตรง กับ “นิสสัน มาร์ช” ที่ได้มีการแต่งหน้าทาปากใหม่ และ “ฮอนด้า บริโอ้” ซึ่งโรงงานจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง หลังจากจมมิดบาดานจากอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้ตลาดนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากถึง 4 โมเดล ขณะที่ “นิสัน อัลเมร่า” แม้จะเป็นอีโคคาร์ แต่ไม่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรง เพราะมีตัวถังเป็นแบบซีดาน 4 ประตู
พีพีวีกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
รถอเนกประสงค์แบบพีพีวี(PPV) เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะมีตัวเลือกใหม่ “เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์” ที่ได้พัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพเชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ จึงเป็นคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, มิตซูบิชิปาเจโร่ สปอร์ต, อีซูซุ มิว-7 และฟอร์ด เอเวอเรสต์
เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ เน้นออกแบบให้มีความสะดวกสบาย และมั่นใจในการขับขี่ทุกรูปแบบการใช้งาน เบาะนั่งแถว 2 และ 3 สามารถพับราบได้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ 4 สูบ 2.8 ลิตร 180 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตัน-เมตร สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร ในเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอีกรุ่น 2.5 ลิตร 150 แรงม้า พร้อมเปิดราคาและรับจองในงานมอเตอร์โชว์ และเริ่มส่งมอบเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
การเปิดตัวรุ่นเทรลเบลเซอร์ ทำให้คู่แข่งอย่าง “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” ไม่สามารถนิ่งต่อไป ในเวทีเดียวกันนี้จึงส่งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร MIVEC 219 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อม Sportronic พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล โดยจะเปิดรับจองในงานเช่นกัน พร้อมราคาจำหน่ายไม่เกิน 1,300,000 บาท ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน
ด้าน “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” ที่เคยครอบครองตลาดนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ เพียงแต่จะเน้นเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถให้ลูกค้าเร็วขึ้น จากปัจจุบันลูกค้าต้องรอรถนาน 4-5 เดือน ขณะที่ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” เป็นช่วงปลายโมเดล ซึ่งจะต้องเปลี่ยนตามรุ่นโฉมใหม่ของเรนเจอร์ คาดว่าจะรอสักระยะอย่างช้าน่าจะเป็นปีหน้า ส่วน อีซูซู มิว-7 หากยึดคำยืนยันของผู้บริหารรอยาวอีกร่วม 2 ปี
เก๋งใหม่-รถทางเลือกมีเพียบ
ในส่วนของเก๋งซับคอมแพ็กต์ตลาดใหญ่สุด แม้จะไม่มีโมเดลใหม่เปิดตัวขาย แต่ก็แข่งขันกันร้อนแรงทีเดียว เห็นได้จากการนำ “เชฟโรเลต โซนิค” ที่จะมาแทนรุ่นอาวีโอในปัจจุบันมาเผยโฉม เพื่อยืนยันทำตลาดช่วงไตรมาสสามปีนี้แน่ และยังเป็นเบรกการซื้อรถของคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซิตี้, มาสด้า2 หรือโตโยต้า วีออส ซึ่งบ้างก็อัดแคมเปญสู้ และแต่งหน้าทาปากไฉไลขึ้น
ขณะที่คู่แข่งอย่าง “ฟอร์ด” ได้ปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยแนะนำ “ฟอร์ด เฟียสต้า” รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Ti-VCT 109 แรงม้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มตัวเลือกและยังเป็นการตอบสนองลูกค้า ที่ต้องเข้าร่วมโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรก 1 แสนบาทของรัฐบาล ซึ่งจะได้รับออปชั่นเช่นเดียวกับรุ่น 1.6 ลิตร ในราคาระดับราคา 6-7 แสนบาท พร้อมกับดันรุ่น 1.6 ลิตร ไปอยู่ระดับราคา 7 แสนบาทขึ้นไป ด้วยการเพิ่มออปชั่นมาให้ในแบบจัดเต็ม
ขยับขึ้นมายังเก๋งคอมแพ็กต์ เป็นการเขย่าตลาดจากรถแดนกิมจิ “ฮุนได เอลันตร้า” ซึ่งนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตซีดาน วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,800 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และธรรมดา 6 สปีด ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพียบ เปิดราคา 8.99-1.198 แสนบาท
แต่งานนี้ต้องเจอเบรกเช่นกัน เพราะฟอร์ดได้มีการนำโฉมใหม่ของรุ่น “โฟกัส” มาให้ได้ยล ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และยังมี “มาสด้า3” ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษออกมาสกัดอีก จากนั้นมาสด้าจึงจะส่งรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มาบุกอีกในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เพื่อรับมือกับ “ฮอนด้า ซีวิค” โฉมใหม่ ที่เปิดตัวสู่ตลาดเช่นกัน
ด้านโตโยต้าที่ได้มีการส่งโฉมใหม่รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก “อแวนซา” ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนี้เน้นจุดขายสมรรถนะเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ในคอมแพ็กต์คาร์ตัวเก่ง “โตโยต้า อัลติส” พร้อมกับสร้างกระแสความนิยมกับรถไฮบริด “โตโยต้า พริอุส” ด้วยการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์สู่ตลาดไทย ด้วยสนนราคาตั้งแต่ 1.199- 1.369 ล้านบาท และในเวทีมอเตอร์โชว์นี้ โตโยต้ายังเสริมทัพรถโมเดลใหม่ “โตโยต้า พริอุส ซี” ไฮบริดตัวถังแฮทซ์แบก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเสริมทัพอีกรุ่น คาดตั้งราคาขายประมาณ 1.5 ล้านบาท
เท่านี้ไม่พอยังมี “โตโยต้า คัมรี” ใหม่ ซึ่งถือเป็นอีกไฮไลต์ของโตโยต้า เพราะเป็นการปรับโฉมใหม่หมดจด พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 2.5 ลิตร และรุ่นไฮบริด 2.5 ลิตร ทำให้สมรรถนะแรงขึ้น โดยเฉพาะตัวไฮบริดกำลังแรงถึง 205 แรงม้า และแน่นอนโมเดลเชนจ์ทั้งที ออปชั่นจึงจัดมาให้สุดๆ อยู่แล้ว ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร มีมาให้เลือกเช่นเดิม แต่ดูเหมือนโตโยต้าจะเน้นรุ่นไฮบริดมากกว่า ซึ่งคัมรีใหม่เปิดราคา 1.229-1.869 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมไฮไลต์สำคัญอย่าง“จีที-86” สปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งโตโยต้าจะนำคันจริงมาอวดโฉม ก่อนมีกำหนดทำตลาดภายในปีนี้แน่นอน
รถหรู-สปอร์ตแห่นำเข้าคึก
พูดถึงความหรูหราแล้ว ในเวทีนี้บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักทั้งหลาย ไม่ต้องกลัวจะอดล้วงกระเป๋า เพราะมีรถใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลากหลายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ค่ายตราดาว “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ยกทัพมาให้เลือกถอยกัน 3 โมเดล เริ่มตั้งแต่ รถออฟโรดหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็มแอล250” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 204 แรงม้า ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์ “บี200” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 156 แรงม้า ซึ่งทั้งสองโมเดลขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ และปิดท้ายกับ “ซี63 เอเอ็มจี คูเป้ แบล็ก ซีรี่ส์” ซึ่งเป็นสปอร์ตคูเป้โมเดลที่ 4 ของตระกูลเบล็กซีรี่ส์ ที่พัฒนามาจากซี-คลาสคูเป้ วางเครื่องยนต์ วี8 ของตระกูลเอ็ม ขนาด 6.3 ลิตร 517 แรงม้า
ส่วนคู่แข่งเบอร์หนึ่ง “บีเอ็มดับเบิลยู” เปิดตัวนำเข้า “ซีรี่ส์3” โฉมใหม่ ที่มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายในและภายนอก ที่มีให้เลือก 3 ไลน์ แบบสปอร์ตไลน์, โมเดิร์นไลน์ และลักชัวรี่ไลน์ กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า TwinPower Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 22.7 กิโลเมตรต่อลิตร และยังมีบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 วางเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ TwinPower Turbo ใหม่ พร้อมเปิดตัวในรุ่น 520i, 528i, และ 528i Sport และนอกจากนี้ยังเปิดตัว BMW ActiveHybrid 5 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการเสริมทัพบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ไฮบริดเต็มรูปแบบ
มากันที่ค่าย “วอลโว่” ยังมุ่งมั่นปั้นยอดขายกับรถตระกูล “60” หลังจากปีที่แล้วเปิดตัวรุ่นซีดาน ล่าสุดได้แนะนำรุ่นแวกอน “วอลโว่ วี60 ไดร์ฟ” เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา 180 แรงม้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงอี85 ราคา 2.249 ล้านบาท และเวทีนี้ยังรุกตลาดรถเอสยูวี กับรุ่น “เอ็กซ์ซี90” ใหม่ล่าสุด ที่ดูทันสมัย แข็งแกร่ง และปราดเปรียวกว่าเดิม พร้อมติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล D5 ความจุ 2.4 ลิตร 200 แรงม้า
ด้านรถหรูจากญี่ปุ่น “เลกซัส” ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เปิดตัวรหัส “จีเอส” โฉมใหม่สู่ตลาด ด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตหรูหรา นำร่องทำตลาดไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กับรุ่น “จีเอส250” เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 207 แรงม้า และรุ่น “จีเอส350” เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร 315 แรงม้า เปิดราคาที่ 4.59-6.69 ล้านบาท และจะเสริมทัพในเร็วๆ นี้ กับรุ่นไฮบริด “จีเอส450เอช” ราคา 7.79 ล้านบาท
สำหรับผู้ชื่นชอบซูเปอร์คาร์เวทีนี้ไม่ผิดหวัง เมื่อค่ายนิชคาร์นำเข้า “ลัมบอร์กินี กัลญาร์โด้” ในเวอร์ชั่นพิเศษ Super Trofeo Stradale ที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง 150 คัน มาให้แฟนพันธุ์แรงได้สัมผัสใกล้ชิด ด้วยขุมกำลัง 5.2 ลิตร 570 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น
นี่เป็นไฮไลต์ต่างๆ ในเวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ซึ่งจากการสำรวจรถใหม่ที่เข้ามาเปิดตัวขายในงาน คงต้องเรียกว่า... “มอเตอร์ วอร์ 2012” เสียแล้ว!!
แน่นอนงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ยังเป็นเวทีที่บรรดาปิกอัพยังต้องฟาดฟันกันต่อเนื่อง เพราะจะว่าไปการเปิดตัวโฉมใหม่ของอีซูซู ดีแมคซ์, เชฟโรเลต โคโลราโด และฟอร์ด เรนเจอร์เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนจะถูกเขย่าซ้ำกับมาสด้า บีที-50 โปร เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ละค่ายจึงเพิ่งเผยโฉมสู่ตลาดไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น หรือที่ยังไม่โมเดลเชนจ์อย่างโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ นั่นก็เพิ่งบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปก่อนหน้าเล็กน้อย ส่วนนิสสัน นาวารา หรือมิตซูบิชิ ไทรทัน ได้มีการแต่งหน้าทาปากให้สดใสขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดจึงถือว่ายังคงความสดใหม่อยู่ และช่วงเปิดตัวยังเจอกับเหตุการณ์มหาอุทกภัย เพิ่งกลับมาฟื้นตัวกันจริงๆ ช่วงเวลาจากนี้ไปจึงถือว่าเป็นสงครามเพิ่งเริ่ม เหตุนี้การแข่งขันของตลาดปิกอัพ ในงานนี้จึงยังดุเดือดแน่นอน
อีโคคาร์ฟัดเดือดสนั่นฮอลล์
แต่ที่เป็นไฮไลต์ของเวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 คงต้องเป็นบรรดา “อีโคคาร์” เพราะมีรถโมเดลใหม่ลงทำตลาดพร้อมกันถึง 2 ยี่ห้อ นั่นก็คือ “มิตซูบิชิ มิราจ” และ “ซูซูกิ สวิฟท์”
มิตซูบิชิ มิราจ เป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ภายใต้โครงการโกลบอล สมอลล์ โดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและเปิดตัวแห่งแรกในโลก ด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเน้นการประหยัดน้ำมัน จากโครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง High tensile steel และมีน้ำหนักเบา แต่ให้ความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป เมื่อบวกกับเครื่องยนต์3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT 6 จังหวะ จึงมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอ้างอิงอยู่ที่ 22 กม./ลิตร
แต่ที่ฮือฮา! เห็นจะเป็นการถล่มตลาดตั้งแต่ออกสตาร์ทเลย เพราะมิตซูบิชิได้แจกโบนัสพิเศษในช่วงเปิดตัว สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ “มิราจ” ทุกรุ่นจำนวนจำกัด รับฟรีประกันภัยชั้น 1 “ไดมอนด์ อินชัวรันซ์” และรับโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท เฉพาะลูกค้า 9,000 ท่านแรกเท่านั้น นอกจากราคาที่เคาะออกมา 3.88-5.46 แสนบาท
ส่วนอีโคคาร์รุ่น “สวิฟท์” ค่ายซูซูกิใช้กลยุทธ์เดียวกับ นิสสัน มาร์ช ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ แต่นำรถโมเดลที่มีอยู่แล้วในตลาด มาผลิตภายใต้โครงการอีโคคาร์ แม้ในไทยจะมีขายรุ่นสวิฟท์อยู่แล้ว แต่เป็นรถนำเข้าไม่เคยผลิตในไทย จึงไม่ผิดเงื่อนไขอีโคคาร์ของรัฐบาลไทย
ซูซูกิ สวิฟท์ จึงเป็นโมเดลเดียวกับรุ่น 1.5 ลิตรในไทยก่อนหน้านี้ เพียงแต่นี้เป็นโฉมใหม่ และเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 91 แรงม้า เพื่อให้เข้าเงื่อนไขอีโคคาร์เท่านั้น โดยอีโคคาร์รุ่นสวิฟท์ทำตลาดช่วงแรกกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 4.69 - 5.59 และปลายปีจึงจะมีรุ่นเกียร์ธรรมดาตามออกมา
ทั้งสองโมเดลถือเป็นคู่แข่งโดยตรง กับ “นิสสัน มาร์ช” ที่ได้มีการแต่งหน้าทาปากใหม่ และ “ฮอนด้า บริโอ้” ซึ่งโรงงานจะเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้ง หลังจากจมมิดบาดานจากอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้ตลาดนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากถึง 4 โมเดล ขณะที่ “นิสัน อัลเมร่า” แม้จะเป็นอีโคคาร์ แต่ไม่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรง เพราะมีตัวถังเป็นแบบซีดาน 4 ประตู
พีพีวีกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
รถอเนกประสงค์แบบพีพีวี(PPV) เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะมีตัวเลือกใหม่ “เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์” ที่ได้พัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพเชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ จึงเป็นคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, มิตซูบิชิปาเจโร่ สปอร์ต, อีซูซุ มิว-7 และฟอร์ด เอเวอเรสต์
เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ เน้นออกแบบให้มีความสะดวกสบาย และมั่นใจในการขับขี่ทุกรูปแบบการใช้งาน เบาะนั่งแถว 2 และ 3 สามารถพับราบได้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ 4 สูบ 2.8 ลิตร 180 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตัน-เมตร สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร ในเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอีกรุ่น 2.5 ลิตร 150 แรงม้า พร้อมเปิดราคาและรับจองในงานมอเตอร์โชว์ และเริ่มส่งมอบเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
การเปิดตัวรุ่นเทรลเบลเซอร์ ทำให้คู่แข่งอย่าง “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต” ไม่สามารถนิ่งต่อไป ในเวทีเดียวกันนี้จึงส่งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร MIVEC 219 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อม Sportronic พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล โดยจะเปิดรับจองในงานเช่นกัน พร้อมราคาจำหน่ายไม่เกิน 1,300,000 บาท ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน
ด้าน “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” ที่เคยครอบครองตลาดนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ เพียงแต่จะเน้นเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถให้ลูกค้าเร็วขึ้น จากปัจจุบันลูกค้าต้องรอรถนาน 4-5 เดือน ขณะที่ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” เป็นช่วงปลายโมเดล ซึ่งจะต้องเปลี่ยนตามรุ่นโฉมใหม่ของเรนเจอร์ คาดว่าจะรอสักระยะอย่างช้าน่าจะเป็นปีหน้า ส่วน อีซูซู มิว-7 หากยึดคำยืนยันของผู้บริหารรอยาวอีกร่วม 2 ปี
เก๋งใหม่-รถทางเลือกมีเพียบ
ในส่วนของเก๋งซับคอมแพ็กต์ตลาดใหญ่สุด แม้จะไม่มีโมเดลใหม่เปิดตัวขาย แต่ก็แข่งขันกันร้อนแรงทีเดียว เห็นได้จากการนำ “เชฟโรเลต โซนิค” ที่จะมาแทนรุ่นอาวีโอในปัจจุบันมาเผยโฉม เพื่อยืนยันทำตลาดช่วงไตรมาสสามปีนี้แน่ และยังเป็นเบรกการซื้อรถของคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซิตี้, มาสด้า2 หรือโตโยต้า วีออส ซึ่งบ้างก็อัดแคมเปญสู้ และแต่งหน้าทาปากไฉไลขึ้น
ขณะที่คู่แข่งอย่าง “ฟอร์ด” ได้ปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยแนะนำ “ฟอร์ด เฟียสต้า” รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Ti-VCT 109 แรงม้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มตัวเลือกและยังเป็นการตอบสนองลูกค้า ที่ต้องเข้าร่วมโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรก 1 แสนบาทของรัฐบาล ซึ่งจะได้รับออปชั่นเช่นเดียวกับรุ่น 1.6 ลิตร ในราคาระดับราคา 6-7 แสนบาท พร้อมกับดันรุ่น 1.6 ลิตร ไปอยู่ระดับราคา 7 แสนบาทขึ้นไป ด้วยการเพิ่มออปชั่นมาให้ในแบบจัดเต็ม
ขยับขึ้นมายังเก๋งคอมแพ็กต์ เป็นการเขย่าตลาดจากรถแดนกิมจิ “ฮุนได เอลันตร้า” ซึ่งนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตซีดาน วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,800 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และธรรมดา 6 สปีด ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพียบ เปิดราคา 8.99-1.198 แสนบาท
แต่งานนี้ต้องเจอเบรกเช่นกัน เพราะฟอร์ดได้มีการนำโฉมใหม่ของรุ่น “โฟกัส” มาให้ได้ยล ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และยังมี “มาสด้า3” ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษออกมาสกัดอีก จากนั้นมาสด้าจึงจะส่งรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มาบุกอีกในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เพื่อรับมือกับ “ฮอนด้า ซีวิค” โฉมใหม่ ที่เปิดตัวสู่ตลาดเช่นกัน
ด้านโตโยต้าที่ได้มีการส่งโฉมใหม่รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก “อแวนซา” ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนี้เน้นจุดขายสมรรถนะเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ในคอมแพ็กต์คาร์ตัวเก่ง “โตโยต้า อัลติส” พร้อมกับสร้างกระแสความนิยมกับรถไฮบริด “โตโยต้า พริอุส” ด้วยการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์สู่ตลาดไทย ด้วยสนนราคาตั้งแต่ 1.199- 1.369 ล้านบาท และในเวทีมอเตอร์โชว์นี้ โตโยต้ายังเสริมทัพรถโมเดลใหม่ “โตโยต้า พริอุส ซี” ไฮบริดตัวถังแฮทซ์แบก เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเสริมทัพอีกรุ่น คาดตั้งราคาขายประมาณ 1.5 ล้านบาท
เท่านี้ไม่พอยังมี “โตโยต้า คัมรี” ใหม่ ซึ่งถือเป็นอีกไฮไลต์ของโตโยต้า เพราะเป็นการปรับโฉมใหม่หมดจด พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 2.5 ลิตร และรุ่นไฮบริด 2.5 ลิตร ทำให้สมรรถนะแรงขึ้น โดยเฉพาะตัวไฮบริดกำลังแรงถึง 205 แรงม้า และแน่นอนโมเดลเชนจ์ทั้งที ออปชั่นจึงจัดมาให้สุดๆ อยู่แล้ว ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร มีมาให้เลือกเช่นเดิม แต่ดูเหมือนโตโยต้าจะเน้นรุ่นไฮบริดมากกว่า ซึ่งคัมรีใหม่เปิดราคา 1.229-1.869 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมไฮไลต์สำคัญอย่าง“จีที-86” สปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งโตโยต้าจะนำคันจริงมาอวดโฉม ก่อนมีกำหนดทำตลาดภายในปีนี้แน่นอน
รถหรู-สปอร์ตแห่นำเข้าคึก
พูดถึงความหรูหราแล้ว ในเวทีนี้บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักทั้งหลาย ไม่ต้องกลัวจะอดล้วงกระเป๋า เพราะมีรถใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลากหลายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ค่ายตราดาว “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่ยกทัพมาให้เลือกถอยกัน 3 โมเดล เริ่มตั้งแต่ รถออฟโรดหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็มแอล250” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 204 แรงม้า ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์ “บี200” โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 156 แรงม้า ซึ่งทั้งสองโมเดลขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ และปิดท้ายกับ “ซี63 เอเอ็มจี คูเป้ แบล็ก ซีรี่ส์” ซึ่งเป็นสปอร์ตคูเป้โมเดลที่ 4 ของตระกูลเบล็กซีรี่ส์ ที่พัฒนามาจากซี-คลาสคูเป้ วางเครื่องยนต์ วี8 ของตระกูลเอ็ม ขนาด 6.3 ลิตร 517 แรงม้า
ส่วนคู่แข่งเบอร์หนึ่ง “บีเอ็มดับเบิลยู” เปิดตัวนำเข้า “ซีรี่ส์3” โฉมใหม่ ที่มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายในและภายนอก ที่มีให้เลือก 3 ไลน์ แบบสปอร์ตไลน์, โมเดิร์นไลน์ และลักชัวรี่ไลน์ กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า TwinPower Turbo และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 22.7 กิโลเมตรต่อลิตร และยังมีบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 วางเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ TwinPower Turbo ใหม่ พร้อมเปิดตัวในรุ่น 520i, 528i, และ 528i Sport และนอกจากนี้ยังเปิดตัว BMW ActiveHybrid 5 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการเสริมทัพบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ไฮบริดเต็มรูปแบบ
มากันที่ค่าย “วอลโว่” ยังมุ่งมั่นปั้นยอดขายกับรถตระกูล “60” หลังจากปีที่แล้วเปิดตัวรุ่นซีดาน ล่าสุดได้แนะนำรุ่นแวกอน “วอลโว่ วี60 ไดร์ฟ” เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา 180 แรงม้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงอี85 ราคา 2.249 ล้านบาท และเวทีนี้ยังรุกตลาดรถเอสยูวี กับรุ่น “เอ็กซ์ซี90” ใหม่ล่าสุด ที่ดูทันสมัย แข็งแกร่ง และปราดเปรียวกว่าเดิม พร้อมติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล D5 ความจุ 2.4 ลิตร 200 แรงม้า
ด้านรถหรูจากญี่ปุ่น “เลกซัส” ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เปิดตัวรหัส “จีเอส” โฉมใหม่สู่ตลาด ด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตหรูหรา นำร่องทำตลาดไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กับรุ่น “จีเอส250” เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 207 แรงม้า และรุ่น “จีเอส350” เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร 315 แรงม้า เปิดราคาที่ 4.59-6.69 ล้านบาท และจะเสริมทัพในเร็วๆ นี้ กับรุ่นไฮบริด “จีเอส450เอช” ราคา 7.79 ล้านบาท
สำหรับผู้ชื่นชอบซูเปอร์คาร์เวทีนี้ไม่ผิดหวัง เมื่อค่ายนิชคาร์นำเข้า “ลัมบอร์กินี กัลญาร์โด้” ในเวอร์ชั่นพิเศษ Super Trofeo Stradale ที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง 150 คัน มาให้แฟนพันธุ์แรงได้สัมผัสใกล้ชิด ด้วยขุมกำลัง 5.2 ลิตร 570 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น
นี่เป็นไฮไลต์ต่างๆ ในเวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ซึ่งจากการสำรวจรถใหม่ที่เข้ามาเปิดตัวขายในงาน คงต้องเรียกว่า... “มอเตอร์ วอร์ 2012” เสียแล้ว!!