ข่าวในประเทศ - เปิดแผนธุรกิจ “พาวเวอร์ อัพ 2559” ค่ายนิสสัน สำรวจบางผลิตภัณฑ์ใหม่จากทั้งหมดกว่า 10 รุ่น ที่จะทำตลาดใน 5 ปีข้างหน้า โดยประเดิมเบิกฤกษ์เดือนตุลาคมนี้ กับอีโคคาร์โมเดลใหม่แบบ 4 ประตู ที่นำ “นิสสัน ซันนี่” จากประเทศจีนมาทำตลาดในชื่อใหม่ หวังขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปชิงตลาดซับคอมแพ็กต์ ทดแทน “นิสสัน ทีด้า ลาติโอ” ที่จะหยุดการผลิตตุลาคมนี้เช่นกัน ซึ่งอีโคคาร์ตัวซีดานคาดจะแก้ขัดไปสักแค่ 2 ปี หลังล่าสุดแย้มข่าวกำลังเร่งบริษัทแม่ พัฒนาซับคอมแพ็กต์ตัวจริงมาทำตลาดไทยโดยตรง เช่นเดียวกับเก๋งคอมแพ็กต์แบบซีดาน ที่นิสสันกำลังซุ่มผลิตโมเดลใหม่ เพื่อกลับมาสู่แนวรบอีกระลอกในช่วงปี 2555 นี้ แต่ที่เผยโฉมใหม่ชัดเจนแล้ว “นิสสัน ทีด้า” หรือเวอร์ชั่นแฮตช์แบก พบกันแน่ในปีหน้า ก่อนจะเป็นคิวโมเดลเชนจ์ของ “นิสสัน เทียน่า” และปิกอัพ “นาวารา” ในปีถัดไป ส่วนช่วงก่อนเปิดตัวโฉมใหม่ ปฏิบัติการแต่งหน้าทาปากสร้างความสดใสสู้กับคู่แข่งไปพลางๆ ก่อน
หากประเมินโครงการอีโคคาร์ของนิสสัน คงต้องบอกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก กับยอดขายที่มากกว่า 45,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวมา แต่หากจะวัดภาพรวมของการดำเนินงานนิสสันในไทย คงยังไม่ถึงกับเป็นความสำเร็จนัก เพราะหลายผลิตภัณฑ์ยังไม่เป็นที่ตอบรับมากนัก และบางผลิตภัณฑ์อย่าง “นิสสัน ทีด้า” ก็ไม่มีความชัดเจนในตำแหน่งสินค้า ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมเซกเม้นท์หลักในไทย นี่จึงเป็นเหตุผลให้แผนธุรกิจใหม่ “พาวเวอร์ อัพ 2559” ระยะ 6 ปี สำหรับประเทศไทย นอกจากการพัฒนาเครือข่ายการขายแล้ว ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นหลัก
“ภายใต้แผนธุรกิจพาวเวอร์ อัพ 2559 จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่มากกว่า 10 รุ่น ภายในเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2555-2559 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับนิสสัน ทำให้มีสินค้าครอบคลุม 90% ของเซกเม้นท์รถยนต์ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ครอบคลุม 65% ในปี 2553 โดยจะเป็นรถใหม่มาแทนรุ่นเก่าที่หยุดผลิต และบางรุ่นเป็นโมเดลใหม่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “โทรุ ฮาเซกาวา” ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด และรองผู้จัดการใหญ่ส่วนภูมิภาคของทวีปเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ในวันแถลงประกาศแผนธุรกิจสำหรับภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทย เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเผยรถโมเดลอีโคคาร์รุ่นใหม่ของนิสสัน ที่เป็นแบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู
“หลังจากเปิดตัว นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์คันแรกในประเทศไทย และประสบความสำร็จอย่างมาก มาปีนี้นิสสันจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ ด้วยการเปิดตัวอีโคคาร์แบบ 4 ประตูเป็นรายแรกอีกครั้ง ซึ่งการเปิดตัวรถรุ่นนี้ถือเป็นเปิดฤกษ์ที่ดีเยี่ยมของแผนธุรกิจพาวเวอร์ อัพ 2559 ในครั้งนี้ โดยจะเริ่มผลิตในช่วงเดือนกันยายน และจะเปิดตัวสู่ตลาดอย่างเป็นทางการช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้”
ทั้งนี้จากรถโมเดลอีโคคาร์แบบ 4 ประตู ที่นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยออกมาให้ได้ชมกัน ชัดเจนว่ามีรูปลักษณ์เช่นเดียวกับ “นิสสัน ซันนี่” (Nissan Sunny) ที่ทำตลาดอยู่ในประเทศจีน เพียงแต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตลาดไทย ขณะที่เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เป็นบล็อกเดียวกับ นิสสัน มาร์ช ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ส่วนชื่อรุ่นจะไม่ใช้ “มาร์ช” เหมือนกับรุ่นแฮตช์แบก หรือ “ซันนี่” ในประเทศจีน แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อรุ่นจากนิสสัน มีเพียงกระแสข่าวว่าจะใช้ชื่อรุ่น “นิสสัน อัลเมรา” แต่จะใช่หรือไม่คงต้องรอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
การเปิดตัวอีโคคาร์แบบ 4 ประตู นับเป็นการปรับตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ของนิสสันด้วย เพราะตัวถังที่มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มเก๋งซับคอมแพ็กต์ พวกโตโยต้า วีออส, ฮอนด้า ซิตี้ หรือมาสด้า2 ทำให้นิสสันหวังจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มซับคอมแพ็กต์ได้ เนื่องจากปัจจุบันนิสสันไม่มีรถในกลุ่มซับคอมแพ็กต์เลย มีเพียงแค่ นิสสัน ทีด้า ที่ถูกวางตำแหน่งสินค้าให้อยู่ระหว่างซับคอมแพ็กต์ กับคอมแพ็กต์คาร์เท่านั้น แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดมากนัก
“จากการทดลองขับอีโคคาร์แบบ 4 ประตูของดีลเลอร์ ต่างเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีเช่นเดียวกับ นิสสัน มาร์ช และน่าจะทำให้ขยายกลุ่มลูกค้าไปยังตลาดซับคอมแพ็กต์ ที่ปัจจุบันนิสสันไม่มีรถรุ่นนี้ทำตลาดโดยตรง”
เป็นการอธิบายของ “ประพัฒน์ เชยชม” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงกลุ่มเป้าหมายของอีโคคาร์แบบ 4 ประตูของนิสสัน แต่ยืนยันไม่ได้หมายความว่ารถรุ่นนี้จะมาแทน นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ซึ่งจะหยุดการผลิตในเดือนตุลาคมนี้ แม้จะเป็นช่วงเดียวกันกับการเปิดตัวอีโคคาร์ 4 ประตูของนิสสัน
“ไม่ใช่การมาแทนที่ แต่เพราะอีโคคาร์ได้ขยายความนิยมไปสู่กลุ่มลูกค้า ที่ชอบรถครอบครัวขนาดเล็กมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าอีโคคาร์แบบ 4 ประตู จะได้รับการตอบรับจากฐานลูกค้ากลุ่มซับคอมแพ็กต์เช่นกัน แต่นิสสันเองก็กำลังศึกษาและเสนอให้บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น พัฒนารถซับคอมแพ็กต์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ออกมาทำตลาดโดยตรง คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า อาจจะมีตัวเลือกที่เหมาะสมทำตลาดในกลุ่มนี้”
นับเป็นอีกจิ๊กซอว์หนึ่งของแผนธุรกิจของนิสสัน ที่ถูกเปิดเผยออกมาล่าสุด แต่รายละเอียดนิสสันจะพัฒนาเอง โดยให้โรงงานในไทยผลิต หรือใช้ฐานการผลิตรถเล็กแห่งใหม่ที่อินโดนีเซีย หรือจะเป็นความร่วมมือกันพัฒนาระหว่างนิสสัน กับมิตซูบิชิ ซึ่งได้เซ็นสัญญาร่วมมือกันผลิตปิกอัพในไทย และพัฒนารถเล็กในประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีความชัดเจนในตอนนี้ แต่ถือว่าจะเป็นการปิดช่องว่างทางการตลาดของนิสสัน ที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซับคอมแพ็กต์ทำตลาดในไทย ขณะเดียวกันนิสสัน ทีด้า ลาติโอ ที่ถูกวางให้อยู่ระหว่างซับคอมแพ็กต์กับคอมแพ็กต์คาร์ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และกลายเป็นจุดอ่อนของนิสสันในประเทศไทยทั้งสองตลาดเสียอีก
โดยก่อนหน้านี้ในการเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ของฮาเซกาวา ได้เปิดเผยกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง”ว่า กำลังศึกษาที่จะนำซีดานคอมแพ็กต์คาร์ตัวใหม่ เหมือนกับ “นิสสัน บลูเบิร์ด ซิลฟี” (Nissan Bluebird Sylphy) มาทำตลาดในไทย หลังจากที่นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะความไม่ชัดเจนในตัวผลิตภัณฑ์ จากการเปิดตัวครั้งแรกที่ส่งมาแข่งกับตลาดคอมแพ็กต์คาร์ อย่างฮอนด้า ซีวิค, โตโยต้า อัลติส หรือมิตซูบิชิ แลนเซอร์ แต่ด้วยขนาดตัวถังที่เล็กกว่ามาก จึงไม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเท่าไหร่ จนต้องปรับกลยุทธ์วางตำแหน่งสินค้า ให้ลงมาอยู่กึ่งกลางระหว่างซับคอมแพ็กต์ และคอมแพ็กต์ ซึ่งทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ไม่ถือว่าเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการรายงานข่าวว่านิสสันในประเทศไทย กำลังซุ่มพัฒนารถคอมแพ็กต์คารุ่นใหม่ เพื่อทำตลาดในช่วงประมาณปี 2555 โดยเว็บไซต์ Headlightmag.com ระบุว่า เก๋งคอมแพ็กต์คาร์รุ่นใหม่ที่จะทำตลาดในไทย มีรหัสโครงการ L12F ซึ่งเป็นการพัฒนาจากรุ่นเซนทรา(Sentra) และบลูเบิร์ด ซิลฟี โดยวางเครื่องยนต์ขนาด 1.6 และ 1.8 ลิตร แต่บางตลาดอาจจะมีรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรทำตลาดด้วย
แต่ที่ชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง เห็นจะเป็นคอมแพ็กต์คาร์แบบ 5 ประตู หรือรุ่นแฮตช์แบก “นิสสัน ทีด้า” ที่จะยังคงทำตลาดในไทยต่อไป โดยตามรายงานข่าวการปรับโฉม หรือโมเดลเชนจ์ เปิดตัวในประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะทยอยเปิดตัวในตลาดโลก 165 ประเทศ รวมถึงไทยที่จะเปิดตัวในปี 2555 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทีด้าโฉมใหม่ได้มีการขยายตัวถังใหญ่ขึ้น เฉพาะฐานล้อเพิ่มอีก 100 มิลลิเมตร ทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งแฮตช์แบกคอมแพ็กต์คาร์ในตลาดปัจจุบันได้ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร
ส่วนอีกรุ่นที่ยังคงเดินหน้าทำตลาดในไทยต่อไป “นิสสัน เทียนา” และ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง ได้รายงานไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะมีการไมเนอร์เชนจ์ช่วงปลายปีนี้ ขณะที่เวอร์ชั่นโมเดลเชนจ์จะส่งลงทำตลาดในช่วงต้นปี 2556 อ่านรายละเอียด
สำหรับปิกอัพ “นิสสัน นาวารา” ชัดเจนว่าในปี 2555 จะมีการให้โรงงานมิตซูบิชิที่แหลมฉบัง จ.ระยอง ผลิตให้ในบางส่วนเพื่อเพิ่มกำลังการมากขึ้น จากปัจจุบันที่ไม่สามารถผลิตรองรับความต้องการลูกค้า โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงร่วมระหว่างนิสสัน มอเตอร์ และมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ตามข้อตกลงทั้งสองบริษัทยังจะร่วมกันผลิตปิกอัพรุ่นใหม่ในอนาคตด้วย นั่นหมายความว่าปิกอัพ นิสสัน นาวารา โฉมใหม่ ที่มีกำหนดแนะนำสู่ตลาดช่วงปลายปี 2556 หรือต้นปี 2557 น่าจะเป็นการพัฒนาร่วมของนิสสันและมิตซูบิชิ
นี่ถือเป็นรถยนต์รุ่นหลักๆ ของนิสสัน ที่มีความเคลื่อนไหวชัดเจนในการทำตลาดไทยช่วง 2-3 ปีนี้ แต่ถือเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หากเทียบกับมากกว่า 10 รุ่น ตามแผนธุรกิจ พาวเวอร์ อัพ 2559 ที่นิสสันประกาศออกมา ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป…