หลังทำตลาดมาถึง 2 เจนเนอเรชัน ตอนนี้รถยนต์ไซส์เล็กของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างรุ่น เอ-คลาส เดินทางมาถึงทางแยกของการเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือกับคู่ปรับสำคัญอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 และออดี้ เอ3 ซึ่งทางค่ายดาว 3 แฉกจัดการพลิกโฉมแนวคิดของเอ-คลาส ใหม่ หันมาจับตลาดลูกค้าวัยรุ่นและเน้นความสปอร์ตมากขึ้น จากเดิมที่มีภาพลักษณ์เหมือนกับมินิแวนย่อส่วนมาโดยตลอด 2 รุ่นแรก
ถ้าไม่นับสมาร์ท ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ถูกแยกขายต่างหาก เอ-คลาส ถือเป็นรถยนต์ไซส์เล็กที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเปิดตัวรุ่นแรกในปี 1997 พร้อมกับเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเกิดการพลิกคว่ำในขณะทดสอบการหันหลบกะทันหัน หรือ Moose Test จนต้องมีการนำกลับมาปรับปรุงระบบช่วงล่าง และติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัวหรือ ESP จากโรงงาน
สำหรับรุ่นที่ 2 เปิดตัวในปี 2004 และยังได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซปต์เดิม คือ การเป็นรถยนต์ไซส์เล็กสำหรับเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก โดยตัวรถมาในแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่ดูเหมือนกับมินิแวนโดนย่อส่วนมากกว่า ต่างจากคู่ปรับอย่าง A3 และซีรีส์ 1 ที่มาพร้อมกับความสปอร์ตในสไตล์แฮทช์แบ็กอย่างเต็มตัว และสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่ปรับในตลาดได้ ทางด้านเมอร์เซเดส-เบนซ์จัดการปรับแนวคิดและบุคลิกของเอ-คลาสใหม่ โดยหันมาจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นด้วยตัวถังในสไตล์สปอร์ตแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ส่วนรุ่น 3 ประตูจะมีขายหรือไม่นั้น ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่ข่าวส่วนใหญ่ฟันธงว่ามีขายอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องรออีกสักระยะ
ในรุ่นใหม่นี้ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานทางวิศวกรรมที่เรียกว่า MFA หรือ Modular Front Architecture โดยตัวถังมีความยาว 4,292 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,433 มิลลิเมตร โดยมีความยาวและความกว้างน้อยกว่าซีรีส์ 1 แต่สูงกว่าประมาณ 12 มิลลิเมตร
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลากหลายทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซล แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 4 สูบเรียงแบบวางขวางสำหรับการขับเคลื่อนล้อหน้า โดยการทำตลาดเริ่มต้นกับรุ่น A180 แต่ใช้เครื่องยนต์ 1600 ซีซี เทอร์โบ 122 แรงม้า ตามด้วย A200 บล็อกเดียวกันแต่ขยับความเร้าใจขึ้นเป็น 154 แรงม้า และมีรุ่น A250 เป็นรุ่นท็อป ใช้เครื่องยนต์ 2000 ซีซี 208 แรงม้าเป็นขุมพลัง
ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซลมากับเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีความจุ 1800 ซีซี และมีให้เลือก 2 รหัส คือ A180CDI ที่มีกำลังขับเคลื่อน 108 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ตามด้วย A200CDI มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 134 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 30.6 กก.-ม. ตามด้วย A220CDI ที่มีความจุ 2200 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.78 กก.-ม. เลือกได้ว่าจะส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือแบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะแบบ 7G-DCT
สำหรับใครที่รอความเร้าใจกับเวอร์ชัน AMG ก็อดใจรอกันอีกสักหน่อย เพราะมีขายแน่นอนกับเครื่องยนต์ที่มีม้าในคอกจากโรงงานมากกว่า 300 ตัว
แม้เปิดตัวแล้ว แต่การทำตลาดและการส่งมอบรถยังต้องรอกันนานหน่อย เพราะค่ายดาว 3 แฉกเผยว่า เอ-คลาส ใหม่ จะเริ่มวางขายตามโชว์รูมตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป