คำทักทายในสังคมที่คุ้นปากชินหู “ไปไหน” “สบายดี?” “กินข้าวหรือยัง” เปลี่ยนเป็น“บ้านน้ำท่วมไหม” “ท่วมหรือยัง” แม้จะเป็นประโยคทักเชิงคำถามเหมือนกัน แต่เชื่อว่าในบทสนทนาต่อไปจะซีเรียสมากกว่าที่เคย
สอดรับกับวิกฤตชาติ สถานการณ์เปลี่ยน พร้อมปรับวิถีชีวิตเพื่อการอยู่รอด สุดท้ายเมื่อผ่านมหาอุทกภัยไปได้ ทั้งผู้คน สิ่งของ จิตใจ ต้องได้รับการฟื้นฟูตามสภาพ เพื่อกลับมาตั้งหลักชีวิตใหม่ให้เร็วที่สุด
กรณี “รถยนต์” ที่ถูกปล่อยให้จมน้ำ จะด้วยเจ้าของประมาท คาดไม่ถึง หรือสถานการณ์(ตอนนั้น)ไม่อำนวย คงไม่ใช่เวลามาซ้ำโทษกัน หากแต่หลังน้ำลดท่านควรนำรถไปตรวจเช็คทันที ขณะเดียวกันถ้าท่านทำประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งเอาไว้ ก็ควรถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐานการเคลมภายหลัง
อย่างไรก็ตามถ้าก่อนน้ำจะท่วมรถ ท่านได้ถอดขั้วแบตเตอรี่ ตลอดจนยกแบตเตอรี่ออกมาทั้งลูก หรือบางท่านตัดสินใจถอดกล่อง “อีซียู”ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาสูง ก็อาจจะผ่อนจากหนักเป็นเบาได้มากอยู่
...แต่ถ้าใครไม่ได้ทำตามขั้นตอนดังกล่าว แล้วรถยนต์จมน้ำ ระดับท่วมห้องเครื่องยนต์ขึ้นไป “ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์” มีคำแนะนำดังนี้
หลังน้ำลง พื้นแห้ง แดดดี ท่านเดินไปสำรวจรถรอบคันถึงความเสียหายภายนอก และดึงเศษสวะที่ติดรอบตัวถังออกไปจัดการเรียบร้อย ประการแรกพึ่งตระหนักว่า ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือบิดกุญแจแม้แต่คลิกเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าเข้าระบบอิเลกทรอนิกส์ต่างๆของรถ จนเกิดไฟช็อต ลัดวงจรเสียหายได้
จากนั้นให้เดินไปเปิดฝากระโปรงรถ แล้วปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้งขั้วบวกขั้วลบก็ได้
ส่วนท่านใดมั่นใจ หรือมีทักษะช่างอยู่บ้าง ให้จัดการปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า โดยเฉพาะขั้วสายไฟภายในห้องเครื่อง ทั้งตัวอีซียูและ รีเรย์ต่างๆ จากนั้นก็ฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น พร้อมเปลี่ยนกรองอากาศใหม่
ประการถัดมาให้เปิดประตูออกทุกบาน เพื่ออากาศถ่ายเท จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆออกมาซัก อย่าให้อับชื้น
สุดท้ายเป็นเรื่องการเปลี่ยนถ่ายของเหลว ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ซึ่งจะมีเทคนิคเพื่อความปลอดภัย และให้ประสิทธิผลสูงสุดอยู่นิดหน่อย ดังนั้นถ้าท่านไม่ชำนาญ ควรเรียกรถมายกไปที่อู่ซ่อมหรือศูนย์บริการที่สะดวกจะดีที่สุด(ย้ำว่าห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์ หวังขับรถออกไปเองโดยเด็ดขาด)
ส่วนค่าซ่อมบำรุง กรณีไม่เปลี่ยน“อีซียู” ราคาอู่นอกทั่วไปจะอยู่ประมาณ 20,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสียหาย ตลอดจน ยี่ห้อ รุ่น สภาพอายุ และระยะเวลาที่รถจมอยู่ในน้ำด้วย
...รู้แบบนี้ ถ้าใครยังขยับขยายทัน ควรนำรถไปอยู่ที่สูงหนีน้ำ เพราะไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็น่าจะคุ้มกว่า เมื่อเทียบกับปัญหาค่าใช้จ่ายที่วุ่นวายตามมา ที่สำคัญจุดจอดต้องปลอดภัย ห่างไกลมือโจรจะได้สบายใจ...เอาเวลาที่เหลือไปเครียดเรื่องบ้าน กลุ้มเรื่องสุขภาพ-อนามัยพอแล้ว