เริ่มแล้วสำหรับงานมอเตอร์โชว์รายการใหญ่ที่สุดของโลกอย่างแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ หรือ IAA ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี ในปีค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ โดยในปีนี้ งานมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-25 กันยายน แต่เป็นธรรมเนียมที่สื่อมวลชนจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าชมก่อนหน้าในวันที่ 13 และ 14 กันยายน
สำหรับพื้นที่จัดงานก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี โดยแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 64 ใช้พื้นที่จัดแสดงขนาดใหญ่ของแฟรงค์เฟิร์ต แมสเซในการนำเสนอยานยนต์จากแต่ละค่าย โดยในปีนี้ แต่ละผู้ผลิตรถยนต์ไม่ว่าจะมาจากยุโรป หรือเอเชียต่างนำความล้ำสมัยของยานยนต์มาจัดแสดงกันอย่างมากหน้าหลายตา
ในตอนนี้เรามาดูทางฝั่งของเจ้าถิ่น แบรนด์รถยนต์เยอรมนีว่ามีของใหม่อะไรบ้างมาจัดแสดง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ : มีไฮไลต์เด่นอยู่ที่รถยนต์ต้นแบบทรงปีกนกในชื่อว่า F125! โดยเป็นคอนเซปต์คาร์ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาในวาระของการฉลองครบรอบ 125 ปีของการก่อกำเนิดรถยนต์คันแรกของคาร์ล เบนซ์ ที่สำคัญคือ ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างกระแสไฟฟ้าส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อนภายใต้รูปแบบระบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้ โดยถังแรงดันสูงขนาด 700 บาร์ สามารถบรรจุไฮโดรเจนน้ำหนัก 7.5 กิโลกรัม และสามารถแล่นทำระยะทางได้มากถึง 1,000 กิโลเมตร
ส่วนรถยนต์ในสายการผลิตที่เป็นรุ่นเด่น คือ โมเดลเชนจ์ของบี-คลาส ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเอ-คลาส โดยนอกจากรุ่นปกติแล้วก็ยังมีเวอร์ชันขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ E-Cell ออกมาจัดแสดงด้วย และใช้เทคโนโลยี E-REV หรือระบบไฟฟ้าแบบเพิ่มระยะทางด้วยการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวปั่นกระแสไฟฟ้า
ปอร์เช่ : เปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงของ 911 โดยในตอนนี้ประเดิมตลาดกับรุ่นพื้นฐานอย่างรหัสคาร์เรรา และคาร์เรรา เอสกันก่อน จากนั้นค่อยทยอยเปิดตัวเวอร์ชันอื่นๆ เช่น เทอร์โบ GT3 หรือคาร์เรรา โฟร์แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตามออกมาในอนาคต
โฟล์คสวาเกน : เอ่ยปากก่อนงานจะเริ่มว่าจะนำซิตี้คาร์รุ่นใหม่อย่าง UP! มาเปิดตัว และก็มาจริงๆ โดยเห็นเอาคันพิเศษที่เรียกว่า Buggy UP! มาโชว์ตัวด้วย ซึ่งก็เป็นการจับเอารุ่น UP! มาดัดแปลงและเพิ่มความแปลกใหม่ในสไตล์ตัวลุยแบบบักกี้ สำหรับต้นแบบอีกคันเป็นซิตี้คาร์ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อรองรับกับการใช้งานเมืองที่มีถนนแคบๆ ในชื่อรุ่น NILS ซึ่งเป็นยานยนต์แบบที่นั่งเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนรุ่นที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป คือ โปรดักต์ชันคาร์ในรหัสแรงอย่าง R ซึ่งตอนนี้ระบาดมาถึงเต่ารุ่นใหม่แล้ว แต่งสวยเต็มพิกัด แต่สมรรถนะยังอั้นเอาไว้อยู่แค่ 200 แรงม้าไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมรหัสอย่างซิร็อคโค่ และกอล์ฟ R ที่มีเรี่ยวแรงเกิน 260 แรงม้าทั้งนั้น
บีเอ็มดับับเลิยู : ไม่มีเซอร์ไพรส์หน้างาน เพราะรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกเผยโฉมออกมาให้เห็นกันเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้นแบบรุ่น i3 และ i8 รวมถึงรถยนต์ในสายการผลิตอย่าง M5 ใหม่ ซีรีส์ 1 ใหม่ เช่นเดียวกับบริษัทร่วมเครืออย่างมินิก็เน้นไปที่รุ่นคูเป้ โดยที่ยังไม่มีเวอร์ชันเปิดประทุนออกมาให้เห็น
แต่ที่มีความเร้าใจคือ การจับเอาซีรีส์ 1 มาแต่งเข้มในเวอร์ชัน Performance ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 3000 ซีซีที่มีการอัพเรี่ยวแรงจาก 306 มาเป็น 326 แรงม้า
ออดี้ : เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมเครืออย่างโฟล์คสวาเกนที่มีต้นแบบรุ่น NILS ทางออดี้ก็มีผลผลิตคล้ายๆ กันออกมาเป็นต้นแบบซิตี้คาร์รุ่น Urban ซึ่งมีทั้งรุ่นปกติแบบ 2 ที่นั่งหลังคาแข็ง และตัวแรงแบบสปอร์ตในชื่อ Spyder ขณะที่รถยนต์ในสายการผลิตก็มีทั้งรุ่น A5/S5 แบบปรับโฉมครบทุกตัวถัง เอ6 อวันท์ใหม่ ออดี้ เอ8 ฐานล้อยาวที่มากับเครื่องยนต์ W12 และออดี้ เอส7 ตัวแรงสุดเร้าใจ
ที่น่าสนใจคือ การกลับมาของ A2 รถยนต์รุ่นดังในอดีตของออดี้ที่ขายระหว่างปี 1999-2005 ก่อนเลิกทำตลาด โดยในงานนี้ออดี้นำมาจัดแสดงเป็นต้นแบบ และอีกไม่นาคงจะมีการผลิตขายจริงเพื่อแทรกกลางระหว่างรุ่น A1 กับ A3
โอเปิล : มากับรถยนต์ต้นแบบมาดสปอร์ตที่ชื่อว่า RAK eConcept ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และมีแนวคิดในการออกแบบคล้ายกับต้นแบบรุ่น NILS และ Urban ของทางโฟล์คสวาเกน และออดี้ โดยทางโอเปิลบอกว่ารถยนต์รุ่นนี้สามารถแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับพื้นที่จัดงานก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี โดยแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 64 ใช้พื้นที่จัดแสดงขนาดใหญ่ของแฟรงค์เฟิร์ต แมสเซในการนำเสนอยานยนต์จากแต่ละค่าย โดยในปีนี้ แต่ละผู้ผลิตรถยนต์ไม่ว่าจะมาจากยุโรป หรือเอเชียต่างนำความล้ำสมัยของยานยนต์มาจัดแสดงกันอย่างมากหน้าหลายตา
ในตอนนี้เรามาดูทางฝั่งของเจ้าถิ่น แบรนด์รถยนต์เยอรมนีว่ามีของใหม่อะไรบ้างมาจัดแสดง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ : มีไฮไลต์เด่นอยู่ที่รถยนต์ต้นแบบทรงปีกนกในชื่อว่า F125! โดยเป็นคอนเซปต์คาร์ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาในวาระของการฉลองครบรอบ 125 ปีของการก่อกำเนิดรถยนต์คันแรกของคาร์ล เบนซ์ ที่สำคัญคือ ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างกระแสไฟฟ้าส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อนภายใต้รูปแบบระบบเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟได้ โดยถังแรงดันสูงขนาด 700 บาร์ สามารถบรรจุไฮโดรเจนน้ำหนัก 7.5 กิโลกรัม และสามารถแล่นทำระยะทางได้มากถึง 1,000 กิโลเมตร
ส่วนรถยนต์ในสายการผลิตที่เป็นรุ่นเด่น คือ โมเดลเชนจ์ของบี-คลาส ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเอ-คลาส โดยนอกจากรุ่นปกติแล้วก็ยังมีเวอร์ชันขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ E-Cell ออกมาจัดแสดงด้วย และใช้เทคโนโลยี E-REV หรือระบบไฟฟ้าแบบเพิ่มระยะทางด้วยการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวปั่นกระแสไฟฟ้า
ปอร์เช่ : เปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงของ 911 โดยในตอนนี้ประเดิมตลาดกับรุ่นพื้นฐานอย่างรหัสคาร์เรรา และคาร์เรรา เอสกันก่อน จากนั้นค่อยทยอยเปิดตัวเวอร์ชันอื่นๆ เช่น เทอร์โบ GT3 หรือคาร์เรรา โฟร์แบบขับเคลื่อน 4 ล้อตามออกมาในอนาคต
โฟล์คสวาเกน : เอ่ยปากก่อนงานจะเริ่มว่าจะนำซิตี้คาร์รุ่นใหม่อย่าง UP! มาเปิดตัว และก็มาจริงๆ โดยเห็นเอาคันพิเศษที่เรียกว่า Buggy UP! มาโชว์ตัวด้วย ซึ่งก็เป็นการจับเอารุ่น UP! มาดัดแปลงและเพิ่มความแปลกใหม่ในสไตล์ตัวลุยแบบบักกี้ สำหรับต้นแบบอีกคันเป็นซิตี้คาร์ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อรองรับกับการใช้งานเมืองที่มีถนนแคบๆ ในชื่อรุ่น NILS ซึ่งเป็นยานยนต์แบบที่นั่งเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนรุ่นที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป คือ โปรดักต์ชันคาร์ในรหัสแรงอย่าง R ซึ่งตอนนี้ระบาดมาถึงเต่ารุ่นใหม่แล้ว แต่งสวยเต็มพิกัด แต่สมรรถนะยังอั้นเอาไว้อยู่แค่ 200 แรงม้าไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมรหัสอย่างซิร็อคโค่ และกอล์ฟ R ที่มีเรี่ยวแรงเกิน 260 แรงม้าทั้งนั้น
บีเอ็มดับับเลิยู : ไม่มีเซอร์ไพรส์หน้างาน เพราะรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกเผยโฉมออกมาให้เห็นกันเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้นแบบรุ่น i3 และ i8 รวมถึงรถยนต์ในสายการผลิตอย่าง M5 ใหม่ ซีรีส์ 1 ใหม่ เช่นเดียวกับบริษัทร่วมเครืออย่างมินิก็เน้นไปที่รุ่นคูเป้ โดยที่ยังไม่มีเวอร์ชันเปิดประทุนออกมาให้เห็น
แต่ที่มีความเร้าใจคือ การจับเอาซีรีส์ 1 มาแต่งเข้มในเวอร์ชัน Performance ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 3000 ซีซีที่มีการอัพเรี่ยวแรงจาก 306 มาเป็น 326 แรงม้า
ออดี้ : เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมเครืออย่างโฟล์คสวาเกนที่มีต้นแบบรุ่น NILS ทางออดี้ก็มีผลผลิตคล้ายๆ กันออกมาเป็นต้นแบบซิตี้คาร์รุ่น Urban ซึ่งมีทั้งรุ่นปกติแบบ 2 ที่นั่งหลังคาแข็ง และตัวแรงแบบสปอร์ตในชื่อ Spyder ขณะที่รถยนต์ในสายการผลิตก็มีทั้งรุ่น A5/S5 แบบปรับโฉมครบทุกตัวถัง เอ6 อวันท์ใหม่ ออดี้ เอ8 ฐานล้อยาวที่มากับเครื่องยนต์ W12 และออดี้ เอส7 ตัวแรงสุดเร้าใจ
ที่น่าสนใจคือ การกลับมาของ A2 รถยนต์รุ่นดังในอดีตของออดี้ที่ขายระหว่างปี 1999-2005 ก่อนเลิกทำตลาด โดยในงานนี้ออดี้นำมาจัดแสดงเป็นต้นแบบ และอีกไม่นาคงจะมีการผลิตขายจริงเพื่อแทรกกลางระหว่างรุ่น A1 กับ A3
โอเปิล : มากับรถยนต์ต้นแบบมาดสปอร์ตที่ชื่อว่า RAK eConcept ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และมีแนวคิดในการออกแบบคล้ายกับต้นแบบรุ่น NILS และ Urban ของทางโฟล์คสวาเกน และออดี้ โดยทางโอเปิลบอกว่ารถยนต์รุ่นนี้สามารถแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
