ด้วยอายุการทำตลาดและรูปแบบของตัวรถ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทันทีที่จากัวร์เผยรายละเอียดของต้นแบบรุ่น CX-16 ที่เปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 ออกมา จะถูกกระแสข่าวระบุอย่างชัดเจนเลยว่า นี่คือตัวตายตัวแทนของสปอร์ตระดับหรูรุ่น XK
เป็นใครก็ต้องคิดอย่างนั้น เพราะ XK รุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2006 เมื่อนับดูช่วงเวลาแล้ว ก็น่าจะใกล้วงรอบของการเปลี่ยนแปลงกันเต็มที แถม C-X16 ยังมากับตัวถังสปอร์ตคูเป้ 4 ที่นั่ง ซึ่งไม่ได้ล้ำสมัยเหมือนกับต้นแบบทั่วๆ ไป ก็เลยโดนคาดหมายว่าน่าจะเป็นงานออกแบบที่มีความใกล้เคียงและมีโอกาส (สูง) ที่จะได้กลายมาเป็นจริงในเร็ววันนี้
แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราลองมาทำความรู้จักกับรถสปอร์ตรุ่นนี้กันสักหน่อย
C-X16 เป็นผลผลิตที่มาพร้อมกับความสมัยในด้านเทคโนโลยีของจากัวร์ โดยเริ่มตั้งแต่โครงสร้างตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม มีความยาว 4,445 มิลลิเมตร กว้าง 2,048 มิลลิเมตร สูง 1,297 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,622 มิลลิเมตร โดยเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังในระดับ 50:50 ส่วนน้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 1,600 กิโลกรัม
สำหรับการขับเคลื่อน เน้นความทันสมัยด้วยขุมพลังแบบไฮบริด มีเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินแบบวี6 3000 ซีซี เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ผลิตกำลังออกมาได้ 380 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. หรือคิดออกมาแล้วมีอัตราส่วนความจุ 1 ลิตร ต่อกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ 126 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังอยู่ที่ 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.9 กก.-ม.
ขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด 'Redefining Performance' เน้นสมรรถนะการขับเคลื่อนบนความประหยัด และเป็นการประยุกต์แนวคิดของระบบ KERS ในการแข่งรถ F1 มาใช้ โดยผู้ขับสามารถเลือกกดปุ่ม Push to Pass ได้ตามความต้องการ เพื่อปลุกให้มอเตอร์ไฟฟ้าตื่นขึ้นมาช่วยในเรื่องของการรีดกำลังเร่งแซง ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานต่อเนื่องด้วยระยะเวลา 10 วินาที ในการช่วยเครื่องยนต์ขับเคลื่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระยะเวลาในการทำงานขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนด้วยเช่นกัน
และนั่นทำให้ตัวรถมีสมรรถนะที่จัดจ้านในทุกรอบความเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 4.4 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเป็นความเร็วสูงสุดที่ถูกล็อกเอาไว้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าปลดออกน่าจะไปได้ไกลกว่านี้
สำหรับหน้าที่ในการส่งกำลังเป็นงานของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และมีการติดตั้งระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดรถติดอยู่กับที่ เพื่อลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และลดการคายก๊าซไอเสียออกสู่สภาพแวดล้อม ซึ่งในรุ่นนี้มีระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 165 กรัม ต่อ 1 กิโลเมตร เท่านั้น
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่เมื่อพิจารณาจากบริบทและสิ่งที่เห็นกับตาแล้ว เชื่อได้ไม่ยากเลยว่า C-X16 คือ ร่างต้นแบบของ XK อย่างแน่นอน และสำหรับเวลาเปิดตัวขายจริง คาดว่าน่าจะอีกสัก 1-2 ปีข้างหน้า XK ใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอชันที่ 3 จะมีหน้าตาต่างจากนี้แค่ไหน คงต้องรอดูกันต่อไป
เป็นใครก็ต้องคิดอย่างนั้น เพราะ XK รุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2006 เมื่อนับดูช่วงเวลาแล้ว ก็น่าจะใกล้วงรอบของการเปลี่ยนแปลงกันเต็มที แถม C-X16 ยังมากับตัวถังสปอร์ตคูเป้ 4 ที่นั่ง ซึ่งไม่ได้ล้ำสมัยเหมือนกับต้นแบบทั่วๆ ไป ก็เลยโดนคาดหมายว่าน่าจะเป็นงานออกแบบที่มีความใกล้เคียงและมีโอกาส (สูง) ที่จะได้กลายมาเป็นจริงในเร็ววันนี้
แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราลองมาทำความรู้จักกับรถสปอร์ตรุ่นนี้กันสักหน่อย
C-X16 เป็นผลผลิตที่มาพร้อมกับความสมัยในด้านเทคโนโลยีของจากัวร์ โดยเริ่มตั้งแต่โครงสร้างตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียม มีความยาว 4,445 มิลลิเมตร กว้าง 2,048 มิลลิเมตร สูง 1,297 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,622 มิลลิเมตร โดยเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังในระดับ 50:50 ส่วนน้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 1,600 กิโลกรัม
สำหรับการขับเคลื่อน เน้นความทันสมัยด้วยขุมพลังแบบไฮบริด มีเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินแบบวี6 3000 ซีซี เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ผลิตกำลังออกมาได้ 380 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. หรือคิดออกมาแล้วมีอัตราส่วนความจุ 1 ลิตร ต่อกำลังขับเคลื่อนอยู่ที่ 126 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังอยู่ที่ 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.9 กก.-ม.
ขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด 'Redefining Performance' เน้นสมรรถนะการขับเคลื่อนบนความประหยัด และเป็นการประยุกต์แนวคิดของระบบ KERS ในการแข่งรถ F1 มาใช้ โดยผู้ขับสามารถเลือกกดปุ่ม Push to Pass ได้ตามความต้องการ เพื่อปลุกให้มอเตอร์ไฟฟ้าตื่นขึ้นมาช่วยในเรื่องของการรีดกำลังเร่งแซง ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานต่อเนื่องด้วยระยะเวลา 10 วินาที ในการช่วยเครื่องยนต์ขับเคลื่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระยะเวลาในการทำงานขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนด้วยเช่นกัน
และนั่นทำให้ตัวรถมีสมรรถนะที่จัดจ้านในทุกรอบความเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 4.4 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเป็นความเร็วสูงสุดที่ถูกล็อกเอาไว้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าปลดออกน่าจะไปได้ไกลกว่านี้
สำหรับหน้าที่ในการส่งกำลังเป็นงานของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และมีการติดตั้งระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดรถติดอยู่กับที่ เพื่อลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และลดการคายก๊าซไอเสียออกสู่สภาพแวดล้อม ซึ่งในรุ่นนี้มีระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 165 กรัม ต่อ 1 กิโลเมตร เท่านั้น
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่เมื่อพิจารณาจากบริบทและสิ่งที่เห็นกับตาแล้ว เชื่อได้ไม่ยากเลยว่า C-X16 คือ ร่างต้นแบบของ XK อย่างแน่นอน และสำหรับเวลาเปิดตัวขายจริง คาดว่าน่าจะอีกสัก 1-2 ปีข้างหน้า XK ใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอชันที่ 3 จะมีหน้าตาต่างจากนี้แค่ไหน คงต้องรอดูกันต่อไป
