ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเปอโยต์จะค่อนข้างฟิตในการบุกตลาดเอสยูวี โดยต่อจากรุ่น 3008 คราวนี้มาถึงการรุกตลาดอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อในระดับครอบครัวด้วยทางเลือกใหม่ที่เรียกว่า 508 RXH ซึ่งเป็นการจับเอารุ่นแวกอนของรถยนต์รุ่นนี้มายกสูงและติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริดแบบดีเซล หรือ HYbrid4 เข้าไป
508RXH ถือเป็นทางเลือกที่ 2 ของเปอโยต์ในการรุกตลาดเอสยูวีด้วยผลผลิตที่ตัวเองพัฒนาขึ้นมาเองต่อจากรุ่น 3008 โดยก่อนหน้านั้นแม้ว่าจะมีเอสยูวีอย่างรุ่น 4007 วางขายบนโชว์รูมแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการรับของคนอื่นมาขาย ด้วยการนำเอามิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์มาแต่งหน้าทาปากใหม่
ส่วนแนวคิดในการพัฒนาคือ การนำตัวถังแวกอนมาต่อยอดเหมือนกับที่ออดี้และวอลโว่เคยทำ เพราะก่อนที่เอสยูวีระดับหรูในตระกูล Q และ XC จะแจ้งเกิดในตลาดนั้น ทางออดี้และวอลโว่มีจุดเริ่มต้นในการลุยตลาดกลุ่มนี้ด้วยรุ่นออลโรด และ V70XC (ก่อนเปลี่ยนเป็น XC70 ในเวลาต่อมา) ซึ่งก็คือ การนำรถยนต์สเตชั่นแวกอนที่มีขายอยู่แล้วมาดัดแปลงด้วยการยกสูง เสริมความแข็งแกร่งรอบคัน พร้อมกับติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก่อนใช้เทคโนโลยีจากตรงนี้ขยายฐานในการผลิตเอสยูวีพันธุ์แท้ของตัวเองขึ้นมารุกตลาด
กลับมาที่ตัวรถกันต่อ ในรุ่นนี้ยึดตัวถัง 508SW หรือรุ่นแวกอน ซึ่ง 508 ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของรหัส 5 หลังจากที่เลิกทำตลาดไปกับรุ่น 505 โดยการรีเทิร์นครั้งนี้คือการเข้ามาทำหน้าที่แทนรหัส 4 ซึ่งถูกลดบทบาทลงไป และเปอโยต์เปิดตัวโฉมใหม่ของ 508 ทั้งตัวถังซีดาน และสเตชั่นแวกอนออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มขายในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนี่ถือเป็นทางเลือกที่ 3 ซึ่งถูกพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของรถยนต์ตระกูลนี้
ในแง่ของหน้าตาเมื่อเปรียบเทียบกับ 508SW รุ่นปกติแล้วจะพบกับความแตกต่างแบบพอประมาณทั้ง โป่งตัวถังสีดำด้านที่ถูกเสริมตามซุ้มล้อทั้ง 4 ด้าน ส่วนไฟหน้าก็มีการอัพเกรดใหม่ เสริมหลอด LED เข้าไปทำหน้าที่ทั้งไฟในส่วนของกลางวันและกลางคืนเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากรุ่นปกติ
สำหรับเครื่องยนต์น่าจะถือเป็นจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้เพราะว่าทางเปอโยต์ยังไม่บอกว่าจะมีแบบไหนบ้าง แต่ที่ถูกชูขึ้นมาเป็นจุดเด่นของระบบไฮบริดแบบดีเซล หรือ HYbrid4 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกกับรุ่น 3008 โดยในรุ่นนี้จะมีการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดีเซลเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเสริมหน้าที่ในการทำงาน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกวางอยู่บนเพลาหลังสำหรับรับหน้าที่ในการหมุนล้อหลัง ดังนั้น แม้จะเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ก็ไม่ต้องมีเพลากลางให้แกะกะ
ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซีแบบ HDi FAP ที่มีการติดตั้งระบบกรองอนุภาคในไอเสีย ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็ยังไม่เปิดเผยขนาด แต่บอกแค่ว่าเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว สามารถรีดกำลังออกมาได้ 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม.
การขับเคลื่อนของล้อหน้าและหลังสามารถแปรผันการทำงานได้ตามรูปแบบ ซึ่งถ้าเป็นการขับปกติ เครื่องยนต์ที่อยู่บนเพลาหน้าก็จะรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนไป กลายเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าไปโดยปริยาย จนกว่าระบบจะตัดสินให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่ด้านท้ายทำหน้าที่ขับเคลื่อน ระบบก็จะเปลี่ยนมาเป็นแบบ 4 ล้อ แต่ในโหมด ZEV ซึ่งเป็นการขับแบบพลังไฟฟ้าชั่วคราวโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตตอรี่ ตัวรถก็จะเปลี่ยนมาเป็นแบบล้อหลังเพราะว่าชุดมอเตอร์และแบตเตอรี่วางอยู่ในตำแหน่งนี้
ในโหมด ZEV วิ่งได้เท่าไรไม่ได้บอก แต่ในภาพรวมของการทำงาน ขุมพลัง HYbrid4 มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในระดับ 109 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร
การเปิดตัวจะมีขึ้นครั้งแรกในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ หรือ IAA 2011 ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนนี้ ส่วนการทำตลาดอาจจะต้องรอกันสักหน่อย เพราะกว่าจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ก็ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม 2012 โน่น
