ข่าวในประเทศ - ฟันธง! อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยปี 2555 พุ่ง 9% หรือแตะ 1 ล้านคัน “ฮอนด้า” เดินหน้าชู 4 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ ผลิตภัณฑ์โดนใจ บริการหลังขาย เครือข่าย และแบรนด์ระดับโลก ผลักดันให้ยอดขายเติบโตตามตลาด มั่นใจปีนี้กวาด 1.27 แสนคัน พร้อมปรับตัวรับนโยบายพลังงานรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” แต่ติงเรื่องภาษีสรรพสามิตปัจจุบันสูงปรี้ด ไม่ควรเข้าไปปรับเพิ่มอีก
อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ฮอนด้ามียอดขาย 4.6 หมื่นคัน มากกว่าเป้าครึ่งปีแรกที่วางไว้ 4.5 หมื่นคัน โดยยอดขายหลักมาจาก ฮอนด้า ซิตี้-แจ๊ซ และฮอนด้า ซีวิค คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของยอดขายรถยนต์ฮอนด้าในไทยทั้งหมด
“ผลจากสำเร็จดังกล่าวมาจากการดำเนินกลยุทธ์หลัก 4 อย่าง คือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองผู้บริโภค การบริการหลังการขาย ตัวแทนจำหน่าย และภาพแบรนด์ระดับโลกของฮอนด้า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป เพื่อผลักดันให้ฮอนด้าเติบโตไปพร้อมกับตลาดรถยนต์ไทย ที่คาดว่าปีนี้จะมีมากกว่า 9.2 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ทั้งสิ้น 8.04 แสนคัน และในส่วนฮอนด้าเชื่อว่าจะมียอดขายประมาณ 1.27 แสนคัน จากปีที่แล้วมาทำได้ 1.14 แสนคัน”
ทั้งนี้แนวทางแห่งความสำเร็จมาจากกลยุทธ์หลัก 4 อย่างดังกล่าว จะเห็นว่าเรื่องผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซิตี้,แจ๊ซ, แอคคอร์ด, ซีอาร์-วี หรือฟรีด ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอีโคคาร์ ฮอนด้า บริโอ้ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับมียอดสั่งจองกว่า 8,000 คัน แต่ต้องประสบปัญหาการในการส่งมอบรถล่าช้า จากเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ถึงปัจจุบันส่งมอบไปเพียง 2,500 คันเท่านั้น
นายฟูจิโมโตะกล่าวว่า อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป เมื่อการผลิตชิ้นส่วนในญี่ปุ่นกลับสู่สภาวะปกติ สามารถกลับมาเดินกำลังการผลิตได้ 100% และจะส่งผลให้สายการผลิตโรงงานในไทยสองแห่ง ผลิตเต็มกำลังและสองกะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับโรงงานฮอนด้าในประเทศไทย โดยจะทำให้ฮอนด้า บริโอ้ สามารถผลิตได้วันละ 1,000 คัน และส่งมอบตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งเฉพาะในไทยถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขายบริโอ้กว่า 1.7 หมื่นคัน
“การผลิตของฮอนด้าในไทยได้รับผลกระทบจากสึนามิบ้าง แต่เมื่อเดินการผลิตเต็มในช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะทำให้มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.6 แสนคัน จากกำลังการผลิตเต็มที่ทั้งสองโรงงาน 2.4 แสนคัน ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรในปีหน้าจะผลิตได้เต็มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดรถยนต์ในไทย ที่คาดว่าในปีหน้าจะเพิ่ม 9% หรือมียอดขายแตะ 1 ล้านคัน”
ในส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะแนะนำสู่ตลาด เดือนกันยายนนี้จะเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ และจากนั้นอีก 4 เดือน จะมีรถยนต์รุ่นพิเศษของ ฮอนด้า แอคคอร์ด และซีอาร์-วี รวมถึงรถใหม่ฮอนด้า ซีวิค ขณะที่กลยุทธ์อื่นๆ ยังจะดำเนินต่อเนื่อง เห็นได้จากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ฮอนด้าในไทย ได้ลงทุนกว่า 1,700 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการและโชว์รูมของฮอนด้าได้ง่ายสะดวก ซึ่งการลงทุนดังกล่าวสำคัญมากต่อการรองรับ ความต้องการบริการหลังขายที่เพิ่มขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยภายในสิ้นปี 2555 ฮอนด้าจะมีเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ 195 ราย และตั้งเป้าว่าจะขยายเพิ่มเป็น 250 รายในปี 2556
นายฟูจิโมโตะเปิดเผยว่า สำหรับรัฐบาลไทยชุดใหม่มีนโยบายลดภาษีรถคันแรก 1 แสนบาท ในฐานะผู้จำหน่ายรถถือเป็นเรื่องดี ที่จะส่งเสริมตลาดรถไทยเติบโต ขณะที่นโยบายจะเพิ่มแรงงานขั้นต่ำ และปรับอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท สิ่งที่เห็นชัดจะทำให้สินค้าปรับราคาขึ้น รวมถึงต้นทุนของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สูงขึ้น แต่จะปรับราคาหรือเปล่าคงต้องรอดูซัพพลายเออร์ ซึ่งหากมีการปรับต้องมาพิจารณาดู หรืออาจจะต้องร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ในการลดต้นทุนการผลิตลง เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค
ขณะที่นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นเรื่องการจัดเก็บภาษี หรือนโยบายพลังงานทดแทน แน่นอนย่อมต้องส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ และตอนนี้คงยังไม่มีการรวมกลุ่มของผู้ผลิตไปต่อรองกับรัฐบาล และในฐานะผู้ผลิตคงต้องปรับตัวรับนโยบายภาครัฐให้ได้
“แต่มีข้อสังเกตว่าภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของไทย ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีอัตราสูงมาก จึงไม่ควรที่จะปรับเพิ่มอีก แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับฟังมาโดยตรง จึงยังไม่สามารถพูดหรือแสดงความเห็นในรายละเอียดได้ชัดเจน ส่วนเรื่องนโยบายพลังงานเชื้อเพลิงหากเปลี่ยนแปลง เราคงต้องปรับตัวและตอบโจทย์นโยบายนั้นๆ ให้ได้” นายฟูจิโมโตะกล่าวและว่า
สำหรับปัจจุบันฮอนด้ากำลังศึกษารถพลังงานทดแทนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฮบริด เอ็นจีวี หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำลง เพราะมองว่าในระยะกลางและยาว ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องปรับตัวขึ้นแน่นอน แต่คงยังไม่สามารถระบุได้ ว่าจะเน้นไปที่พลังงานใด หรือจะนำมาทำตลาดเมื่อไหร่
อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ฮอนด้ามียอดขาย 4.6 หมื่นคัน มากกว่าเป้าครึ่งปีแรกที่วางไว้ 4.5 หมื่นคัน โดยยอดขายหลักมาจาก ฮอนด้า ซิตี้-แจ๊ซ และฮอนด้า ซีวิค คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของยอดขายรถยนต์ฮอนด้าในไทยทั้งหมด
“ผลจากสำเร็จดังกล่าวมาจากการดำเนินกลยุทธ์หลัก 4 อย่าง คือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองผู้บริโภค การบริการหลังการขาย ตัวแทนจำหน่าย และภาพแบรนด์ระดับโลกของฮอนด้า ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป เพื่อผลักดันให้ฮอนด้าเติบโตไปพร้อมกับตลาดรถยนต์ไทย ที่คาดว่าปีนี้จะมีมากกว่า 9.2 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ทั้งสิ้น 8.04 แสนคัน และในส่วนฮอนด้าเชื่อว่าจะมียอดขายประมาณ 1.27 แสนคัน จากปีที่แล้วมาทำได้ 1.14 แสนคัน”
ทั้งนี้แนวทางแห่งความสำเร็จมาจากกลยุทธ์หลัก 4 อย่างดังกล่าว จะเห็นว่าเรื่องผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซิตี้,แจ๊ซ, แอคคอร์ด, ซีอาร์-วี หรือฟรีด ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอีโคคาร์ ฮอนด้า บริโอ้ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับมียอดสั่งจองกว่า 8,000 คัน แต่ต้องประสบปัญหาการในการส่งมอบรถล่าช้า จากเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ถึงปัจจุบันส่งมอบไปเพียง 2,500 คันเท่านั้น
นายฟูจิโมโตะกล่าวว่า อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป เมื่อการผลิตชิ้นส่วนในญี่ปุ่นกลับสู่สภาวะปกติ สามารถกลับมาเดินกำลังการผลิตได้ 100% และจะส่งผลให้สายการผลิตโรงงานในไทยสองแห่ง ผลิตเต็มกำลังและสองกะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับโรงงานฮอนด้าในประเทศไทย โดยจะทำให้ฮอนด้า บริโอ้ สามารถผลิตได้วันละ 1,000 คัน และส่งมอบตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งเฉพาะในไทยถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขายบริโอ้กว่า 1.7 หมื่นคัน
“การผลิตของฮอนด้าในไทยได้รับผลกระทบจากสึนามิบ้าง แต่เมื่อเดินการผลิตเต็มในช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะทำให้มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.6 แสนคัน จากกำลังการผลิตเต็มที่ทั้งสองโรงงาน 2.4 แสนคัน ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรในปีหน้าจะผลิตได้เต็มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดรถยนต์ในไทย ที่คาดว่าในปีหน้าจะเพิ่ม 9% หรือมียอดขายแตะ 1 ล้านคัน”
ในส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะแนะนำสู่ตลาด เดือนกันยายนนี้จะเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ และจากนั้นอีก 4 เดือน จะมีรถยนต์รุ่นพิเศษของ ฮอนด้า แอคคอร์ด และซีอาร์-วี รวมถึงรถใหม่ฮอนด้า ซีวิค ขณะที่กลยุทธ์อื่นๆ ยังจะดำเนินต่อเนื่อง เห็นได้จากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ฮอนด้าในไทย ได้ลงทุนกว่า 1,700 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการและโชว์รูมของฮอนด้าได้ง่ายสะดวก ซึ่งการลงทุนดังกล่าวสำคัญมากต่อการรองรับ ความต้องการบริการหลังขายที่เพิ่มขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยภายในสิ้นปี 2555 ฮอนด้าจะมีเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ 195 ราย และตั้งเป้าว่าจะขยายเพิ่มเป็น 250 รายในปี 2556
นายฟูจิโมโตะเปิดเผยว่า สำหรับรัฐบาลไทยชุดใหม่มีนโยบายลดภาษีรถคันแรก 1 แสนบาท ในฐานะผู้จำหน่ายรถถือเป็นเรื่องดี ที่จะส่งเสริมตลาดรถไทยเติบโต ขณะที่นโยบายจะเพิ่มแรงงานขั้นต่ำ และปรับอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท สิ่งที่เห็นชัดจะทำให้สินค้าปรับราคาขึ้น รวมถึงต้นทุนของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สูงขึ้น แต่จะปรับราคาหรือเปล่าคงต้องรอดูซัพพลายเออร์ ซึ่งหากมีการปรับต้องมาพิจารณาดู หรืออาจจะต้องร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ในการลดต้นทุนการผลิตลง เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค
ขณะที่นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นเรื่องการจัดเก็บภาษี หรือนโยบายพลังงานทดแทน แน่นอนย่อมต้องส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ และตอนนี้คงยังไม่มีการรวมกลุ่มของผู้ผลิตไปต่อรองกับรัฐบาล และในฐานะผู้ผลิตคงต้องปรับตัวรับนโยบายภาครัฐให้ได้
“แต่มีข้อสังเกตว่าภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของไทย ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีอัตราสูงมาก จึงไม่ควรที่จะปรับเพิ่มอีก แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับฟังมาโดยตรง จึงยังไม่สามารถพูดหรือแสดงความเห็นในรายละเอียดได้ชัดเจน ส่วนเรื่องนโยบายพลังงานเชื้อเพลิงหากเปลี่ยนแปลง เราคงต้องปรับตัวและตอบโจทย์นโยบายนั้นๆ ให้ได้” นายฟูจิโมโตะกล่าวและว่า
สำหรับปัจจุบันฮอนด้ากำลังศึกษารถพลังงานทดแทนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฮบริด เอ็นจีวี หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำลง เพราะมองว่าในระยะกลางและยาว ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องปรับตัวขึ้นแน่นอน แต่คงยังไม่สามารถระบุได้ ว่าจะเน้นไปที่พลังงานใด หรือจะนำมาทำตลาดเมื่อไหร่