ข่าวในประเทศ - แบตเตอรี่ 3 เค รุ่นV-SERIES สุดฮอต! ดันยอดขายครึ่งปีแรกทะลุ 3,000 ล้านบาท ผุดแคมเปญช่วยเหลือเกษตรกรไทย ซื้อแบตฯ...แจกข้าวหวังยกระดับชาวนาไทย มั่นใจจบปี 2554 เป้าขายขยับถึง 5,700-5,800 ล้านบาท
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) และรองประธานอาวุโส บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปี 2554 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย โดยมีปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งสัญญาณเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งการเมืองไทยมีความชัดเจน
“ครึ่งปีที่ผ่านมา 3เค มียอดจำหน่ายทั้งสิ้นที่ 3,055.32 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายถึง 34.19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดือนกันของปีก่อนหน้า ที่มียอดจำหน่ายรวมที่ 2,276.92 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 2,051.83 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 1,003.83 ล้านบาท ด้านผลกำไรสุทธิครึ่งปี 2554 มีจำนวน 219.39 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้แก่บริษัทอย่างเหนือความคาดหมายคือ “3K V-SERIES” แบตพร้อมใช้ ไม่ง้อน้ำ ซึ่ง 3เค ผลิตได้เป็นรายแรกในเมืองไทย มียอดจำหน่ายสูงเกินกว่า 20% จากที่ตั้งเป้าไว้ โดยระยะแรกเมื่อปีที่แล้วตั้งเป้าขายไว้ที่ 50,000-70,000 ลูกต่อปี แต่ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคสูง เพียงครึ่งปี “3K V-SERIES” ขายได้แล้วกว่า 100,000 ลูก”
ทั้งนี้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ “3K V-SERIES” จะนำไปทดแทนตลาดแบตฯ รุ่นธรรมดา เนื่องจากผู้บริโภคนิยมใช้แบตฯ แบบปิดหรือ Sealed Maintenance free (SMF) ที่ไม่ต้องการการดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งานสูงขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมาตรฐานสากล มีราคาจำหน่ายถูกกว่าแบตฯ ประเภทเดียวกันที่นำเข้าจากต่างประเทศ
นอกจากนี้นายวีรวัฒน์กล่าวต่อว่า ด้วยปัจจัยบวกเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการเมืองภายในที่เริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณขายสูงถึง 910,000 คัน จะช่วยผลักดันให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจไทยในทุกภาคส่วนเติบโต และเป็นจิตวิทยากระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจต่อการจับจ่ายมากขึ้น ส่วนการลงทุนเพิ่มในปีนี้ มีเพียงสั่งซื้อเครื่องจักรอัดฉีดพลาสติกขึ้นรูปเฟรมแบตเตอรี่เท่านั้น ด้วยงบประมาณราว 50 ล้านบาท
“ปี 2553 เดิมเราตั้งเป้าขายไว้ที่ 4,500 ล้านบาท แต่พอจบปียอดขายเพิ่มขึ้น 10% ทำให้มีรายได้สูงถึง 5,200 ล้านบาท ในปีนี้ก็เช่นกัน ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ทำให้ปรับเป้าเพิ่มขึ้น 10% จาก 5,200 ล้านบาท มั่นใจว่า จบปี 2554 น่าจะเพิ่มขึ้น 5,700-5,800 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้ว 3,055.32 ล้านบาท และช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงไฮซีซั่นของการขาย จะเดินหน้ากลยุทธ์ส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่ โดยเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด CRS ผ่านแคมเปญ3เค ช่วยเหลือเกษตรกรไทย ซื้อแบตฯ...แจกข้าวหอมมะลิ ฟรี!”
ส่วนการดำเนินกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ อาทิ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ที่สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการต่างๆ มวย และการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ โดยจะเดินหน้ากลยุทธ์เหล่านี้ไปอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ใช้งบประมาณราว 90 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ และตอกย้ำความเป็นแบรนด์ชั้นนำให้ยั่งยืนต่อไป
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) และรองประธานอาวุโส บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปี 2554 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย โดยมีปัจจัยบวกจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งสัญญาณเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งการเมืองไทยมีความชัดเจน
“ครึ่งปีที่ผ่านมา 3เค มียอดจำหน่ายทั้งสิ้นที่ 3,055.32 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายถึง 34.19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดือนกันของปีก่อนหน้า ที่มียอดจำหน่ายรวมที่ 2,276.92 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 2,051.83 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 1,003.83 ล้านบาท ด้านผลกำไรสุทธิครึ่งปี 2554 มีจำนวน 219.39 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้แก่บริษัทอย่างเหนือความคาดหมายคือ “3K V-SERIES” แบตพร้อมใช้ ไม่ง้อน้ำ ซึ่ง 3เค ผลิตได้เป็นรายแรกในเมืองไทย มียอดจำหน่ายสูงเกินกว่า 20% จากที่ตั้งเป้าไว้ โดยระยะแรกเมื่อปีที่แล้วตั้งเป้าขายไว้ที่ 50,000-70,000 ลูกต่อปี แต่ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคสูง เพียงครึ่งปี “3K V-SERIES” ขายได้แล้วกว่า 100,000 ลูก”
ทั้งนี้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ “3K V-SERIES” จะนำไปทดแทนตลาดแบตฯ รุ่นธรรมดา เนื่องจากผู้บริโภคนิยมใช้แบตฯ แบบปิดหรือ Sealed Maintenance free (SMF) ที่ไม่ต้องการการดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งานสูงขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมาตรฐานสากล มีราคาจำหน่ายถูกกว่าแบตฯ ประเภทเดียวกันที่นำเข้าจากต่างประเทศ
นอกจากนี้นายวีรวัฒน์กล่าวต่อว่า ด้วยปัจจัยบวกเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการเมืองภายในที่เริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณขายสูงถึง 910,000 คัน จะช่วยผลักดันให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจไทยในทุกภาคส่วนเติบโต และเป็นจิตวิทยากระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจต่อการจับจ่ายมากขึ้น ส่วนการลงทุนเพิ่มในปีนี้ มีเพียงสั่งซื้อเครื่องจักรอัดฉีดพลาสติกขึ้นรูปเฟรมแบตเตอรี่เท่านั้น ด้วยงบประมาณราว 50 ล้านบาท
“ปี 2553 เดิมเราตั้งเป้าขายไว้ที่ 4,500 ล้านบาท แต่พอจบปียอดขายเพิ่มขึ้น 10% ทำให้มีรายได้สูงถึง 5,200 ล้านบาท ในปีนี้ก็เช่นกัน ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ทำให้ปรับเป้าเพิ่มขึ้น 10% จาก 5,200 ล้านบาท มั่นใจว่า จบปี 2554 น่าจะเพิ่มขึ้น 5,700-5,800 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทำได้แล้ว 3,055.32 ล้านบาท และช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงไฮซีซั่นของการขาย จะเดินหน้ากลยุทธ์ส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่ โดยเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด CRS ผ่านแคมเปญ3เค ช่วยเหลือเกษตรกรไทย ซื้อแบตฯ...แจกข้าวหอมมะลิ ฟรี!”
ส่วนการดำเนินกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ อาทิ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ที่สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการต่างๆ มวย และการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ โดยจะเดินหน้ากลยุทธ์เหล่านี้ไปอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ใช้งบประมาณราว 90 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ และตอกย้ำความเป็นแบรนด์ชั้นนำให้ยั่งยืนต่อไป