นายหมิง เจิ้ง หวัง กรรมการ / รองประธานกรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 911.67 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,104.82 ล้านบาท หรือลดลง 193.15 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 17.48% ขณะยอดขายไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 16.5 % จากจำนวน 8,544 ล้านบาทของไตรมาสเดียวกันปีก่อนเป็น 9,951 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IESBG ที่เพิ่มสูงขึ้นและส่วนใหญ่เป็นยอดขายในตลาดอเมริกาใต้ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 28.4% ในไตรมาสสองของปี ก่อนลงเหลือ 24.3 % เพราะได้รับผลกระทบจากยอดขายโซลาร์อินเวอร์เตอร์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสก่อน ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นจากการพัฒนางานด้านการขายและการตลาดของผลิตภัณฑ์โซลาร์อินเวอร์เตอร์ประกอบกับการแข็งค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มีผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้นเพราะบริษัทหันมาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยานยนต์และกลุ่มพลังงานลม (Wind turbine converter)
ล่าสุด DELTA ได้กลับมาใช้ประมาณการรายได้ปี 54 ในรูปเงินสกุลดอลลาร์เติบโตตามเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ 10-20% จากก่อนหน้านี้เคยปรับลดเป้าหมายลงไปเนื่องจากเหตุภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่น แต่หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ ออกมาพบว่ารายได้ดีกว่าไตรมาสแรกถึง 10% จากเดิมที่คาดการณ์ว่ารายได้จะต่ำกว่า และเรื่องค่าเงินไม่เป็นปัญหาเพราะบริษัทสวอปเงินป้องกันความเสี่ยงอีกทั้งได้ซื้อวัตถุดิบเป็นสกุลเงินดอลลาร์อยู่แล้วถึง 70%
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงครึ่งปีแรกหรือต่ำกว่าเล็กน้อยจากสภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่เป็นกลุ่มประเทศยุโรป 50-60% สหรัฐอเมริกา 25% และที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มลูกค้าใหม่ในตลาดเอเชีย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย พร้อมกับจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ไว้ที่ระดับ 25-27% และอัตรากำไรสุทธิที่ 8-10% ไว้ โดยเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลายและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น อย่างกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค โซล่าร์เซลล์ กลุ่มชิ้นส่วนพลังงานลม กลุ่มเทเลคอม เป็นต้น
" ครึ่งปีหลังเราหวังรายได้ให้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกหรือน้อยกว่าเล็กน้อยก็ถือว่าพอใจแล้วเพราะภาวะเศรษฐกิจ สหรัฐและยุโรปยากต่อการคาดเดาและกังวลว่าจะเป็นเหมือนช่วงปลายปี 2009 ที่มีวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์"
ล่าสุด DELTA ได้กลับมาใช้ประมาณการรายได้ปี 54 ในรูปเงินสกุลดอลลาร์เติบโตตามเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ 10-20% จากก่อนหน้านี้เคยปรับลดเป้าหมายลงไปเนื่องจากเหตุภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่น แต่หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ ออกมาพบว่ารายได้ดีกว่าไตรมาสแรกถึง 10% จากเดิมที่คาดการณ์ว่ารายได้จะต่ำกว่า และเรื่องค่าเงินไม่เป็นปัญหาเพราะบริษัทสวอปเงินป้องกันความเสี่ยงอีกทั้งได้ซื้อวัตถุดิบเป็นสกุลเงินดอลลาร์อยู่แล้วถึง 70%
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงครึ่งปีแรกหรือต่ำกว่าเล็กน้อยจากสภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่เป็นกลุ่มประเทศยุโรป 50-60% สหรัฐอเมริกา 25% และที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มลูกค้าใหม่ในตลาดเอเชีย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย พร้อมกับจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ไว้ที่ระดับ 25-27% และอัตรากำไรสุทธิที่ 8-10% ไว้ โดยเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลายและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น อย่างกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค โซล่าร์เซลล์ กลุ่มชิ้นส่วนพลังงานลม กลุ่มเทเลคอม เป็นต้น
" ครึ่งปีหลังเราหวังรายได้ให้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกหรือน้อยกว่าเล็กน้อยก็ถือว่าพอใจแล้วเพราะภาวะเศรษฐกิจ สหรัฐและยุโรปยากต่อการคาดเดาและกังวลว่าจะเป็นเหมือนช่วงปลายปี 2009 ที่มีวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์"
