ข่าวต่างประเทศ-หลังจากขายหุ้นจำนวนเกือบ 20% ให้กับโฟล์คสวาเกนไปเมื่อเดือนธันวาคม 2009 ในตอนนี้ทางด้านซูซูกิเริ่มออกมาบ่นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่คืบหน้าและยังคลุมเครือ ถึงขนาดที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรถยนต์หมายเลข 4 ของญี่ปุ่น ต้องออกมากล่าวโทษ พร้อมกับขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นของการเจรจากันใหม่อีกครั้ง เพื่อหาจุดยืนที่ชัดเจนและแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องที่โฟล์คสวาเกนพยายามเข้าครอบครองซูซูกิ
ยาสึฮิโต ฮารายาม่า รองประธานบริหารของซูซูกิ กล่าวว่า หลังผ่านมา 18 เดือน บทบาทและความชัดเจนในการดำเนินงานของทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถสรุปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ซูซูกิค่อนข้างอึดอัดใจอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ที่ว่าซูซูกิกำลังโดนกลืนให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโฟล์คสวาเกน
“เมื่อเราเซ็นสัญญากับโฟล์คสวาเกน สิ่งที่เราต้องการคือ การเป็นอิสระ และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของโฟล์คสวาเกน ดังนั้น เราควรจะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องเพื่อพิจารณาทุกอย่างกันใหม่ และก็รวมถึงสัดส่วนของหุ้นที่ถูกขายออกไปด้วย” ฮารายาม่า กล่าว
ความอึดอัดใจนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในช่วงที่ผ่านมามีข่าวถูกนำเสนอออกมาเป็นระยะถึงการที่โฟล์คสวาเกนพยายามที่จะเข้าครอบครองและดูแลการบริหารงานของซูซูกิ จนถึงขนาดประธานวัย 81 ปีของซูซูกิอย่าง โอซามุ ซูซูกิ ต้องออกมาเขียนบล็อกในอินเตอร์เน็ตเพื่อระบายความในใจเกี่ยวกับการที่โฟล์คสวาเกนพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าซูซูกิเป็นส่วนหนึ่งในเครือของบริษัทรถยนต์เยอรมัน
“การที่บริษัทรถยนต์ 2 แห่งที่มีขนาดของบริษัทแตกต่างกันอย่างมากนั้น อาจจะเป็นข้อความเชิงนัยยะที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และดูเหมือนว่าพวกเขาก็พยายามที่จะทำให้ซูซูกิเป็นส่วนหนึ่งของโฟล์คสวาเกนให้ได้” ข้อความส่วนหนึ่งในบล็อกของมิสเตอร์ซูซูกิที่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ทางฮารายาม่ายังได้กล่าวอีกว่า ถ้าหากยังเป็นอยู่อย่างนี้ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจในการทำงานร่วมกับโฟล์คสวาเกนสักเท่าไร และยืนยันว่ายังมีผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายรายที่สนใจจะทำงานร่วมกับซูซูกิในลักษณะที่มีความเท่าเทียมกัน โดยซูซูกิยังมีอีกหลายโปรเจ็กต์ที่อาจจะหอบหิ้วไปทำงานร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ส่วนในเคสที่เป็นการพัฒนาร่วมกับโฟล์คสวาเกน ก็จะมีการชะลอการทำงานเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีการสรุปถึงบทบาทและความชัดเจนในการทำงานอีกครั้ง โดยหนึ่งในนั้นคือโปรเจ็กต์พัฒนารถยนต์ราคาประหยัดที่จะออกขายในตลาดอเมริกาใต้ และอินเดียของโฟล์คสวาเกน
โดยหลังจากเกิดเรื่องนี้ ทางโฟล์คสวาเกนได้ออกมาแก้ข่าวและยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ซึ่งทาง ฮานส์ เดอมอนต์ เจ้าหน้าที่ดูแลในส่วนของการประสานงานของโฟล์คสวาเกนกล่าวว่า “ทั้งคู่ยังเป็นบริษัทที่เป็นอิสระ และไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่เป็นข่าว และในตอนนี้ทางโฟล์คสวาเกนก็ไม่ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในซูซูกิตามที่เป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้”
สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งสองค่ายเริ่มจากโฟล์คสวาเกนได้จ่ายเงินจำนวน 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 75,000 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นจำนวน 19.9% ของซูซูกิในปี 2009 และบรรดานักลงทุนทั้งหลายต่างยินดีกับความร่วมมือที่เกิดขึ้น เพราะว่าโฟล์คสวาเกนจะสามารถรับเทคโนโลยีในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กของซูซูกิ ที่ได้รับการยอมรับว่าไม่เป็นรองใครในอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะเดียวกัน ซูซูกิจะได้รับเทคโนโลยีไฮบริด และเทคโนโลยีด้านอื่นๆ เป็นการตอบแทน
