ข่าวในประเทศ-ออสแรม ผู้ผลิตหลอดไฟรถยนต์รายใหญ่จากประเทศเยอรมนี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ออสแรม ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส” ชูจุดขายประสิทธิภาพการส่องสว่างที่มากขึ้นและไกลกว่าเดิม หวังใช้ลุยตลาดเอเชีย แปซิฟิคเจาะกลุ่มอะไหล่ทดแทนที่มีอัตาราการเติบโตสูงที่สุดในโลก พร้อมทั้งโปรยคำหวานคาดการณ์ปี 2563 ไทยอาจจะทำตัวเลขผลิตรถยนต์ได้สูงถึง 2.5 ล้านคัน/ปี
โรเบิร์ต แมคคินน่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสแรม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ของหลอดไฟฮาโลเจน รุ่น “ออสแรม ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส” เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ในเวลากลางคืน โดยสามารถส่องสว่างได้มากขึ้นและไกลกว่าเดิม เมื่อเทียบกับหลอดไฟมาตรฐานทั่วไป
“เราใช้เทคโนโลยีของเยอรมันพัฒนาให้หลอดไฟรุ่นนี้มีความสว่างกับท้องถนนได้มากกว่าปกติถึง 90% มีแสงไฟส่องสว่างไกลกว่าไฟหน้าทั่วไปถึง 35 เมตร ทั้งยังมีความขาวของแสงเพิ่มขึ้น 10% โดยลำแสงของ ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้เป็นอย่างดี และไม่เป็นอุปสรรคต่อยานยนต์คันอื่นๆ ที่สัญจรไปมา โดยผลิตและวางจำหน่ายเป็นแพคคู่ 2 ดวง รองรับรถยนต์ทุกรุ่น มีราคาตั้งแต่ 1,100-1,700 บาท” โรเบิร์ต แมคคินน่อน กล่าว
ด้าน กีโด บลาคเคลท์ หัวหน้าฝ่ายอะไหล่ทดแทนอุตสาหกรรมรถยนต์ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์รุ่น ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส ชูจุดเด่นด้วยสโลแกน “Fight the Night” โดยจะทำตลาดให้ความรู้สินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ รวมถึงการร่วมกิจกรรมในงานแสดงรถยนต์รายใหญ่อย่างมอเตอร์เอ็กซ์โปในช่วงปลายปีนี้
“เราหวังเจาะกลุ่มอะไหล่ทดแทนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคที่มีอัตาราการเติบโตสูงที่สุดในโลก เฉลี่ยปีละ 12% โดยเทียบจากจำนวนยอดขายรถยนต์ รายได้มวลรวมประชาชาติในแต่ละประเทศ ซึ่งหากรวมปัจจัยทุกอย่างยังคงสนับสนุนให้การเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นทุกปี อย่างการผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำได้ 1,600,000-1,800,000 คัน มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2563 ไทยอาจดันตัวเลขได้ถึง 2,500,000 คัน ซึ่งเราหวังให้ออสแรมเติบโตไปพร้อมกับตลาดในภูมิภาคนี้ด้วย” กีโด บลาคเคลท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้คาดการณ์อัตราการเติบโตของตลาดอะไหล่ทดแทนจะดีขึ้น แต่ออสแรมยังคงไม่มีแผนขยายฐานการผลิตมาสู่อาเซียน โดยที่ปัจจุบันออสแรมเป็นผู้ผลิตหลอดไฟสำหรับยานยนต์ทั้งในฐานะบริษัทผู้ผลิตสินค้าส่งโรงงานประกอบ(OEM) และบริษัทผลิตอะไหล่ทดแทน (Aftermarket) มีฐานการผลิตหลักในยุโรปอยู่ในประเทศเยอรมนี ส่วนภูมิภาคเอเชียอยู่ในประเทศจีน
โรเบิร์ต แมคคินน่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสแรม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ของหลอดไฟฮาโลเจน รุ่น “ออสแรม ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส” เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ในเวลากลางคืน โดยสามารถส่องสว่างได้มากขึ้นและไกลกว่าเดิม เมื่อเทียบกับหลอดไฟมาตรฐานทั่วไป
“เราใช้เทคโนโลยีของเยอรมันพัฒนาให้หลอดไฟรุ่นนี้มีความสว่างกับท้องถนนได้มากกว่าปกติถึง 90% มีแสงไฟส่องสว่างไกลกว่าไฟหน้าทั่วไปถึง 35 เมตร ทั้งยังมีความขาวของแสงเพิ่มขึ้น 10% โดยลำแสงของ ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้เป็นอย่างดี และไม่เป็นอุปสรรคต่อยานยนต์คันอื่นๆ ที่สัญจรไปมา โดยผลิตและวางจำหน่ายเป็นแพคคู่ 2 ดวง รองรับรถยนต์ทุกรุ่น มีราคาตั้งแต่ 1,100-1,700 บาท” โรเบิร์ต แมคคินน่อน กล่าว
ด้าน กีโด บลาคเคลท์ หัวหน้าฝ่ายอะไหล่ทดแทนอุตสาหกรรมรถยนต์ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์รุ่น ไนท์ เบรกเกอร์ พลัส ชูจุดเด่นด้วยสโลแกน “Fight the Night” โดยจะทำตลาดให้ความรู้สินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ รวมถึงการร่วมกิจกรรมในงานแสดงรถยนต์รายใหญ่อย่างมอเตอร์เอ็กซ์โปในช่วงปลายปีนี้
“เราหวังเจาะกลุ่มอะไหล่ทดแทนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคที่มีอัตาราการเติบโตสูงที่สุดในโลก เฉลี่ยปีละ 12% โดยเทียบจากจำนวนยอดขายรถยนต์ รายได้มวลรวมประชาชาติในแต่ละประเทศ ซึ่งหากรวมปัจจัยทุกอย่างยังคงสนับสนุนให้การเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นทุกปี อย่างการผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำได้ 1,600,000-1,800,000 คัน มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2563 ไทยอาจดันตัวเลขได้ถึง 2,500,000 คัน ซึ่งเราหวังให้ออสแรมเติบโตไปพร้อมกับตลาดในภูมิภาคนี้ด้วย” กีโด บลาคเคลท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้คาดการณ์อัตราการเติบโตของตลาดอะไหล่ทดแทนจะดีขึ้น แต่ออสแรมยังคงไม่มีแผนขยายฐานการผลิตมาสู่อาเซียน โดยที่ปัจจุบันออสแรมเป็นผู้ผลิตหลอดไฟสำหรับยานยนต์ทั้งในฐานะบริษัทผู้ผลิตสินค้าส่งโรงงานประกอบ(OEM) และบริษัทผลิตอะไหล่ทดแทน (Aftermarket) มีฐานการผลิตหลักในยุโรปอยู่ในประเทศเยอรมนี ส่วนภูมิภาคเอเชียอยู่ในประเทศจีน
