xs
xsm
sm
md
lg

ฟอร์ด แถลงผล Q1 แผนธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวต่างประเทศ-ฟอร์ด แจงผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2554 มีรายได้เพิ่มขึ้น 466 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับสามเดือนแรกของปีก่อน โดยมาจากการใช้แผนกลยุทธ์ One Ford จึงสามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตได้ตามเป้า
อลัน มูลัลลี เชื่อมั่นแผนกลยุทธ์ One Ford
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2554 โดยระบุว่าบริษัทมีรายได้สุทธิ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.78 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 466 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา และหากนับเฉพาะภาคธุรกิจรถยนต์ มีผลกำไรก่อนหักภาษีรวมมูลค่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.28 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 936 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท) และมียอดค้าส่งโดยรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 150,000 คัน

อลัน มูลัลลี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด กล่าวว่า “ผลจากการทำงานของพวกเราอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมสำหรับไตรมาสนี้ ด้วยการเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแกร่ง เรายังคงเดินหน้าทำงานตามแผนกลยุทธ์ One Ford อย่างต่อเนื่องในทุกประเทศทั่วโลก เพื่อมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟอร์ดที่ดีเยี่ยม และมอบการเติบโตอย่างมีกำไรให้แก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าสภาวะทางเศรษฐกิจจะมีความผันผวนเพียงใดก็ตาม”
ฟอร์ด เฟียสต้า หนึ่งในโมเดลที่ดันยอดพุ่งสูงขึ้นไตรมาสแรก
สำหรับแผนกลยุทธ์ One Ford ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างบริษัทอย่างจริงจังเพื่อผลกำไรทางธุรกิจ, เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า, สนับสนุนทางการเงินเพื่อปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ และทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดยังคงเดินหน้าต่อไปตลอดทั้งปี 2554

“เราคาดหวังว่ายอดขายต่อปีจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นผลมาจากอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกที่เติบโตขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งเพราะเรามีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง และพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน” มูลัลลี กล่าวสรุป

ขณะเดียวกัน ผลประกอบการในประเทศไทยของฟอร์ด มีรายงานรวมอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ซึ่งมีกำไรก่อนหักภาษีที่ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 988 ล้านบาท) เทียบกับกำไรก่อนหักภาษีของปีก่อนที่ 23 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 688 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300 ล้านบาท)
กำลังโหลดความคิดเห็น