ต่อจากรุ่นแฮทช์แบ็ก คราวนี้ถึงคิวของตัวถังเปิดประทุนที่จะได้สวมรหัส R ออกท้าความเร็วและความแรงแบบไร้หลังคากันบ้าง โดยคราวนี้โฟล์คสวาเกนเตรียมนำเวอร์ชัน R มาติดตั้งกับรุ่นกอล์ฟ เปิดประทุน เพื่อรองรับกับความเร้าใจที่เหนือระดับจากรุ่นธรรมดาภายใต้คอนเซ็ปต์ Power Cabrio
แม้จะยังเป็นแค่ต้นแบบสำหรับจัดแสดง แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะผลิตขายจริงเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ และถือว่ามาเร็วเกินคาด เพราะกอล์ฟเพิ่งจะเปิดตัวรุ่นเปิดประทุนออกสู่ตลาดได้ยังไม่ถึงครึ่งปีเลย
ส่วนใครที่ยังไม่เชื่อมั่นถึงสมรรถนะและความทนทานของรถยนต์ที่สวมรหัส R อันนี้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่าโฟล์คสวาเกนถึงขนาดก่อตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Volkswagen R GmbH ขึ้นมาเพื่อรองรับกับการพัฒนาตัวแรงเหล่านี้โดยเฉพาะ เหมือนกับที่บีเอ็มดับเบิลยูมีบริษัท M GmbH เอาไว้เอาใจคนพันธุ์แรงและงานด้านมอเตอร์สปอร์ต
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดา อันนี้สัมผัสความแตกต่างได้ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งดูสวยสปอร์ตขึ้นจากชุดสเกิร์ตรอบคัน กันชนหน้า-หลังเปลี่ยนใหม่เพื่อความดุดัน เช่นเดียวกับการติดตั้งล้อแม็กขนาด 19 นิ้วลาย Talladega จับคู่กับยางหน้ากว้าง 235
และสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังก้านแม็กคือ ดิสก์ขนาด 17 นิ้วพร้อมครีบระบายความร้อน และคาลิเปอร์สีฟ้าที่พ่นโลโก้ของรหัส R เอาไว้ เพื่อสยบม้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากรุ่นธรรมดาร่วมๆ 100 ตัว ร้อมกับถูกลดความสูงจากรุ่นปกติอีก 25 มิลลิเมตร เพื่อการทรงตัวและการยึดเกาะถนนที่ดี
สิ่งที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกเค้นแรงม้าออกมาได้ถึง 270 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่รอบต่อเพียง 2,500 รอบ/นาที แต่โฟล์คสวาเกนไม่ได้บอกรายละเอียดของตัวเครื่องยนต์ แต่คาดว่าน่าจะเป็นบล็อก 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบแบบ FSI ที่ทางเครือนี้นิยมนำไปต่อยอดความแรงอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะรถยนต์ในคลาสคอมแพ็กต์อย่างกอล์ฟ และออดี้ เอ3
สมรรถนะถือว่าไม่ธรรมดา เพราะใช้เวลาต่ำกว่า 6 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ต้นแบบรุ่นนี้กลายเป็นกอล์ฟ เปิดประทุนที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมา
จะผลิตหรือไม่โฟล์คสวาเกนไม่ได้บอก แต่ดูๆ แล้วมีโอกาสถูกส่งเป็นทางเลือกใหม่สูงมาก เพียงแต่อาจจะต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้น สาวกกอล์ฟที่รักความแรงแบบเปิดประทุน อดใจรอกันหน่อย ช่วงนี้ก็เก็บเงินไปพลางๆ ก่อน