ต้องยอมรับว่าหลังการสะสางบัญชี และผ่านกระบวนการพิทักษ์สินทรัพย์จนกลายมาเป็นบริษัทใหม่ แบรนด์จี๊ปถือเป็นหัวหอกหลักในการเริ่มทยอยทำตลาดรถยนต์ให้กับทางไครสเลอร์ กร๊ป โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยที่มีโฉมใหม่ของแกรนด์ เชโรกีเป็นผลผลิตใหม่และดาวเด่นชูโรง
ถึงตอนนี้ นอกจากรุ่นธรรมดาแล้ว ทางจี๊ป แบรนด์ในเครือของไครสเลอร์ ก็ยังนำเสนอทางเลือกใหม่ และแน่นอนว่าเป็นความแรงและความเร้าใจบนตัวถังเอสยูวีระดับหรู ซึ่งจี๊ปได้จับมือกับแผนก SRT หรือ Street and Racing Technology ในการเปิดตัวเวอร์ชัน SRT8 ซึ่งเพียบพร้อมด้วยความเร้าใจกับเครื่องยนต์ในตระกูล HEMI อันเลื่องชื่อ
การพัฒนามีขึ้นบนพื้นฐานของแกรนด์ เชโรกีใหม่ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวขายในตลาดสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายปี 2010 ซึ่งในรุ่นปกติแม้ว่าจะมีทั้งเครื่องยนต์วี6 Pentastar และรุ่นวี8 HEMI ขาย แต่ก็เป็นบล็อกซีซีน้อยแค่ระดับ 5,700 ซีซี ยังไม่ใช้ตัวแรงและเร้าใจเหมือนกับรุ่น SRT8 ซึ่งถูกขยายความจุเป็น 6,400 ซีซี
ตัวรถเผยโฉมครั้งแรกที่นิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีคิววางขายในตลาดสหรัฐอเมริกากลางปีนี้ โดยตัวรถถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นเอสยูวีระดับหรูที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ และความพึงพอใจในการขับ โดยเฉพาะบนเส้นทางออนโรด ซึ่งเครื่องยนต์วี8 HEMI จะสามารถแสดงฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
โปรเจ็กต์นี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยนขุมพลังใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการอัพเกรดความพึงพอใจในด้านรูปลักษณ์ ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่อความโดดเด่นในทุกด้านโดยเฉพาะความดุดันได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากการชุดสเกิร์ตทรงสปอร์ตรอบคัน และล้อแม็กลายใหม่ขนาด 20 นิ้วแล้ว บนฝากระโปรงหน้ายังมีการเจาะช่องเพื่อช่วยในเรื่องการระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ HEMI ในระหว่างที่โดนเค้นสมรรถนะ
สำหรับเครื่องยนต์เป็นบล็อกวี8 OHV 6,400 ซีซี ซึ่งเป็นขุมพลังบล็อกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาทดแทนความจุ 6,100 ซีซี โดยมีกำลังเพิ่มขึ้น 45 แรงม้าเป็น 450 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 6.2 กก.-ม. เป็น 64.2 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ โดยนอกจากความจุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ขุมพลังรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งระบบวาล์วแปรผัน ซึ่งทำให้ 90% ของแรงบิดสูงสุดถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบสูงในระหว่าง 2,800-6,000 รอบ/นาที
ขณะเดียวกันในด้านสมรรถนะ มาพร้อมความเร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.8 วินาที และ 16 วินาทีกว่าๆ สำหรับการเร่งจาก 0-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเบรกจากความเร็วช่วงนั้นจนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ส่วนควอเตอร์ไมล์ 0-402 เมตรใช้เวลา 13 วินาทีกว่าๆ โดยมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะเบรกจากความเร็ว 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนหยุดนิ่งในระยะ 116 ฟุต หรือ 34.8 เมตร
ด้านความประหยัดน้ำมัน ทางจี๊ปเผยว่าดีขึ้นจากเครื่องยนต์ 6,100 ซีซีถึง 13% และน้ำมัน 1 ถัง (ไม่ได้บอกความจุมาด้วย) สามารถแล่นทำระยะทางได้ 450 ไมล์ หรือ 724 กิโลเมตร
ในแง่ของการยึดเกาะถนน นอกจากการปรับปรุงระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ SLA และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ด้วยโช้กอัพจาก Bilstien ตามแบบฉบับ SRT แล้ว โครงสร้างตัวถังของ SRT8 ยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง และทนทานต่อการบิดตัวที่ดีขึ้นจากรุ่นปกติถึง 146% โดยมีการเพิ่มจุดเชื่อมถึง 53% บนตัวถัง เช่นเดียวกับการเชื่อมอาร์คอีก 42% ซึ่งแค่บนตัวถังอย่างเดียวมีจุดเชื่อมมากกว่า 5,400 จุดเลยทีเดียว
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรุ่นนี้เป็นรหัส Jeep Quadra-Trac ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่มีการกระจายกำลังไปยังเพลาหน้าและหลังตามสภาพการขับโดยอาศัยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ของตัวรถมาใช้ในการประมวลผลการทำงาน
การทำตลาดจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ที่ตลาดสหรัฐอเมริกา และยังไม่ยืนยันว่าจะส่งออกมาขายในตลาดแห่งอื่นๆ หรือเปล่า มีขายทั้งหมด 4 สี ส่วนค่าตัวยังไม่เปิดเผยในตอนนี้