จากนโยบายของสหประชาติที่ต้องการให้ทุกประเทศทั่วโลก ตระหนักถึงความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน โดยกำหนดให้ปี 2011-2020 (พ.ศ.2554-2563) เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยในการเดินทาง สอดคล้องกับการที่หน่วยงานทางภาครัฐของไทยได้ประกาศให้ปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกกันน็อก 100% ซึ่งการสวมใส่อุปกรณ์ดังกล่าวจะมีความสำคัญอย่างไร สามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้มากน้อยขนาดไหน
“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” สัมภาษณ์ สริวุฒิ ลีละพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ เปอร์เฟกต์ ไรด์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมวกกันน็อกเรียล (Real) ผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยซึ่งเน้นภาพลักษณ์ความปลอดภัยของหมวกกันน็อกที่มากกว่าแค่การสวมใส่เพื่ออยู่ภายใต้กรอบบังคับของกฏหมาย
ประเภทและความสำคัญ
อันดับแรกต้องแยกประเภทของหมวกกันน็อกที่มีวางจำหน่ายในเมืองไทยทุกยี่ห้อ ประเภทแรกคือ แบบเต็มใบหรือฟูลเฟส(Full-face) รองลงมาคือ แบบเต็มใบเปิดหน้าหรือโอเพนเฟส(Open-face) และสุดท้ายคือ แบบครึ่งใบหรือฮาร์ฟ(Half) ซึ่งประสิทธิภาพการป้องกันก็จะลดหลั่งลงมาตามลำดับ และหากกล่าวถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปจะนิยมใช้แบบครึ่งใบมากที่สุด เพราะสวมใส่ง่ายสามารถถอดเข้า-ออกได้สะดวก ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ใส่เพียงเพื่อป้องกันการตรวจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่นั้น แต่เนื้อแท้หรือความสำคัญของหมวกกันน็อก ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะทำหน้าที่คุ้มครองศีรษะไปกระทบสิ่งอื่นกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ซึ่งศีรษะมีความเปราะบางและไม่สามารถรักษาหรือซ่อมแซมได้หากเทียบกับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย
ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์
ส่วนหมวกกันน็อกเรียลผลิตและจำหน่ายเฉพาะหมวกแบบเต็มใบและแบบเต็มใบเปิดหน้าเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ต้องการความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ใช่สวมหมวกเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับของกฏหมาย โดยเน้นกลุ่มบิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตและขยายฐานผู้ใช้ในบ้านเรามากขึ้น และด้านภาพลักษณ์เราต้องการเป็นผู้ผลิตหมวกกันน็อกที่ดีมีคุณภาพความปลอดภัย ไม่เน้นขายปริมาณมาก เพราะถึงหากขายได้จำนวนมากจริง แต่สินค้าไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์
เป้าหมายและแผนการตลาด
บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 25 ล้านบาทสำหรับปีนี้ เติบโตจากปีก่อนประมาณ 10% หรือนับเป็นจำนวนใบราวๆ หมื่นกว่าใบ เท่ากับมีส่วนแบ่งการตลาดรวมของหมวกกันน็อกประมาณ 1% ถึงแม้มูลค่ามูลค่าโดยรวมในตลาดหมวกกันน็อกยังไม่มีหน่วยงานใดบันทึกไว้ แต่อ้างอิงจากยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ตลอดทั้งปีร่วมหลักล้านคัน ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ มีตัวเลือกรูปแบบหมวกเต็มใบและเต็มใบเปิดหน้า สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,300-2,800 บาท
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้จะเน้นการดีไซน์เป็นหลัก ล่าสุดได้ติดต่อนักออกแบบหมวกกันน็อกชาวอิตาลีที่เป็นมืออาชีพโดยตรง มาช่วยสร้างสีสันบนหมวกของเรา ทั้งนี้เขาเคยออกแบบหมวกกันน็อกแบรนด์ดังๆ ของต่างประเทศมาแล้วหลายยี่ห้อ ผมมองว่าจุดบอดของลวดลายหมวกกันน็อกในบ้านเรายังพัฒนาไม่พอ จึงกลายเป็นว่ารูปแบบที่ออกมาเป็นแค่สีพื้นๆ ทั้งใบ ไม่มีใครกล้าดีไซน์ให้แตกต่างออกไป ขณะที่ต่างประเทศลวดลายจะปรับเปลี่ยนทุกปี และหากถามว่าทำไมไม่เน้นเรื่องการป้องกันและความปลอดภัย...เพราะว่าตรงจุดนั้นเราก้าวผ่านมานานแล้ว
รณรงค์สวมหมวก 100%
สำหรับปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมใส่หมวกกันน็อคแบบ 100 % เพื่อความปลอดภัยทางท้องถนน ตามที่ประชุม ครม.(คณะรัฐมนตรี) เห็นชอบ นับเป็นโครงการที่ดีมากและอยากให้มีการประชาสัมพันธ์มากกว่านี้ เพราะเป็นการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หลายคนอาจสงสัยว่า การรณรงค์ดังกล่าวทำเพื่อให้ผู้ประกอบการหมวกกันน็อกมียอดจำหน่ายสูงขึ้นหรือไม่ ถ้าเป็นหมวกยี่ห้ออื่นๆ ผมไม่แน่ใจ แต่สำหรับเรียลตอบได้เลยว่าไม่ เพราะเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มหรือนิชมาร์เกต ซึ่งผู้บริโภคที่เลือกใช้จะแยกกับตลาดทั่วไป
มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมาตรฐานหมวกกันน็อกที่ใช้ในบ้านเราคือ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ที่อ้างอิงตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งเกือบ 20 ปีมาแล้ว และกำลังจะเปลี่ยนไปใช้มาตรฐานเดียวกับยุโรปหรือ ECE ซึ่งต้องรอให้ผู้ผลิตมีระยะเวลาในการปรับตัวหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เทียบเท่ามาตรฐานดังกล่าวเสียก่อน คาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการภายในปีหน้า และอาจมีผลทำให้ราคาขยับขึ้น แต่ทั้งนี้ผู้บริโภคต้องย้อนถามตัวเองว่า ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยหรือไม่
การสวมใส่อย่างถูกวิธี
ควรเลือกหมวกกันน็อกให้มีขนาดเหมาะสมกับศีรษะและสวมใส่ให้ถูกวิธี โดยเฉพาะสายรัดคางต้องล็อกแน่นสนิททุกครั้งที่สวมใส่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญไม่น้อยไปกว่าการรณรงค์ให้ใส่หมวก เพราะหากใส่แล้วแต่ไม่ถูกวิธีก็ไม่มีประโยชน์ และคงเป็นได้เพียงแค่การใส่ตามกฎไม่ให้ตำรวจจับเท่านั้นเอง
“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” สัมภาษณ์ สริวุฒิ ลีละพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ เปอร์เฟกต์ ไรด์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมวกกันน็อกเรียล (Real) ผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยซึ่งเน้นภาพลักษณ์ความปลอดภัยของหมวกกันน็อกที่มากกว่าแค่การสวมใส่เพื่ออยู่ภายใต้กรอบบังคับของกฏหมาย
ประเภทและความสำคัญ
อันดับแรกต้องแยกประเภทของหมวกกันน็อกที่มีวางจำหน่ายในเมืองไทยทุกยี่ห้อ ประเภทแรกคือ แบบเต็มใบหรือฟูลเฟส(Full-face) รองลงมาคือ แบบเต็มใบเปิดหน้าหรือโอเพนเฟส(Open-face) และสุดท้ายคือ แบบครึ่งใบหรือฮาร์ฟ(Half) ซึ่งประสิทธิภาพการป้องกันก็จะลดหลั่งลงมาตามลำดับ และหากกล่าวถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปจะนิยมใช้แบบครึ่งใบมากที่สุด เพราะสวมใส่ง่ายสามารถถอดเข้า-ออกได้สะดวก ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ใส่เพียงเพื่อป้องกันการตรวจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่นั้น แต่เนื้อแท้หรือความสำคัญของหมวกกันน็อก ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะทำหน้าที่คุ้มครองศีรษะไปกระทบสิ่งอื่นกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ซึ่งศีรษะมีความเปราะบางและไม่สามารถรักษาหรือซ่อมแซมได้หากเทียบกับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย
ภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์
ส่วนหมวกกันน็อกเรียลผลิตและจำหน่ายเฉพาะหมวกแบบเต็มใบและแบบเต็มใบเปิดหน้าเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ต้องการความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ใช่สวมหมวกเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับของกฏหมาย โดยเน้นกลุ่มบิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตและขยายฐานผู้ใช้ในบ้านเรามากขึ้น และด้านภาพลักษณ์เราต้องการเป็นผู้ผลิตหมวกกันน็อกที่ดีมีคุณภาพความปลอดภัย ไม่เน้นขายปริมาณมาก เพราะถึงหากขายได้จำนวนมากจริง แต่สินค้าไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์
เป้าหมายและแผนการตลาด
บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 25 ล้านบาทสำหรับปีนี้ เติบโตจากปีก่อนประมาณ 10% หรือนับเป็นจำนวนใบราวๆ หมื่นกว่าใบ เท่ากับมีส่วนแบ่งการตลาดรวมของหมวกกันน็อกประมาณ 1% ถึงแม้มูลค่ามูลค่าโดยรวมในตลาดหมวกกันน็อกยังไม่มีหน่วยงานใดบันทึกไว้ แต่อ้างอิงจากยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ตลอดทั้งปีร่วมหลักล้านคัน ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ มีตัวเลือกรูปแบบหมวกเต็มใบและเต็มใบเปิดหน้า สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,300-2,800 บาท
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้จะเน้นการดีไซน์เป็นหลัก ล่าสุดได้ติดต่อนักออกแบบหมวกกันน็อกชาวอิตาลีที่เป็นมืออาชีพโดยตรง มาช่วยสร้างสีสันบนหมวกของเรา ทั้งนี้เขาเคยออกแบบหมวกกันน็อกแบรนด์ดังๆ ของต่างประเทศมาแล้วหลายยี่ห้อ ผมมองว่าจุดบอดของลวดลายหมวกกันน็อกในบ้านเรายังพัฒนาไม่พอ จึงกลายเป็นว่ารูปแบบที่ออกมาเป็นแค่สีพื้นๆ ทั้งใบ ไม่มีใครกล้าดีไซน์ให้แตกต่างออกไป ขณะที่ต่างประเทศลวดลายจะปรับเปลี่ยนทุกปี และหากถามว่าทำไมไม่เน้นเรื่องการป้องกันและความปลอดภัย...เพราะว่าตรงจุดนั้นเราก้าวผ่านมานานแล้ว
รณรงค์สวมหมวก 100%
สำหรับปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมใส่หมวกกันน็อคแบบ 100 % เพื่อความปลอดภัยทางท้องถนน ตามที่ประชุม ครม.(คณะรัฐมนตรี) เห็นชอบ นับเป็นโครงการที่ดีมากและอยากให้มีการประชาสัมพันธ์มากกว่านี้ เพราะเป็นการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หลายคนอาจสงสัยว่า การรณรงค์ดังกล่าวทำเพื่อให้ผู้ประกอบการหมวกกันน็อกมียอดจำหน่ายสูงขึ้นหรือไม่ ถ้าเป็นหมวกยี่ห้ออื่นๆ ผมไม่แน่ใจ แต่สำหรับเรียลตอบได้เลยว่าไม่ เพราะเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มหรือนิชมาร์เกต ซึ่งผู้บริโภคที่เลือกใช้จะแยกกับตลาดทั่วไป
มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมาตรฐานหมวกกันน็อกที่ใช้ในบ้านเราคือ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ที่อ้างอิงตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งเกือบ 20 ปีมาแล้ว และกำลังจะเปลี่ยนไปใช้มาตรฐานเดียวกับยุโรปหรือ ECE ซึ่งต้องรอให้ผู้ผลิตมีระยะเวลาในการปรับตัวหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เทียบเท่ามาตรฐานดังกล่าวเสียก่อน คาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการภายในปีหน้า และอาจมีผลทำให้ราคาขยับขึ้น แต่ทั้งนี้ผู้บริโภคต้องย้อนถามตัวเองว่า ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยหรือไม่
การสวมใส่อย่างถูกวิธี
ควรเลือกหมวกกันน็อกให้มีขนาดเหมาะสมกับศีรษะและสวมใส่ให้ถูกวิธี โดยเฉพาะสายรัดคางต้องล็อกแน่นสนิททุกครั้งที่สวมใส่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญไม่น้อยไปกว่าการรณรงค์ให้ใส่หมวก เพราะหากใส่แล้วแต่ไม่ถูกวิธีก็ไม่มีประโยชน์ และคงเป็นได้เพียงแค่การใส่ตามกฎไม่ให้ตำรวจจับเท่านั้นเอง
