กระแสดารานักแสดงและศิลปินที่กำลังหันมานิยมขับขี่รถจักรยานยนต์ใหญ่ หรือ “บิ๊กไบค์” กำลังมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านเหตุผลการใช้งานอาจแตกต่างกัน บางคนมีไว้ครอบครองแต่ไม่ค่อยได้ใช้งานจริง บางคนใช้แบบเฉพาะกิจเน้นออกทริปกับกลุ่มก๊วน และสำหรับ "โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์" กับสุดสวยคู่ใจ “คุณน้ำหวาน” จะมีเวลาให้กันมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงวีรกรรมดุเด็ดเผ็ดมัน จะเปรี้ยวจี๊ดซู่ซ่าหรือหวานเจี๊ยบสมชื่อหรือเปล่า คงต้องขอลองชิมกันหน่อย
“ความหวานไม่ได้เกี่ยวกับรสที่สัมผัสด้วยลิ้น แต่เป็นเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่สัมผัสได้ด้วยเสียงมากกว่า” โอ๊ตเฉลยที่มาของชื่อ “คุณน้ำหวาน” บิ๊กไบค์คู่ใจล่าสุด Harley Davidson Road King ปี 2010 สีดำเงาวาวที่จอดสงบนิ่งอยู่ข้างกายขณะนำในไปโชว์ที่งาน 2 ล้อคลาสสิก ณ ซีคอนสแควร์
“โดยความชอบส่วนตัวหรือจะเรียกว่าคลั่งไคล้ก็ได้ ผมเชื่อว่าเด็กผู้ชายหลายๆ คนคงมีความใฝ่ฝันใกล้เคียงกันเกี่ยวกับการได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ มันเป็นอิสระที่รู้สึกได้ ยามนั่งอยู่บนเบาะ รับลมแรงปะทะจากธรรมชาติ ด้วยความเร็วในระดับที่ควบคุมได้อย่างปลอดภัย ผมว่ามันเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง เสมือนเป็นเจ้าชายที่อยู่ในราชรถ ดูมีอำนาจ สง่างาม และน่าเกรงขาม ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะขี่ออกไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดเสมอ เฉลี่ยเดือนละกว่า 10 ครั้ง”
ด้านความปลอดภัย กลุ่มเพื่อนที่ขับขี่ร่วมกัน “Har-Prince” มีกฏข้อห้ามประจำกลุ่ม คือ ขณะออกทริปจะงดดื่ม เพราะเน้นความปลอดภัย และใช้ความเร็วประมาณ 140-150 กม./ชม. ซึ่งถือว่ากำลังดีในมุมของการควบคุมรถ ขณะที่ความพร้อมของตัวรถและอุปกรณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ใจไม่แพ้กัน
“นอกจากสติและความไม่ประมาท ในด้านความปลอดภัยอุปกรณป้องกันเป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ตรวจดูสภาพการใช้งานก่อนและหลังทุกครั้ง ทั้งถุงมือ ชุดหนังเสื้อคลุม กางเกง รองเท้า โดยเฉพาะหมวกกันน็อก เน้นเลยว่าหลังขึ้นคร่อมรถจะต้องมีหมวกกันน็อกสวมหัวเสมอ”
นอกจากใช้เพื่องานอดิเรกยามว่าง โอ๊ตยังออกเดทพาคุณน้ำหวานเดินทางในชีวิตประจำวันอีกด้วย “ในเมืองช่วงเวลาเร่งด่วน ถ้าเห็นว่ารถติด ผมจะซิ่ง 2 ล้อ ออกไปแทน 4 ล้อ เพราะมันคล่องตัวกว่ามาก แม้ว่าบางคนมองว่าไม่เหมาะ ด้วยขนาดของตัวรถที่ดูใหญ่ แต่ถ้าได้มาลองขี่จริงจะรู้ว่ามันใหญ่อย่างที่คิด แถมยังปราดเปรียวรวดเร็วอีกต่างหาก”
ปิดท้ายกับคำถามที่ว่า มีเวลาให้กับสาวข้างกายหรือรถคู่ใจมากกว่ากัน โอ๊ตตอบอย่างรวดเร็วตรงใจทั้งคนรักรถและบรรดาชายหนุ่มหลายคน
“ผมว่าถ้าเราชอบสิ่งไหนแล้ว ไม่ต้องไปแบ่งแยกหรอกครับ เก็บไว้ทั้ง 2 อย่างเลยก็ได้ ไม่ยาก แค่พาสาวซ้อนท้ายไปกับคุณน้ำหวาน ได้เที่ยวกับคนรักและขี่รถไปด้วยกัน คงไม่มีอะไรที่ลงตัวไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ความหวานไม่ได้เกี่ยวกับรสที่สัมผัสด้วยลิ้น แต่เป็นเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่สัมผัสได้ด้วยเสียงมากกว่า” โอ๊ตเฉลยที่มาของชื่อ “คุณน้ำหวาน” บิ๊กไบค์คู่ใจล่าสุด Harley Davidson Road King ปี 2010 สีดำเงาวาวที่จอดสงบนิ่งอยู่ข้างกายขณะนำในไปโชว์ที่งาน 2 ล้อคลาสสิก ณ ซีคอนสแควร์
“โดยความชอบส่วนตัวหรือจะเรียกว่าคลั่งไคล้ก็ได้ ผมเชื่อว่าเด็กผู้ชายหลายๆ คนคงมีความใฝ่ฝันใกล้เคียงกันเกี่ยวกับการได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ มันเป็นอิสระที่รู้สึกได้ ยามนั่งอยู่บนเบาะ รับลมแรงปะทะจากธรรมชาติ ด้วยความเร็วในระดับที่ควบคุมได้อย่างปลอดภัย ผมว่ามันเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง เสมือนเป็นเจ้าชายที่อยู่ในราชรถ ดูมีอำนาจ สง่างาม และน่าเกรงขาม ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะขี่ออกไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดเสมอ เฉลี่ยเดือนละกว่า 10 ครั้ง”
ด้านความปลอดภัย กลุ่มเพื่อนที่ขับขี่ร่วมกัน “Har-Prince” มีกฏข้อห้ามประจำกลุ่ม คือ ขณะออกทริปจะงดดื่ม เพราะเน้นความปลอดภัย และใช้ความเร็วประมาณ 140-150 กม./ชม. ซึ่งถือว่ากำลังดีในมุมของการควบคุมรถ ขณะที่ความพร้อมของตัวรถและอุปกรณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ใจไม่แพ้กัน
“นอกจากสติและความไม่ประมาท ในด้านความปลอดภัยอุปกรณป้องกันเป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ตรวจดูสภาพการใช้งานก่อนและหลังทุกครั้ง ทั้งถุงมือ ชุดหนังเสื้อคลุม กางเกง รองเท้า โดยเฉพาะหมวกกันน็อก เน้นเลยว่าหลังขึ้นคร่อมรถจะต้องมีหมวกกันน็อกสวมหัวเสมอ”
นอกจากใช้เพื่องานอดิเรกยามว่าง โอ๊ตยังออกเดทพาคุณน้ำหวานเดินทางในชีวิตประจำวันอีกด้วย “ในเมืองช่วงเวลาเร่งด่วน ถ้าเห็นว่ารถติด ผมจะซิ่ง 2 ล้อ ออกไปแทน 4 ล้อ เพราะมันคล่องตัวกว่ามาก แม้ว่าบางคนมองว่าไม่เหมาะ ด้วยขนาดของตัวรถที่ดูใหญ่ แต่ถ้าได้มาลองขี่จริงจะรู้ว่ามันใหญ่อย่างที่คิด แถมยังปราดเปรียวรวดเร็วอีกต่างหาก”
ปิดท้ายกับคำถามที่ว่า มีเวลาให้กับสาวข้างกายหรือรถคู่ใจมากกว่ากัน โอ๊ตตอบอย่างรวดเร็วตรงใจทั้งคนรักรถและบรรดาชายหนุ่มหลายคน
“ผมว่าถ้าเราชอบสิ่งไหนแล้ว ไม่ต้องไปแบ่งแยกหรอกครับ เก็บไว้ทั้ง 2 อย่างเลยก็ได้ ไม่ยาก แค่พาสาวซ้อนท้ายไปกับคุณน้ำหวาน ได้เที่ยวกับคนรักและขี่รถไปด้วยกัน คงไม่มีอะไรที่ลงตัวไปกว่านี้อีกแล้ว”