ASTV ผู้จัดการรายวัน - “ฮอนด้า” ประกาศใช้แผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่ 3 หัวข้อสำคัญ ครอบคลุมเรื่องผลิตภัณฑ์ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งทุกด้าน และขยายความพึงพอใจสูงสุด หวังยึดตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่รุ่นแรก จากทั้งหมด 12 รุ่นตามแผน “ฮอนด้า เวฟ110ไอ” หวังดันยอดขายปีนี้พุ่ง 1.3 ล้านคัน
นายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทย มียอดขายรวมทุกยี่ห้อ 1.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในส่วนของฮอนด้ามียอดขาย 1.26 ล้านคัน เติบโต 24% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ 68% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดติดต่อกัน 22 ปีซ้อน
“แม้ทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2554 จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.9 ล้านคัน แต่สภาพตลาดและความต้องการของผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำและภาพลักษณ์สินค้า ในปีนี้ฮอนด้าจึงได้เริ่มประกาศใช้แผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่ ตั้งแต่ปี 2554-2556 ด้วยการดำเนินกลยุทธ์สำคัญ 3 หัวข้อ คือ นำเสนอผลิตภัณฑ์เหนือความคาดหมายของตลาด การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน และการขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม”
ทั้งนี้การดำเนินกลยุทธ์ “นำเสนอผลิตภัณฑ์เหนือความคาดหมายของลูกค้า” นั้น ฮอนด้าจะเริ่มความแข็งแกร่งด้านไลน์อัพผลิตภัณฑ์ กับแนวทางการดำเนินงาน 3 ประการ เริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัพปัจจุบัน เพราะผลจากการประกาศปรับเปลี่ยนให้รถทุกรุ่นของฮอนด้าใช้ระบบหัวฉีด PGM-FI ในปีที่ผ่านมา แต่ก็มีรถบางรุ่นที่เคยทำตลาดหายไป เหตุนี้ฮอนด้าจึงวางแผนเติมช่องว่างไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ขาดไป
ในส่วนมาตรการที่สองเป็นการจำหน่ายสินค้าสร้างเทรนด์นั้น จากนี้ไปฮอนด้าจะเป็นผู้สร้างเทรนด์ใหม่ ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FUN รวมถึงกลุ่มรถบิ๊กไบค์ด้วย นอกจากนี้ยังมีมาตรการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ (Potential User) เพราะมองว่ายังมีกลุ่มลูกค้าอีกมากที่ต้องการรถจักรยานยนต์ แต่ไม่สามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้ หากสามารถตอบสนองกลุ่มนี้จะทำให้ขยายตลาดได้อีก ตลอดจนถึงรถคอมมิวเตอร์ที่จะสร้างตลาดใหม่ได้ ซึ่งตามแผนระยะกลาง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2556 ทำให้ฮอนด้าจะแนะนำรถรุ่นใหม่ 12 รุ่นสู่ตลาด
โดยรถจักรยานยนต์รุ่นแรกภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นรถครอบครัว “ฮอนด้า เวฟ110ไอ” (Honda Wave 110i) ใหม่ ที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ในด้านรูปลักษณ์ และฟังก์ชั่นต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น และระบบหัวฉีด PGM-FI ยังให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 57 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ราคารุ่นยอดนิยมประมาณ 3.84 หมื่นบาท และวางเป้าหมายการขายตลอดปีไว้ที่ 5.4 แสนคัน
สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่เหลือ “การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน” คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังที่กล่าวไปแล้ว รวมถึงนำระบบซอฟแวร์มาใช้ เพื่อขยายคุณค่าของแบรนด์ฮอนด้าให้มากที่สุด โดยมีกลุ่มวัยรุ่นเป็นเป้าหมายพิเศษ และกลยุทธ์ “การขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม” คือการเพิ่มจำนวนร้านค้าในทุกรูปแบบอย่างรวดเร็วเป็น 1,300 แห่ง ภายในปี 2556 ตลอดจนเน้นทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับร้านค้าในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยปี 2554 ที่เป็นปีแรกของแผน3ปีซึ่ง คาดว่าจะทำให้มียอดขายเป็น 1.3 ล้านคัน
นายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทย มียอดขายรวมทุกยี่ห้อ 1.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในส่วนของฮอนด้ามียอดขาย 1.26 ล้านคัน เติบโต 24% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ 68% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดติดต่อกัน 22 ปีซ้อน
“แม้ทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2554 จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.9 ล้านคัน แต่สภาพตลาดและความต้องการของผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำและภาพลักษณ์สินค้า ในปีนี้ฮอนด้าจึงได้เริ่มประกาศใช้แผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่ ตั้งแต่ปี 2554-2556 ด้วยการดำเนินกลยุทธ์สำคัญ 3 หัวข้อ คือ นำเสนอผลิตภัณฑ์เหนือความคาดหมายของตลาด การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน และการขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม”
ทั้งนี้การดำเนินกลยุทธ์ “นำเสนอผลิตภัณฑ์เหนือความคาดหมายของลูกค้า” นั้น ฮอนด้าจะเริ่มความแข็งแกร่งด้านไลน์อัพผลิตภัณฑ์ กับแนวทางการดำเนินงาน 3 ประการ เริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัพปัจจุบัน เพราะผลจากการประกาศปรับเปลี่ยนให้รถทุกรุ่นของฮอนด้าใช้ระบบหัวฉีด PGM-FI ในปีที่ผ่านมา แต่ก็มีรถบางรุ่นที่เคยทำตลาดหายไป เหตุนี้ฮอนด้าจึงวางแผนเติมช่องว่างไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ขาดไป
ในส่วนมาตรการที่สองเป็นการจำหน่ายสินค้าสร้างเทรนด์นั้น จากนี้ไปฮอนด้าจะเป็นผู้สร้างเทรนด์ใหม่ ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FUN รวมถึงกลุ่มรถบิ๊กไบค์ด้วย นอกจากนี้ยังมีมาตรการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ (Potential User) เพราะมองว่ายังมีกลุ่มลูกค้าอีกมากที่ต้องการรถจักรยานยนต์ แต่ไม่สามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้ หากสามารถตอบสนองกลุ่มนี้จะทำให้ขยายตลาดได้อีก ตลอดจนถึงรถคอมมิวเตอร์ที่จะสร้างตลาดใหม่ได้ ซึ่งตามแผนระยะกลาง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2556 ทำให้ฮอนด้าจะแนะนำรถรุ่นใหม่ 12 รุ่นสู่ตลาด
โดยรถจักรยานยนต์รุ่นแรกภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นรถครอบครัว “ฮอนด้า เวฟ110ไอ” (Honda Wave 110i) ใหม่ ที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ในด้านรูปลักษณ์ และฟังก์ชั่นต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น และระบบหัวฉีด PGM-FI ยังให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 57 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ราคารุ่นยอดนิยมประมาณ 3.84 หมื่นบาท และวางเป้าหมายการขายตลอดปีไว้ที่ 5.4 แสนคัน
สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่เหลือ “การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน” คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังที่กล่าวไปแล้ว รวมถึงนำระบบซอฟแวร์มาใช้ เพื่อขยายคุณค่าของแบรนด์ฮอนด้าให้มากที่สุด โดยมีกลุ่มวัยรุ่นเป็นเป้าหมายพิเศษ และกลยุทธ์ “การขยายความพึงพอใจสูงสุดของผู้ใช้และสังคม” คือการเพิ่มจำนวนร้านค้าในทุกรูปแบบอย่างรวดเร็วเป็น 1,300 แห่ง ภายในปี 2556 ตลอดจนเน้นทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับร้านค้าในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยปี 2554 ที่เป็นปีแรกของแผน3ปีซึ่ง คาดว่าจะทำให้มียอดขายเป็น 1.3 ล้านคัน