นับจากการแจ้งเกิดรถยนต์พลังไฟฟ้า และพวกพลังไฟฟ้าแบบเพิ่มระยะทางวิ่งออกมา กระแสของรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ก็แทบจะเงียบหายไปเลย จนกระทั่งฮุนไดนำสปอร์ตซีดานต้นแบบรุ่นใหม่อย่าง Blue2 มาเปิดตัว พร้อมกับใช้เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงในการสร้างกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน
อย่างที่ทราบกันดี หลังจากที่ตลาดรถยนต์ไฮบริดเริ่มมีการขยายตัว ทั้งฮอนด้าและโตโยต้าต่างก็แข่งขันกันเป็นผู้นำในตลาดพลังงานทางเลือกใหม่อย่างเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell โดยพร้อมใจกันเปิดตัวรถยนต์ประเภทนี้คันแรกออกมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2002
แต่สุดท้ายแล้วด้วยความยุ่งยากของการใช้งาน โดยเฉพาะการที่จะต้องหาสถานีเติมไฮโดรเจนเพื่อใช้ในการทำปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจนในแผงเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า ประกอบกับการกลับมาแจ้งเกิดของรถยนต์พลังไฟฟ้าพันธุ์แท้ที่เสียบปลั๊กชาร์จกับไฟบ้านได้ ก็เลยทำให้กระแสของรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงเริ่มได้รับความสนใจน้อยลง โดยที่มีทำตลาดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็มีแค่ฮอนด้า และเมอร์เซเดส-เบนซ์
จนหลายคนมองว่า ด้วยข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับกับการใช้งาน ทำให้รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง ไม่น่าจะสามารถแจ้งเกิดในตลาดเชิงพาณิชย์ได้เหมือนกับที่เคยคาดหวังกันเอาไว้ก่อนหน้านี้
แต่ตรงนี้ก็ไม่ได้หยุดให้ฮุนไดหยุดที่จะพัฒนาระบบเซลล์เชื้อเพลิงของตัวเองซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 2000 และ Blue2 ถือเป็นรถยนต์แบบ FCEV ขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุดจากความพยายามของฮุนได ซึ่งตัวรถมีรหัสการพัฒนาว่า HND-6 ส่วนชื่อรุ่นที่ใช้ในการจัดแสดงเป็นการผสมผสานคำระหว่าง Blue Drive ซึ่งเป็นชื่อเวอร์ชันของรถยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบวกกับเลข 2 ที่มาจากคำว่า H2 หรือก๊าซไฮโดรเจนนั่นเอง
หน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน คือ แผงเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FC Stack ขนาด 90 กิโลวัตต์ หรือ 1.65 กิโลวัตต์/ลิตรที่ได้รับการพัฒนาให้มีความประหยัดเช่นเดียวกับสมรรถนะในการขับเคลื่อนซึ่งจะต้องฉุดลากตัวถังแบบซีดานขนาดกลางให้สามารถพุ่งไปข้างหน้า โดยในด้านความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น ทางฮุนได้บอกว่าอยู่ในระดับ 34.9 กิโลเมตร/ลิตร
นอกจากความยอดเยี่ยมของระบบแล้ว การใช้ชิ้นส่วนที่ลดน้ำหนัก และรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตภายใต้คอนเซ็ปต์ของงานออกแบบที่เน้นความสวยสปอร์ตและเพรียวลมอย่าง Intersected Flow บวกกับการใช้งานแบบประหยัดน้ำมันที่ลดแรงต้านทานการหมุน ล้วนมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างมาก
ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็มีการออกแบบได้อย่างล้ำสมัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ของการแสดงข้อมูลผ่านทางหน้าจอที่เรียกว่า Transparent Organic Light Emitting Diode (TOLED) มาใช้ร่วมกับแผ่นกระจกแบบใหม่ที่มีน้ำหนักเบาและให้ความชัดเจนในการแสดงผลซึ่งเรียกว่า Gorilla Glass ทำให้การรับทราบข้อมูลของตัวรถมีความแม่นยำและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถือเป็นต้นแบบที่มาพร้อมกับความล้าสมัยของงานออกแบบ และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้
