เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 เมื่อวันพฤหัสบดี (7) หลังไอเอ็มเอฟเตือนอุปสงค์แซงหน้าการเติบโตของอุปทานพลังงานโลก ขณะที่วอลล์สตรีทถูกฉุดให้กลับมาปิดในแดนลบเล็กน้อย ตามหลังเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.4 ในญี่ปุ่นก่อความกังวลต่อวิกฤตนิวเคลียร์ที่ยังไม่คลี่คลาย
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานขึ้นไปถึง 110.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 37 เซ็นต์ ปิดที่ 112.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กข้ามผ่านระดับจิตวิทยา 110 ดอลลาร์ หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าอุปทานทางพลังงานกำลังค่อยๆ ถดถอยลงขณะที่อุปสงค์กลับเร่งอัตราขึ้นเรื่อยๆ บ่งชี้ว่าราคาน้ำมันน่าจะสูงลิ่วต่อไปในระยะยาว
“ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าตลาดพลังงานโลกเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งขาดแคลนมากขึ้น” รายงานของไอเอ็มเอฟต่อเศรษฐกิจโลกระบุ “ถ้ามีความตึงเครียดรุนแรง ไม่ว่าจากทั้งอุปสงค์ที่สูงขึ้น ปัญหาความวุ่นวายทางอุปทานหรือความสามารถในการผลิตเสื่อมถอยลง แน่นอนว่าราคาน้ำมันในตลาดอาจพุ่งขึ้นในระดับเดียวกับช่วงระหว่างปี 2007-2008”
ด้าน วอลล์สตรีท วานนี้ (7) แกว่งตัวกลับมาปิดในแดนลบ หลังแผ่นดินไหวรุงแรงในญี่ปุ่นก่อความกังวลต่อวิกฤตนิวเคลียร์ แม้มีข่าวดีบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงของอเมริกา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับตัวขึ้นไปอยู่ในแดนบวก จากปัจจัยหนุนของยอดจำหน่ายของบริษัทค้าปลีกในเดือนมีนาคมที่ดีเกินความคาดหมาย อันเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวที่มั่นคงของเศรษฐกิจ ทว่าเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ได้ก่อความวิตกแก่นักลงทุน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 17.71 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,409.04 แนสแดค ลดลง 3.68 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,796.14 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.09 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,333.45 จุด