xs
xsm
sm
md
lg

AAS จัดชุดใหญ่ลุยรถหรู-ชิงสิทธิ์ขายโรลส์รอยซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ-ค่ายเอเอเอส เดินหน้ารุกตลาดรถหรู-สปอร์ต จัดชุดใหญ่ให้ลูกค้าเลือกทั้ง 3 แบรนด์ ปอร์เช่, เบนท์ลีย์ และจากัวร์ โดยเฉพาะ ปอร์เช่ ที่รถเอสยูวีไฮบริดรุ่นคาเยนน์กำลังมาแรง จึงฉวยจังหวะตีเหล็กกำลังร้อน เปิดรับจองสปอร์ตซีดาน ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต่างประเทศทันที หวังเบรกเกมเกรย์มาร์เก็ต และเร่งคิวผลิตให้ลูกค้ารับรถเร็วขึ้น โดยเคาะราคา 9.6 ล้านบาท แต่หากลูกค้าที่ชื่นหรูแบบหนักแน่น ยังมีเบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต มาให้เศรษฐีกระเป๋าหนักได้สัมผัสตัวเป็นๆ ครั้งแรก ก่อนควักเงิน 25.3 ล้านบาทถอยไปเป็นเจ้าของ หรือผู้ที่ต้องการซีดานหรู จากัวร์ เอ็กซ์เจ มีทางเลือกใหม่ กับเครื่องยนต์ดีเซลครั้งแรกในไทย V6 ขนาด 3000 ซีซี 275 แรงม้า ในราคา 12.2 ล้านบาท แต่เท่านี้ไม่พอเอเอเอสยังต้องการครอบครองความหรูให้ครบทุกทางเลือก จึงยื่นขอสิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ โรลส์รอยซ์ ที่ว่างเว้นผู้แทนในไทยมานานหลายปี แข่งกับมิลเลนเนียม ออโต้ ดีลเลอร์รายใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ คาดตัดสินชะตาภายใน 1-2 เดือนนี้
พานาเมร่า เอส ไฮบริด เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู เป็นรถหรูหราก็จริง แต่ก็เป็นความหรูหราที่ยังเห็นได้ทั่วไป ซึ่งหากต้องความแตกต่างและยกระดับขึ้นไปหน่อย คงต้องเลือกแบรนด์จากัวร์ หรือชอบออกแนวสปอร์ตก็ต้องเป็น ปอร์เช่ และถ้าจะเอาแบบหรูสุดๆ ย่อมต้องเป็น เบนท์ลีย์ หรือไม่ก็ โรลส์รอยซ์

โดยทุกแบรนด์ล้วนอยู่ภายใต้ธุรกิจของตระกูลอินทรภูวศักดิ์ ที่เรียกกันทั่วไปกลุ่มเอเอเอส(AAS) เพราะบริษัท เอเอเอส โอโตเซอร์วิส จำกัด นั้นดูแลแบรนด์ส่วนใหญ่ ปอร์เช่และเบนท์ลีย์ ขณะที่จากัวร์ตั้งอีกบริษัท จากัวร์ คาร์ส(ประเทศไทย) จำกัด ดูแล ส่วนโรลส์รอยซ์แม้เอเอเอสจะไม่ได้ถือสิทธิ์จำหน่ายในไทย แต่ช่วงที่ยังไม่มีการแต่งตั้งใคร ในฐานะที่เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายมาก่อน จึงรับหน้าเสื่อดูแลการบริการ พร้อมรับสั่งจองและนำเข้ารถให้กับเศรษฐีไทยไปพลางๆ ก่อน ซึ่งแน่นอนว่าตลาดระดับนี้ย่อมไม่ใหญ่โตมากนัก จึงไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมากมายนัก แต่ในปีกระต่ายตื่นตูมเอเอเอสก็ยังเดินหน้ารุกตลาด จัดชุดใหญ่เอาใจเศรษฐีกระเป๋าหนักชาวไทยเช่นกัน

เริ่มกันที่ปอร์เช่ ปัจจุบันดูเหมือนสินค้าหลัก จะไม่ใช่รถสปอร์ตเสียแล้ว หลังจากปลายปีที่ผ่านมารถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีรุ่น คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก และในไทย ณ ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อรถรุ่นนี้มากกว่า 60 คัน ถึงจะต้องรอนาน 6-10 เดือนก็ตาม จนบางรายทนรอไม่ไหวหนีไปซื้อกับผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตแทน แต่การเป็นผู้ถือสิทธิ์ขายตรง และโดยเฉพาะการบริการหลังการขาย ที่รับประกันถึง 9 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ยังทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่มั่นใจ และยอมที่จะรอซื้อรถจากเอเอเอสมากกว่า
การันตีความประหยัดที่สุดตั้งแต่เคยมีมา สำหรับแบรนด์ปอร์เช่
จากความร้อนแรงของเอสยูวีรุ่นคาเยนน์ เอส ไฮบริด ทำให้ปอร์เช่เดินหน้าลุยรถไฮบริดต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการเปิดตัวสปอร์ตซีดาน ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮเบริด ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา และไทยก็รับลูกความร้อนแรงทันทีเช่นกัน โดยเปิดให้เศรษฐีไทยสั่งจองพานาเมร่า เอส ไฮบริด ในราคาเคาะออกมาแล้วที่ 9.6 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ที่ราคากว่า 10 ล้านบาทนิดๆ

การที่ปอร์เช่รุ่นไฮบริดราคาต่ำกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ เพราะการสนับสนุนรถยนต์พลังงานทดแทนของภาครัฐ ทำให้เสียภาษีสรรพสามิตในอัตราเพียง 10% ซึ่งจากราคาที่ต่ำกว่าแต่เทคโนโลยีล้ำสมัย อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงทำให้รถไฮบริดของปอร์เช่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยพานาเมร่า เอส ไฮบริด กำหนดการผลิตจะเริ่มช่วงกลางปี หรือประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากเช่นกัน

เหตุนี้ทางเอเอเอสจึงรีบเปิดรับจองปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริดทันที เพื่อให้ลูกค้าในไทยได้รับรถเร็วขึ้น และยังเป็นการเบรกเกมของเกรย์มาร์เก็ตได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งแน่นอนจากความร้อนแรงของรถไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นคาเยนน์และพานาเมเร่า ทำให้ทางเอเอเอสคาดว่ายอดขายปีนี้จะพุ่งทะลุ 100 คัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 80 คัน
เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต
ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส ไฮบริด วางเครื่องยนต์เบนซินวี6 แบบ 3,000 ซีซี 333 แรงม้า เป็นต้นกำลังหลักทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 47 แรงม้า โดยมีแบตเตอรี่แบบนิเกลเมทัลไฮดราย (NiMh) ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้า ทำให้มีขุมพลังรวมสูงสุดถึง 380 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 270 กม./ชม. และเฉพาะเครื่องยนต์ที่ทำงานโดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว สามารถวิ่งได้ยาวประมาณ 2 กม. หรือวิ่งได้จนถึงอัตราความเร็วที่ 85 กม./ชม. ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่
เครื่องยนต์ไฮบริดของปอร์เช่คือระบบเดียวในโลก ที่สามารถใช้ประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบ "Sailing" ที่ใช้ขับเคลื่อนบนมอเตอร์เวย์และถนนสายหลัก จะตัดการทำงานและปิดหน่วยขับเคลื่อน powertrain เมื่อความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 165 กม./ชม.
เป็นเจ้าของได้ในราคา 25.3 ล้านบาท
ทั้งนี้อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.8 ลิตร/100 กม. (ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC) และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อย C02 เพียง 159 กรัม/กม. จากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม จึงทำให้ปอร์เช่รุ่นนี้กลายเป็นรุ่นที่ประหยัดที่สุด สำหรับแบรนด์ปอร์เช่ตั้งแต่เคยมีมา
แต่หากใครที่ต้องการความหรูหราแบบหนักแน่นและภูมิฐาน แต่ยังคงความแรงแบบสุดๆ เอเอเอสยังมีทางเลือกกับ เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต ที่แม้จะเปิดตัวในต่างประเทศมาได้เป็นปีแล้ว แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เศรษฐีไทยจะได้สัมผัสคันจริง ก่อนที่จะควักกระเป๋า 25.3 ล้านบาทถอยมาเป็นเจ้าของ เพราะเอเอเอสได้นำเข้ามาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายเดือนมีนาคมนี้ ที่เมืองทองธานี
จากัวร์ เอ็กซ์เจ
เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล ซูเปอร์สปอร์ต เป็นรถจากโรงงานของเบนท์ลีย์ ที่มีกำลังสูงสุดมากที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ด้วยขุมกำลังจากเครื่องยนต์ W12 ขนาด 6000 ซีซี 630 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 81.5 กก.-ม. ที่ 1,700-6,500 รอบต่อนาที ใช้เวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้นในการแล่นจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 8.9 วินาที เมื่อทะยานขึ้นสู่ย่านความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่ความเร็วปลายอยู่ในระดับ 329 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อนของซูเปอร์สปอร์ต เป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลา ที่มีการกระจายกำลังจากเครื่องยนต์สู่เพลาหน้าและหลังในอัตราส่วน 40:60% ส่วนเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ เป็นรุ่นใหม่จาก ZF ซึ่งมีการอัตราการเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละตำแหน่งฉับไวขึ้น จากรุ่นเดิมถึง 50% แถมยังมีน้ำหนักตัวเบากว่ารุ่นสปีด ที่เคยครองความสถิติม้าฝูงโตสุดในรถเบนท์ลีย์ถึง 110 กิโลกรัม
สำหรับแบรนด์ จากัวร์ มีทางเลือกใหม่ให้กับเศรษฐีไทยเช่นกัน นั่นก็คือซีดานหรู จากัวร์ เอ็กซ์เจ แต่เห็นชื่อแล้วอาจจะงงว่ามันใหม่ตรงไหน เพราะเมืองไทยก็ทำตลาดรถรุ่นนี้อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนที่บอกว่าเป็นทางเลือกใหม่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จากัวร์นำเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทำตลาดในไทย และเปิดราคาออกมา 12.2 ล้านบาท(รุ่นฐานล้อยาว)
ครั้งแรกที่จากัวร์นำเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทำตลาดในไทย
จากัวร์ เอ็กซ์เจ เครื่องยนต์ดีเซล นับเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ต้องความแรงระดับ 385 แรงม้า ในเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5200 ซีซี แต่เครื่องเทอร์โบดีเซล V6 รหัส AJ-V6D GEN III ขนาด 3000 ซีซี 275 แรงม้า ก็ให้ความแรงได้มากทีเดียว โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6.4 วินาที และยังมีการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในระดับ 184 กรัม ต่อการใช้งาน 1 กิโลเมตร ส่วนความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 16.25 กิโลเมตร/ลิตร โดยขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดการเปลี่ยนเกียร์แบบซีเควนเชียล สู่การขับเคลื่อนแบบล้อหลัง

เรียกว่าครบครันความหรูให้เลือกกันเลยทีเดียว แต่เอเอเอสไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะล่าสุดทาง โรลส์รอยซ์ ต้องการหาผู้แทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากปล่อยให้ว่างมานานหลายปี แม้จะไม่ถึงกับทิ้งไปทีเดียว เพราะได้ให้ทางเอเอเอสเป็นผู้ประสานงานด้านการขาย พร้อมกับดูแลด้านบริการหลังการขายไปพลางๆ ในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นอดีตผู้แทนจำหน่าย ก่อนจะมีการเปลี่ยนไปอยู่ในมือกลุ่มยนตรกิจ และที่สุดก็ไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนมาจนถึงปัจจุบัน
 
ดังนั้นเมื่อโรลส์รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส์ ต้องการแต่งตั้งผู้แทนในไทยอย่างเป็นทางการ และมีผู้เสนอขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว โดยตามรายงานข่าว มิลเลนเนียม ออโต้ ดีลเลอร์รายใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ เป็นผู้ยื่นขอถือสิทธิ์การขายโรลส์รอยซ์ในไทย ซึ่งทางโรลส์รอยซ์ฯ ก็รับพิจารณา แต่ได้แจ้งมาทางเอเอเอสว่า ยังสนใจจะเป็นผู้แทนจำหน่ายอยู่หรือไม่?
แน่นอนในฐานะของผู้ที่เคยทำตลาดมาก่อน และยังมีความพร้อมในเรื่องของการบริการ ทางเอเอเอสจากตัดสินใจยื่นขอสิทธ์การขายโรลส์รอยซ์ในไทยอีกราย ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้น่าจะรู้ว่า โรลส์รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จะเลือกใครเป็นผู้แทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ?!

แต่ที่แน่ๆ หากเศรษฐีไทยกระเป๋าหนัก หรือประชาชนทั่วไป ที่ชื่นชอบ... ปอร์เช่, เบนท์ลีย์ และจากัวร์ เชิญไปสัมผัสได้ครบทั้ง 3 แบรนด์ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ณ เวทีใหม่อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ปลายเดือนมีนาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น