xs
xsm
sm
md
lg

รถหรูวินเทจคึก"มิทสึโอกะ"-"มอร์แกน"รุกตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลาสสิคคาร์ หรือรถสไตล์วินเทจในไทยคึกคัก เมื่อ “มิทสึโอกะ” ตัดสินใจยึดไทยเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อขึ้นไลน์ประกอบ “มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ” ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เคาะราคา 3.75 ล้านบาท และ “มิทสึโอกะ กาลู โฟร์” โฉมใหม่ที่จะมาแทนรุ่นปัจจุบัน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น เครื่องยนต์ 2.5 และ 2.0 ลิตร กำหนดเปิดตัวในไทยครั้งแรก ที่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายเดือนมีนาคมนี้ และยังเล็งนำเข้า “มิทสึโอกะ วิวท์” มาเสริมทัพอีกรุ่น พร้อมสร้างความมั่นใจและรุกตลาดจังหวัด เตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการหัวเมืองใหญ่ 2-3 แห่ง มั่นใจปีกระต่ายดันยอดขายเพิ่มเป็น 35 คัน แต่งานนี้ต้องเจอศึกหนัก จากการรุกของค่าย “คุณค่า คอร์ปอเรชั่น” ที่เตรียมนำเข้ารถยนต์ “มอร์แกน” เจ้าตำรับรถสไตล์วินเทจจากอังกฤษมาชิงยอดขาย เปิดราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป และปีแรกได้โควต้ามาประเดิม 50 คัน สำหรับเอาใจเศรษฐีไทยที่ชื่นชอบรถสไตล์ย้อนยุคจากเมืองผู้ดีแท้ๆ
“มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ”
ตลาดรถไทยแม้จะไม่ใหญ่โตมากมาย แต่ก็เป็นตลาดเปิดกว้างและให้โอกาสกับทุกยี่ห้อ ดังนั้นจะเห็นรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ และประเภทต่างๆ ตั้งแต่รถราคาประหยัดจากภูมิภาคเอเชียด้วยกัน ไปจนถึงรถสปอร์ตและรถยนต์หรูหราจากฝั่งตะวันตก หรือรถที่ออกแบบเช่นเดียวกับรถแข่งฟอร์มูลาร์วัน(F1) ต่างก็แห่เข้ามาทำตลาดในไทย รวมถึงรถคลาสสิคต่างๆ แนวย้อนยุค หรือรถสไตล์วินเทจ(Vintage Car) อย่างค่าย “มิทสึโอกะ” (Mitsuoka) จากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามายืนหยัดเปิดตลาดในไทยได้ร่วม 3 ปีแล้ว และล่าสุดตลาดรถสไตล์วินเทจดูเหมือนจะคึกคักมากขึ้น เมื่อยี่ห้อใหม่ๆ เห็นช่องเตรียมเข้ามาแย่งชิงยอดขายเช่นกัน

ทั้งนี้ “มิทสึโอกะ” ไม่เพียงเข้ามาทำตลาดในไทย แต่เมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา มิทสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ผลิตรถยนต์คลาสสิคหรู รถซูเปอร์คาร์ และไมโครคาร์ ได้ตัดสินใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก โดยร่วมลงทุนกับ “ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น” หรือยนตรกิจ คอร์ป ผู้จำหน่ายรถยนต์หลายยี่ห้อในไทย อย่างรถยนต์เกีย และออดี้ เป็นต้น เพื่อขึ้นไลน์ประกอบรถมิทสึโอกะ ที่โรงงานประกอบรถยนต์ยนตรกิจอุตสาหกรรม (YKI) ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือยนตรกิจคอร์ป

โดยตามแผนการประกอบรถยนต์มิทสึโอกะในไทย จะเริ่มตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป เบื้องต้นจะประกอบด้วยกัน 2 รุ่น คือ มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ (Mitsuoka) รถสปอร์ตคลาสสิคสไตล์โมเดิร์น และ มิทสึโอกะ กาลู โฟร์(Mitsuoka Galue IV) รถคลาสสิคซีดานหรูที่จะมาแทนรุ่นกาลูปัจจุบัน ด้วยกำลังการผลิตปีแรกอยู่ที่ 200 คัน และจะเพิ่มเป็น 300 คันในปี 2555 เพื่อรองรับตลาดส่งออก 90% และอีก 10% ขายในประเทศไทย

มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ เพิ่งเผยโฉมและเปิดรับจองครั้งแรก ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ที่ผ่านมา เคาะราคาขาย 3.75 ล้านบาท และขณะนี้ได้ขึ้นไลน์ประกอบในไทยเรียบร้อย กำลังอยู่ในช่วงทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ คาดว่าในเดือนมีนาคมนี้จะสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้

โดยมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ เป็นรถสปอร์ตคลาสสิคที่นำแนวคิดการออกแบบมาจากเกียรติยศ และรัศมีแห่งความสง่างามของเจ้าหญิงญี่ปุ่นในอดีต มาถ่ายทอดเป็นรถสปอร์ตคลาสสิคสไตล์โมเดิร์น จึงเป็นยนตรกรรมที่งดงามและน่าหลงไหล ซึ่งรุ่นฮิมิโกะวางเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่นำมาจากมาสด้า เอ็กซ์-5 และได้มีการปรับปรุงสมรรถนะให้เหมาะสม มีกำลังสูงสุด 166 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
“มิทสึโอกะ วิวท์”

ในส่วน “มิทสึโอกะ กาลู โฟร์” รถยนต์ซีดานหรูโฉมใหม่ ที่จะมาแทนรุ่นกาลูในปัจจุบัน ขณะนี้กำลังขึ้นไลน์ประกอบในไทยเช่นกัน โดยจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ที่อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งแนวคิดในการออกแบบยังคงความหรูหราสง่างาม ในรูปทรงคลาสสิคสไตล์ยุโรป ขณะที่ขุมพลังขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ของนิสสันเช่นเดิม มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.5 และ 2.0 ลิตร โดยราคาสูงสุดน่าจะไม่เกิน 4 ล้านบาท

นอกจากนี้มิทสึโอกะในประเทศไทย ยังเตรียมจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทำตลาดมากขึ้น โดยสนใจที่จะนำเข้ารถรุ่นใหม่ “มิทสึโอกะ วิวท์” (Mitsuoka Viewt) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์จากัวร์ในการออกแบบ และหากนำเข้ามาน่าจะเปิดตัวในช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายเดือนมีนาคมนี้

ปัจจุบันในประเทศไทยจำหน่ายรถยนต์มิทสึโอกะ 4 รุ่น คือ มิตซูบิชิ กาลู 250 (Galue III) เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ราคา 3.85 ล้านบาท, มิทสึโอกะ กาลู ลีมูซีน ที่เพิ่มความยาวของตัวรถจากรุ่นกาลู 250 อีก 50 เซนติเมตร มีให้เลือก 2 รุ่น เป็นรุ่นกาลู ลิมีซีน 250 (2.5L) ราคา 5.89 ล้านบาท และรุ่นกาลู ลีมูซีน 350(3.5L) ราคา 6.98 ล้านบาท และยังมีรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ มิทสึโอกะ โอโรชิ(Mitsuoka Orochi) มาจากชื่ออสรพิษยักษ์ในตำนานโบราณของญี่ปุ่น วางเครื่องยนต์ 3.3 ลิตร ราคา 11.7 ล้านบาท ส่วนอีกรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไป มิทสึโอกะ ฮิมิโกะ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ราคา 3.75 ล้านบาท

สำหรับปัจจุบันมิทสึโอกะมีโชว์รูมและศูนย์บริการอยู่ที่ถนนพระราม 9 ซึ่งในปี 2554 นี้ มิทสึโอกะในประเทศไทย เตรียมจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นตามจังหวัดที่สำคัญอีก 2-3 แห่ง โดยมุ่งขยายเครือข่ายจะเน้นเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดหลักของแต่ละภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
จากการเปิดตัวรถใหม่ 2-3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นมิทสึโอกะ ฮิมิโกะ, มิทสึโอกะ กาลู โฉมใหม่ และรุ่นวิวท์ในเร็วๆ นี้ ประกอบกับแผนการขยายเครือข่ายการขายมากขึ้นในปีนี้ ทำให้มิทสึโอกะในไทยวางเป้าหมายการขายตลอดทั้งปี 35 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 20 คัน
มอร์แกน แอโรซูเปอร์สปอร์ต
อย่างไรก็ตาม ในปีกระต่ายตื่นตูมมิทสึโอกะต้องเจอกับศึกหนัก เมื่อเจ้าตำรับรถคลาสสิคสไตล์วินเทจจากอังกฤษ “มอร์แกน” (Morgan) จะเข้ามาทำตลาดในไทยเช่นกัน…

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ที่สร้างความฮือฮาให้กับตลาดรถเมืองไทย ไม่ว่าจะนำเข้ารถฉีกแนว “แคน-แอม สไปเดอร์” (CAN-AM Spider) บิ๊กไบค์ 3 ล้อ และรถสปอร์ตสไตล์รถแข่งฟอร์มูลาวัน “เคทีเอ็ม” (KTM) มาจำหน่ายในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดยังเดินหน้าบุกตลาดรถไทย เตรียมนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อ “มอร์แกน” มาทำตลาดเพิ่มอีกแบรนด์

สำหรับ “มอร์แกน” เป็นรถยนต์คลาสสิคจากประเทศอังกฤษแท้ๆ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยการออกแบบได้ยึดรูปทรงของรถวินเทจอันโด่งดังของอังกฤษ เพื่อตอบสนองผู้ชื่นชอบรถยนต์รูปลักษณ์ย้อนยุคในช่วงปี ค.ศ. 1919-1960 และเป็นรถทำมือ หรือแฮนด์เมดทั้งคัน เช่นเดียวกับมิทสึโอกะ
มอร์แกน แอโรแมกซ์
ตามรายงานข่าวกลุ่มคุณค่าคอร์ปอเรชั่น จะนำรถยนต์มอร์แกนเข้ามาทำตลาดในระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป โดยได้รับโควต้าปีแรกจำนวน 50 คัน เบื้องต้นจะมีการนำรถเข้ามาสต็อกไว้ให้กับลูกค้าประมาณ 5-6 คัน และหากลูกค้าต้องการให้บริษัทแม่ผลิตรถตามความต้องการ จะรอรับรถประมาณ 6 เดือน เพราะเป็นรถที่ผลิตแบบแฮนด์เมดทั้งคัน

ดังนั้นการที่ “มอร์แกน” รถสไตล์วินเทจจากอังกฤษแท้ๆ เข้ามาบุกตลาดไทย ย่อมต้องส่งผลสะเทือนกับ “มิทสึโอกะ” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถคลาสสิคหรูของอังกฤษในช่วงปี 1950-1960 แต่เรื่องนี้มิทสึโอกะยืนยันไม่ส่งผลกระทบแน่นอน เพราะมอร์แกนบุคคลิคลักษณะการขับขี่เป็นแนวยุโรป ขณะที่มิทสึโอกะเป็นเทคโนโลยีญี่ปุ่นอันคุ้นเคยของคนไทย จึงขับขี่ง่ายและสะดวก น่าจะเหมาะสมกับคนไทยมากกว่า

นั่นเป็นการประเมินจากผู้จำหน่าย แต่ผู้ตัดสินย่อมอยู่ที่ลูกค้าเป็นหลัก และคงได้รู้กันว่า… คนไทยจะเลือกหรูแบบผู้ดีแต่กำเนิด หรือรถเลือดเนื้อตะวันออก ที่ได้ขัดเกลาให้เป็นแบบอังกฤษ?!
กำลังโหลดความคิดเห็น