ค่าย “นิชคาร์” เดินหน้าบุกตลาดซูเปอร์คาร์ในไทย ยกทัพรถโมเดลใหม่แบรนด์ในมือ “ลัมบอร์กินี” และ “โลตัส” บุกตั้งแต่หัวปี ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้ ประเดิมกับ 2 รุ่นใหม่ของแบรนด์โลตัส รถสปอร์ตจากเมืองผู้ดีอังกฤษ “Elise sc” และ “Exige cup 260” จากนั้นในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 เตรียมนำ “GT4 อีโวลา” ในสไตล์รถแข่งมาจับกระแสรถแข่ง “เอฟ1” ที่กำลังมาแรงในไทย เผยมีลูกค้าสั่งจองแล้ว 1 คัน ราคาประมาณ 13 ล้านบาท จากนั้นช่วงเดือนพฤษภาคม พบกับรถโมเดลใหม่ในไลน์ผลิตของ “ลัมบอร์กินี” ที่จะเผยโฉมอย่างเป็นทางการในตลาดโลก ที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนมีนาคมนี้ และเศรษฐีไทยที่ชื่นชอบความแรงระดับ 0-100 ภายใน 2.9 วินาที ปีนี้มีโอกาสเป็นเจ้าของเพียง 11 คันเท่านั้น
ได้รับการตอบรับจากชาวไทยอย่างมาก กับการที่ค่าย “กระทิงแดง” นำนักขับและรถแข่งจากทีมแชมป์ฟอร์มูล่าวัน หรือเอฟ1(F1) มาให้ชาวไทยได้ชมรถและการขับอย่างใกล้ชิด จนนำมาซึ่งไอเดียที่จะผลักดันให้มีการแข่งขันเอฟ1 ในประเทศไทยต่อไป แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่? การดำเนินการดังกล่าวได้ทำให้ตลาดซูเปอร์คาร์คึกคักอย่างยิ่ง โดยในเมืองไทยนอกจาก “เฟอรารี” ค่ายรถม้าป่าลำพองที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีแบรนด์ซูเปอร์คาร์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชื่นชอบความเร็วพอสมควรเช่นกัน นั่นก็คือ “ลัมบอร์กินี” และ “โลตัส” ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท นิชคาร์ จำกัด…
“นิชคาร์ประสบความสำเร็จในด้านขายที่เติบโตขึ้นทุกปี และเราต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งขณะนี้มีโปรดักต์ที่นำเข้าอย่างเป็นทางการ หรือเป็นผู้แทนจำหน่ายโดยตรง คือ ลัมบอร์กินีซูเปอร์คาร์จากอิตาลี และโลตัสจากประเทศอังกฤษ รวมถึงออฟโรดใหญ่ฮัมเมอร์ และชุดแต่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลอเรนเซอร์”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “วิทวัส ชินบารมี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ จำกัด เปิดเผยกับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” และบอกว่า ในปีนี้คาดการณ์แนวโน้มความต้องการของลูกค้าจะเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้นทุกปี
“เราต้องการพัฒนายอดจำหน่ายให้สูงขึ้นต่อไป โดยเตรียมเปิดตัวรถสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ลัมบอร์กินี และโลตัส ขณะที่ออฟโรดฮัมเมอร์ตอนนี้บริษัทแม่ที่อเมริกาเลิกผลิตไปแล้ว คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร”
ส่วนชุดแต่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลอเรนเซอร์ วิทวัสบอกว่าช่วงนี้จะยังไม่มีการทำตลาดมากนัก เพราะต้องการรอให้โชว์รูมแห่งใหม่บนถนนมอเตอร์เวย์ ที่กำลังก่อสร้างให้แล้วเสร็จเสียก่อน เพราะปัจจุบันพื้นที่ใช้สอยไม่พอสำหรับรถด้วยซ้ำ
ประเดิมปีกระต่ายเปิดโลตัสใหม่2รุ่น
“สำหรับการรุกตลาดของนิชคาร์จะเริ่มตั้งแต่ปีนี้ โดยไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการเปิดตัวโลตัสใหม่ 2 รุ่น คือ Lotus Elise sc โฉมใหม่ปี 2011 และ Lotus Exige cup 260 ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้จะทำให้ยอดขายแบรนด์โลตัสบรรลุได้ตามเป้าหมาย 27 คัน” วิทวัสกล่าวและว่า
โดยจุดเด่นของรถทั้งสองรุ่นใหม่ วิทวัสบอกว่า Lotus Elise sc และ Lotus Exige cup 260 โดดเด่นด้วยตัวถังไฟเบอร์กลาส ผสานการออกแบบใหม่ทั้งหมด ใช้เครื่องยนต์ VVTL-I ทำงานร่วมกับซูเปอร์ชาร์จ ในรุ่น New Lotus Elise sc ให้กำลัง 217 แรงม้า และ New Lotus Exige cup 260 มีกำลังสูงถึง 257 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 4.1 วินาที
จากนั้นในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ จะมีการนำรุ่น “GT4 อีโวลา” ซึ่งเป็นสไตล์รถแข่ง โดยได้เช่ารถคันนี้มาจากโรงงานเพื่อให้แฟนความเร็วได้ยลโฉมกันด้วย แต่รถรุ่นนี้คงไม่ได้นำเข้ามาทำตลาด ด้วยข้อจำกัดเป็นรถเหมาะในสนามแข่งมากกว่า เพราะทั้งคันมีแค่เบาะนั่งคนขับเท่านั้น
“หากมีลูกค้าสนใจก็จะรับออเดอร์เข้ามาขายให้ แต่คงไม่เน้นนำเข้ามาทำยอดขาย จากข้อจำกัดดังกล่าว เน้นเทคโนโลยีและความสะใจมากกว่า และขณะนี้มีลูกค้าสั่งไปแล้ว 1 คัน ราคาประมาณ 13 ล้านบาท”
นำลัมบอร์โมเดลใหม่เสริมทัพ
สำหรับซูเปอร์คาร์จากอิตาลี “ลัมบอร์กินี” วิทวัสบอกว่า ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 30 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายไปได้ทั้งหมด 23 คัน โดยจำนวน 11 คัน เป็นลัมบอร์กินี รุ่นมูร์เซลาโก LP670-4 SV ราคาคันละ 37 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็คละกันไปจากตัวเลือกขณะนี้คือ กัลลาร์โด LP560-4, กัลลาร์โด LP560-4 สปายเดอร์ , กัลลาร์โด LP570-4 และกัลลาร์โด LP550-2
“ส่วนไฮไลต์ในปี 2554 นี้ เตรียมพบโมเดลใหม่ที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ(มีรายงานข่าวว่าใช้ชื่อรุ่น LP700) ซึ่งทางบริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลีได้เชิญแขกวีไอพีที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์จากทั่วโลก รวมถึงนิชคาร์ไปชมคันจริงแล้ว โดยรถรุ่นนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนมีนาคมนี้ ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” วิทวัสกล่าวและว่า
“ลูกค้าในไทยจะมีโอกาสได้สัมผัส และเป็นเจ้าของรถโมเดลใหม่คันนี้แน่นอน โดยเราได้สั่งจองไปแล้ว 11 คัน คาดว่าพร้อมเปิดตัวในเมืองไทยประมาณเดือนพฤษภาคม หรือกลางปีนี้”
ทั้งนี้ข้อมูลของซูเปอร์คาร์ลัมบอร์กินีโมเดลใหม่ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา นอกจากรายละเอียดคร่าวๆ เป็นรถเครื่องยนต์วางกลาง 12 สูบ ขับเคลื่อนด้วยระบบชุดเกียร์ใหม่ แบบเดียวกับเทคโนโลยีในรถแข่งฟอร์มูล่าวัน สามารถเลือกการใช้งานได้ 5 โหมด มีอัตราเร่งจาก 0-100กม./ชม. อยู่ที่ 2.9 วินาที โดดเด่นด้วยแชสซีส์ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา
เกรย์มาร์เกตทำตลาดพัง
นอกจากการเปิดตัวรถใหม่แล้ว สิ่งสำคัญในการทำตลาดของนิชคาร์ มีนโยบายชัดเจนที่จะเน้นเรื่องงานบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า ตลอดจนมาตรฐานของตลาดซูเปอร์คาร์
วิทวัสบอกว่า… ขณะนี้กลุ่มลูกค้าขยายตัวมาก ตลาดโดยรวมกำลังเติบโตต่อเนื่อง แต่ต้องบอกว่าเป็นการเติบโตที่ผิดทาง คนขายก็ขายแบบผิด ทำให้คนซื้อก็ซื้อแบบผิด มันเละไม่มีมาตรฐานไปหมด ดังนั้นนิชคาร์จึงต้องทำให้ทุกอย่างให้มีมาตรฐาน ทั้งงานบริการก่อนและหลังการขาย
“นิชคาร์ประกาศชัดเจนว่า ไม่รับซ่อมรถจากแหล่งอื่นที่ไม่ได้ซื้อจากนิชคาร์ เพราะผมต้องมีคำตอบให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาหาเรา เช่นเดียวกับผู้จำหน่ายอย่างบีเอ็มดับเบิลยูที่ไม่รับซ่อมรถลูกค้าที่ซื้อจากเกรย์มาร์เกต” วิทวัสกล่าวและว่า
“ในส่วนของนิชคาร์มีความพร้อมให้บริการลูกค้า โดยได้ลงทุนไปกับโชว์รูมร่วม 100 ล้านบาท รวมไปถึงการสั่งรถในสต๊อกและงบการตลาดอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะปีนี้ 35 ล้านบาท เรากำลังสร้างมาตรฐานและความแตกต่าง เพื่อให้ระบบในตลาดมันเดินหน้าไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่นิชคาร์มีความมุ่งมั่นมาตลอด”
ทั้งหมดเป็นทิศทางและแผนงานของ “นิชคาร์” พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า…
“เกรย์มาร์เกตชิงความได้เปรียบ ด้านความเร็วและราคา แต่มันแทบไม่มีผลสำหรับเรา สิ่งสำคัญเราต้องชัดเจนในการทำตลาด หากผมจะนำยี่ห้ออื่นมาขายก็ได้ แต่ไม่ทำ เพราะเคารพผู้ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องของยี่ห้อนั้นๆ”
