ข่าวต่างประเทศ-บีเอ็มดับเบิลยูประกาศสร้างเครือข่ายแบรนด์ใหม่ ภายใต้โลโก้ใบพัดสีฟ้าและเพิ่มอักษรตัวไอ สำหรับการเดินหน้าสร้างยานยนต์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Sustainable Vehicles) และเสริมบริการโซลูชั่นสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล (Mobility Solution) ครอบคลุมการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการขับขี่
เอียน โรเบิร์ตสัน กรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู เอจี รับผิดชอบงานด้านการตลาดและการขาย กล่าวว่า “BMW i เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของบีเอ็มดับเบิลยูในด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Mobility ซึ่งจะเป็นก้าวใหม่สำหรับการเดินทางส่วนบุคคลระดับพรีเมียม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่จะเป็นก้าวกระโดดในแง่ของการเดินทาง โดยมุ่งเน้นที่การใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อลดและแก้ปัญหามลพิษ อันเป็นการปฏิวัติกฏเกณฑ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยีการผลิตยุคใหม่ภายใต้คำขวัญ BMW i - Born Electric”
นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายกรอบการทำงานเพื่อให้ครอบคลุมถึงบริการ Mobility Solution หรือบริการโซลูชั่นสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต ด้วยการตั้งบริษัท Venture Capital ที่มหานครนิวยอร์ก ภายใต้ชื่อ BMW i Venture เพื่อที่จะลงทุนส่งเสริมการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการเดินทางส่วนบุคคลด้วยงบประมาณลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งก่อนหน้าทีมวิจัยและพัฒนาของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้บุกเบิกริเริ่มการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน หรือ Sustainability ภายใต้โครงการ Project i ซึ่งได้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบขับเคลื่อนใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริด รวมถึงโครงการนำร่องการผลิตแบบ Serial Production และการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในวงกว้าง
โดยก้าวแรกของ BMW i จะบุกเบิกด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ล้ำยุคในปี 2013 ผลงานชิ้นแรก คือ BMW i3 ที่ผ่านมารู้จักกันภายใต้ชื่อโครงการ MCV Mega City Vehicle เป็นยานยนต์สำหรับมหานครขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเป็น Zero-Emission Vehicle เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษในเมือง ส่วนอีกผลิตภัณฑ์หนึ่ง คือ BMW i8 เป็นรถสปอร์ตที่สร้างอยู่บนพื้นฐานของ BMW Vision Efficient Dynamics ใช้เทคโนโลยีระบบ Plug-in Hybrid พร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง มีอัตราการประหยัดน้ำมันและอัตราการคายไอเสียอยู่ในระดับต่ำเทียบเท่ารถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งทั้งสองรุ่นจะสร้างอยู่บนพื้นฐานนวัตกรรมโครงสร้าง Life Drive เป็นเทคโนโลยีวิศวกรรมโครงสร้างยานยนต์แบบใหม่ ใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบาสร้างแชสซีและติดตั้งระบบขับเคลื่อนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างด้วย จากนั้นครอบด้วยส่วนของห้องโดยสารที่ผลิตจากวัสดุ CFRP (Carbon Fiber Reinforced Plastic) ที่มีความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อชดเชยน้ำหนักของระบบขับเคลื่อนและระบบแบตเตอรี่
สำหรับ BMW i3 และ BMW i8 ที่จะออกสู่ตลาดภายในปี 2013 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้เตรียมการผลิตไว้ที่โรงงานในเมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี โดยมีการลงทุนเพิ่มเติมแล้วกว่า 400 ล้านยูโร อีกทั้งยังมีการวางแผนเครือข่ายการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์โดยความร่วมมือกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในแต่ละด้าน เช่น บริษัท SGL Group ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เชี่ยวชาญด้านวัสดุ CFRP และบริษัท SB LiMotive ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ Bosch และ Samsung เพื่อผลิตระบบแบตเตอรี่ลีเธียม-ไอออน
เกี่ยวกับเครือข่ายแบรนด์ใหม่ BMW i บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ตั้งบริษัทลงทุนแบบ Venture Capital ชื่อ BMW i Venture ที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างพันธมิตรและร่วมลงทุนในบริษัทพัฒนาโซลูชั่นและให้บริการด้าน Mobility Services หรือโซลูชั่นสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล และบริษัทแรกที่ได้เข้าร่วมลงทุน คือ บริษัท My City Way ในเมืองนิวยอร์ก ผู้ให้บริการ Mobile App เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ข้อมูลในการช่วยหาที่จอดรถ และข้อมูลร้านค้าและบริการ กว่า 40 เมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายการบริการสู่เมืองต่างๆ ทั่วโลก
เอียน โรเบิร์ตสัน กล่าวทิ้งท้ายว่า “BMW i จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ความเป็นจริง ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และบริการ โดยอาศัยศักยภาพที่แข็งแกร่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งในด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และในด้านการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ผสมผสานรูปแบบฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างลงตัว โดยทั้งหมดนี้จะอยู่บนจุดยืนแห่งการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน”