xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์เชนจ์ Chevrolet Captiva

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อดูจากระยะเวลาที่อยู่ตลาด และมองผ่านแบบผ่านๆ อาจจะคิดว่าแคปติว่า เอสยูวีของค่ายเชฟโรเลตถึงเวลาของการเปลี่ยนโฉมแล้ว เพราะการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2006 ก็ถือว่านานเอาเรื่อง และครบวงจรของการเปลี่ยนโฉมเดลรถ

แต่นี่ไม่ใช่ แคปติวา ยังเป็นโมเดลเดิมที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานเดิม เป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ หรือบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ที่มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกโดยเฉพาะด้านหน้าหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าและกันชนหน้า ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นแบบ Dual-Port Grilled เอกลักษณ์ใหม่ที่ใช้อยู่ในรถยนต์ของเชฟโรเลตหลายรุ่น และในบ้านเราคุ้นตากันไปแล้วกับรุ่นครูซ เช่นเดียวกับไฟหน้าทรงเหลี่ยมยาวช่วยเพิ่มความบึกบึนให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น


ในเรื่องของการเพิ่มความสปอร์ตในรุ่นปรับโฉมนี้ติดตั้งล้อแม็กขนาด 17 นิ้วจากโรงงานมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนใครที่ยังไม่พอใจกับล้อขนาดเดิมๆ ทางเชฟโรเลตก็มีล้อขนาด 19 นิ้วเตรียมเอาไว้รอท่า

ไม่ได้ใหม่แค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมกับความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบใหม่ไม่ว่าจะเป็นแผงมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และความเร็ว เช่นเดียวกับแผงคอนโซลกลาง ซึ่งถูกออกแบบใหม่เพื่อให้สัมผัสถึงความแปลกใหม่จากรุ่นเดิม โดยมีการปรับแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ Dual Cockpit เหมือนกับครูซ เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหน้าเกิดสัมผัส และอารมณ์ร่วมกับผู้ขับขี่

ความอเนกประสงค์ของตัวรถยังมากันครบทั้งรุ่นเบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่งแบบ 3 แถวซึ่งสามารถพับเบาะได้อย่างอเนกประสงค์ หรือรุ่น 5 ที่นั่ง 2 แถวที่เน้นการบรรทุกสัมภาระด้านท้ายด้วยความจุในระดับ 769 ลิตร (และจะลดลงเหลือ 477 ลิตรเมื่อวัดระดับการบรรทุกไม่เกินจากขอบด้านล่างของกระจกบนตัวถังด้านท้าย) โดยความจุจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,577 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง (และจะลดลงเหลือ 942 ลิตรเมื่อวัดระดับการบรรทุกไม่เกินจากขอบด้านล่างของกระจกบนตัวถังด้านท้าย)


ขุมพลังเบนซินยังเป็นทางเลือกแบบเดิมๆ ในการขับเคลื่อน โดยเป็นแบบ 4 สูบ 2,400 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT มีกำลังสูงสุด 167 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 23.4 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที มีขายทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อตลอดเวลา ซึ่งในรุ่นขับหน้าเมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 10.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์วี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 3,000 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน และระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ Di ขยับกำลังขึ้นมาเป็น 258 แรงม้า ที่ 6,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 29.3 กก.-ม. ที่ 5,800 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 8.21 วินาที และความเร็วสูงสุด 198 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทางเลือกสุดท้ายเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบ 4 สูบ 2,200 ซีซี มีให้เลือก 2 รุ่นคือ 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. และ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 9.4 และ 9.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 189 และ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามลำดับ


ส่วนระบบเกียร์นอกจากธรรมดาแล้ว ก็ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะให้เลือกใช้งาน สำหรับระบบช่วงล่างและระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งในแคปติวาไมเนอร์เชนจ์ยังมีมาให้อย่างครบครันเหมือนเดิม แต่ปรับปรุงในส่วนของซอฟต์แวร์การทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องมากยิ่งขึ้น

การทำตลาดจะเริ่มขึ้นในยุโรปเดือนมีนาคมนี้ ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูว่า ทางเชฟโรเลตจะนำเข้ามากระตุ้นตลาดเมื่อไร จะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือว่าต้นปีหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น